กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 491

กู้ชูหน่วนกล่าวว่า "งั้นหากว่าข้าชนะองค์หญิงจะทรงทำเช่นไร?" "แล้วท่านคิดว่าอย่างไร?"
“องค์หญิงกล่าวเช่นนี้อย่างไรข้าก็เป็นชายาเสด็จอาของท่าน เป็นไปได้หรือว่าข้าชนะท่านแล้วก็จะให้ท่านคุกเข่าเลียนแบบสุนัขเห่า?”
คำพูดนี้แดกดันเบาๆว่าองค์หญิงตังตังจิตใจคับแคบและก็ยิ่งใจน้อยนัก
องค์หญิงตังตังอาจจะฟังความหมายที่นางสื่อไม่ออกแต่ว่าพระพันปีทรงฟังได้เข้าพระทัย ข้อต่อมืออันชัดนั้นอดที่จะเกิดเสียงกระทบกันดังขึ้นไม่ได้
“เช่นนี้เถอะ หากท่านพ่ายแพ้ข้าจะนำสิ่งของสิ่งหนึ่งออกจากจวนองค์หญิงของท่านถือเสียว่าดวงดี”
"เจ้าต้องการได้สิ่งใดจากที่ข้านี้?"
“องค์หญิงตื่นเต้นเช่นนี้ทำไมกัน เป็นไปได้หรือว่าข้าจะเอาชีวิตของท่าน ข้าไม่ได้เบื่อหน่ายเช่นนั้น สิ่งที่ข้าต้องการง่ายดายนักและท่านก็สามารถให้ได้อย่างแน่นอน”
องค์หญิงตังตังฟังอย่างละเอียด
ในมือของกู้ชูหน่วนเอาของไปได้หลายครั้งแล้ว หากไม่กล่าวว่ารางวัลสิ่งใดให้ชัดเจนนางก็จะไม่มีทางทำเรื่อยเปื่อยเป็นแน่
แต่กลับเห็นกู้ชูหน่วนมองดูที่คอและข้อมือที่ว่างเปล่าของตนแล้วกล่าวอย่างเศร้าใจว่า “พวกท่านแต่ละคนสวมใส่ทองและเงินแต่ว่าตัวข้ากลับว่างเปล่า ไม่เปรียบเทียบก็ยังดีเมื่อเทียบแล้วก็ช่างเศร้าใจยิ่งนัก เช่นนี้ละกันหากว่าข้าชนะ ข้าก็จะนำเครื่องประดับชิ้นหนึ่งออกจากจวนองค์หญิงของท่านหรือไม่ก็อัญมณีประเภทสร้อยคอสร้อยข้อมือ”
"แค่นี้เองหรือ?"
ทุกคนต่างรู้สึกไม่อยากที่จะเชื่อ
พวกเขาทั้งหมดคิดว่ากู้ชูหน่วนจะใช้โอกาสแก้แค้นเอาคืน
พระพันปีทรงรู้สึกอยู่ตลอดว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่พระองค์ทรงพยายามครุ่นคิดก็คิดสิ่งที่กู้ชูหน่วนต้องการกระทำไม่ออก
เป็นไปได้หรือว่าเพียงแค่ต้องการเครื่องประดับของมีค่าอย่างบริสุทธิ์ใจเท่านั้น?
กู้ชูหน่วนกรอกตาใส่ทุกคน "ดูข้าทำไมกันบนหน้าข้ามีสิ่งใดหรือ ข้าว่านะองค์หญิงตังตังท่านจะเดิมพันหรือไม่? หากว่าไม่เดิมพันข้าก็จะจากไปแล้ว"
“เดิมพัน เดิมพันตอนนี้เลย หัวข้อข้าเป็นผู้กำหนดทั้งหมดสามข้อเพียงแค่เจ้าสามารถทำได้ทั้งสามคำถามก็ถือว่าเจ้าชนะ”
"ตกลง"
“ข้อที่หนึ่ง นี่คือลูกธนูสิบดอก ทุกดอกเจ้าจะต้องยิงให้ตรงใจกลางเป้า เพียงแค่มีดอกหนึ่งเบี้ยวก็ถือว่าเจ้าแพ้ และในสามหัวข้อหากเจ้าแพ้หนึ่งข้อก็ถือว่าแพ้ทั้งหมด"
"ได้"
เหล่าเสนาบดีแต่ละคนต่างวิพากษ์วิจารณ์กัน
หญิงอ่อนแอผู้หนึ่งต้องยิงธนูทั้งสิบดอกเข้ากลางเป้า แม้แต่แม่ทัพผู้กล้าหาญก็ไม่แน่ว่าจะสามารถยิงเข้าเป้าได้หมดทุกดอก
แม้ว่าจะยากแต่เหล่าเสนาบดีก็ไม่ได้กล่าวสิ่งใด
กระทั่งถึงลานแสดงยุทธ์......
ระยะทางที่องค์หญิงตังตังตั้งเอาไว้คือหนึ่งร้อยเมตร
วางหลุมให้ตาย เป็นหนึ่งร้อยเมตรเต็มจริงๆ
เหตุใดนางถึงไม่ยิงเอง คนธรรมดาผู้หนึ่งห่างหนึ่งร้อยเมตรผู้ใดจะยิงได้ เห็นได้ชัดว่าตั้งใจสร้างความลำบากใจให้
เสนาบดีทั้งหลายรวมหัวกระซิบกระซาบกัน
“ครั้งนี้พระชายาหานจะต้องพ่ายแพ้เป็นแน่”
“ก็ใช่หน่ะสิ ไม่เคยได้ยินว่าพระชายาหานยิงธนูเป็น นางดีดฉินเล่นหมากรุกวาดเขียนพอได้ ยิงธนูเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน การยิงธนูเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน”
“ข้าเดาว่านางดึงลูกธนูก็ไม่ออกกระมัง”
“เห็นได้ชัดว่าองค์หญิงตังตังต้องการแก้แค้น เฮ้อ.....พระชายาหานพบเจอองค์หญิงตังตังเข้าก็ช่างโชคร้ายจริงๆ”
กู้ชูหน่วนเพิกเฉยต่อคำเยาะเย้ยของทุกคน นางหยิบคันธนูและลูบไล้อย่างระมัดระวัง
นานเท่าใดแล้วที่นางไม่ได้สัมผัสคันธนูจนเกือบจะลืมไปแล้วว่าคันธนูมีลักษณะอย่างไร
เมื่อลืมตาขึ้นก็เห็นองค์หญิงตังตังยิ้มอย่างภาคภูมิใจ จักรพรรดิเยี่ยทอดพระเนตรอย่าง.... ส่วนพระพันปีสายพระเนตรหมองหม่นดูไม่ออกว่ากำลังทรงคิดสิ่งใดอยู่
กู้ชูหน่วนก้มลงหยิบลูกธนู ด้านหนึ่งเดินพร้อมกับอีกด้านหนึ่งยิง โดยที่ไม่ได้มองกลางเป้าเลยก็ยิงดอกหนึ่งไปโดยตรงด้วยท่าทางที่พูดไม่ออกว่าเกียจคร้านตามแต่ใจคิดมากเพียงใด
ที่ลานแสดงยุทธ์เกิดเสียงสูดลมหายใจอันเย็นเข้า
“สวรรค์ ดอกที่หนึ่งเข้าเป้าแล้ว”
“ดอกที่สองก็เข้าเป้าแล้วด้วย”
“ดอกที่สามก็เข้าเป้าด้วย สวรรค์ นางไม่แม้แต่จะมองดูใจกลางเป้าเลย และลูกธนูแต่ละดอกก็ถูกยิงตามแต่ใจเหตุใดถึงยังสามารถเข้ากลางเป้าได้”
“ไม่น่าเชื่อเลยจริงๆ ยิงสบายๆก็ยังสามารถยิงเข้าทุกดอก นี่เป็นการกลับชาติมาเกิดของเทพแห่งธนูชัดๆ”
ลูกธนูสิบดอกเข้าใจกลางเป้าทั้งสิ้น
ทุกๆคนอ้าปากตาค้างโดยเฉพาะองค์หญิงตังตังและจักรพรรดิเยี่ยที่ไม่สามารถตอบสนองได้เป็นเวลานานและจ้องมองกู้ชูหน่วนสะบัดมือของตนเองพร้อมกับบ่นพึมพำกับตัวเอง
“ลูกธนูนี้ก็หนักเกินไปกระมัง ดึงเสียจนแขนของข้าปวดไปหมด
องค์หญิงตังตังลูกธนูสิบดอกดูเหมือนว่าจะเข้ากลางเป้าทั้งหมด รอบแรกข้าชนะแล้วสินะ” องค์หญิงตังตังกลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง “ภูมิใจอันใดกันยังมีอีกสองการประลองนะ”
“งั้นท่านก็ออกหัวข้อเถอะ รีบประลองให้เรียบร้อยข้าก็สามารถเลือกเครื่องประดับที่จะสวมใส่บนร่างกายของข้าได้”
“หัวข้อที่สองก็ยังลูกธนูสิบดอก เพียงแค่เจ้าสามารถยิงเข้าใจกลางเป้าทั้งหมดอีกก็ถือว่าเจ้าชนะ แต่ว่าคราวนี้จะมีเหรียญกษาปณ์สิบเหรียญแขวนอยู่ด้านหน้าของเป้า และเหรียญกษาปณ์ทั้งสิบเหรียญยังขยับไปมาซึ่งลูกธนูของเจ้าจะต้องยิงทะลุผ่านตรงกลางกลวงของเหรียญกษาปณ์
ชู่ว์......
ทั้งหมดตรงนั้นเสียงอึกทึกขึ้น
นี่ก็ช่างยากเกินไปกระมัง
องค์หญิงตังตังสร้างความลำบากใจและสร้างความลำบากได้ชัดเจนนัก ทำเกินไปแล้วกระมัง
อย่างไรพระพันปีกับจักรพรรดิเยี่ยก็ทรงทนทอดพระเนตรต่อไปไม่ไหวแล้วและทรงเกลี้ยกล่อมว่า "องค์หญิง พอเหมาะก็สมควรหยุดได้แล้ว"
“เป็นนางเองที่บอกว่าต้องการประลองกับข้า ไม่ใช่ข้าขอร้องให้นางประลองกับข้า หากนางกลัวก็ยอมแพ้สิ บางทีข้าอาจจะเห็นแก่เสด็จอาสามารถให้นางเลียนเสียงสุนัขเห่าแค่สองสามเสียง”
ช่างน่าขัน
นางเป็นถึงภรรยาของเทพแห่งสงครามและยังเป็นที่รักของเทพแห่งสงคราม ผู้ใดจะกล้าให้นางคุกเข่าเลียนสุนัขเห่า
พรุ่งนี้จะไม่ถูกเทพแห่งสงครามบีบจนตายหรอกหรือ
เหรียญกษาปณ์สิบเหรียญที่แกว่งไปมาผูกเข้าด้วยกันและอยู่เป็นเส้นตรงกับกลางเป้า แม้แต่แม่ทัพอาวุโสเซี่ยวก็ใช่ว่าจะทำได้ แล้วยิ่งลูกธนูสิบดอกทุกๆดอกต้องยิงเข้าเป้า หากว่ามีเพียงแค่ดอกหนึ่งเบี้ยวก็ถือว่านางพ่ายแพ้
นี่มันช่างยากยิ่งนัก
ช่างยากเย็นยิ่งนัก
พวกเขาคิดว่ากู้ชูหน่วนจะไม่รับปาก
คิดไม่ถึงว่ากู้ชูหน่วนก็ยังคงรับปาก
ไม่รู้จริงๆว่านางเป็นลูกโคแรกเกิดที่ไม่กลัวเสือหรือเปล่า
“เหรียญกษาปณ์สิบเหรียญนี้แกว่งไปมาเสียจนข้าปวดตา ช่างเถอะ อย่างไรข้าก็รำคาญที่จะมองดูพวกมันก็จัดการกับพวกมันให้หมดเลยละกัน”
หยิ่งยะโส จองหอง คิดไปเองว่าใช่
ทุกๆคนหัวเราะกัน
แต่ว่าเช่นไรพวกเขาก็ไม่เคยนึกถึง
กู้ชูหน่วนยิงลูกธนูดอกที่หนึ่งออกไป ลูกธนูนั้นพุ่งทะยานออกไปราวกับมีดวงตา ยิงเข้าเป้าเหรียญกษาปณ์ที่แกว่งไปแกว่งมาอย่างไม่เป็นระเบียบเข้าทั้งสิบเหรียญ และสุดท้ายก็ยิงเข้าไปยังใจกลางเป้า
ทั้งที่นั้นเงียบกริบ
คงจะเป็นโชคช่วย
โชคช่วยเป็นแน่
ลูกธนูดอกที่สองพุ่งออกผ่านอากาศและทะลุผ่านเหรียญกษาปณ์อีกครั้งแล้วก็เข้ากลางเป้า
อะไรวะ
โชคช่างดีเกินไปแล้วกระมังยิงเข้าเป้าอีกแล้ว
ลูกธนูดอกที่สามยังคงเข้ากลางเป้า
ทุกคนกระซิบกระซาบกัน พระชายาหานเคยเรียนการยิงธนูกระมัง ไม่เช่นนั้นเหตุใดนางถึงสามารถยิงเข้าเป้าได้ทุกดอก แต่ว่าทำไมท่ายิงธนูของนางถึงได้แปลกประหลาดเช่นนี้?
ลูกธนูดอกที่สี่......
ทุกคนอ้าปากค้าง
เป็นเทพแห่งสงครามที่สอนให้นางยิงธนูหรือ? ต้องใช่แน่
ลูกธนูดอกที่ห้า......
อัปเดต บทที่ 491 ของ กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์
ประกาศ กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ ได้อัปเดต บทที่ 491 พร้อมรายละเอียดที่น่าทึ่งและคาดไม่ถึงมากมาย ในการเขียนที่คล่องแคล่วในข้อความที่เรียบง่าย แต่จริงใจบางครั้งความโรแมนติคที่สงบของผู้แต่ง อี้หมิง ใน บทที่ 491 พาเราไปสู่ขอบฟ้าใหม่ ลองอ่านซีรี่ส์ บทที่ 491 กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ ที่นี่ แป้นค้นหา: กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 491