ตอน บทที่ 507 จาก กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 507 คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายInternet กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ ที่เขียนโดย อี้หมิง เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
กู้ชูหน่วน “...”
จอมมารยิ้มเยาะ “พี่หญิง ท่านบอกเขาไปสิว่าข้าไม่ใช่ใครที่ไหน ข้าคือเจ้าแห่งเผ่าปีศาจ ซือม่อเฟย”
ทันทีที่เขาพูดประโยคนี้ ผู้คนที่กำลังเฝ้าดูเรื่องตื่นเต้นเมื่อครู่ก็แย่งกันหลบออกมา ราวกับว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าคือจอมปีศาจผู้ยิ่งใหญ่
กู้ชูหน่วนมองบนพื้นที่เต็มไปด้วยรองเท้าหลายแบบอย่างเลื่อนลอย
คนพวกนี้ต้องเล่นใหญ่ขนาดนี้เลยเรอะ
ต่อให้เขาเป็นจอมมารก็ไม่เห็นต้องกลัวขนาดนี้เสียหน่อย
จอมมารเอ่ยอย่างโอ้อวดว่า “ดูสิ ชื่อเสียงของข้าเลื่องลือไปทั่วหล้า”
เยี่ยจิ่งหานยิ้มเยาะ “ชื่อเสียงอื้อฉาวนะสิ”
กู้ชูหน่วนแทรกไปว่า “นี่ พวกท่านคุยกันไปก่อนแล้วกัน ข้ายังมีเรื่องต้องทำ ขอตัวก่อนละ”
“หยุดอยู่ตรงนั้น”
เยี่ยจิ่งหานกับจอมมารตะโกนขึ้นพร้อมกัน
กู้ชูหน่วนระงับความไม่พอใจเอาไว้และฉีกยิ้มอย่างเสแสร้ง “นายท่านทั้งสองมีอะไรจะสั่งเสียอีกเจ้าคะ”
“พี่หญิง ข้าจะแต่งงานกับท่านนะ” จอมมารยิ้มยิงฟัน เป็นรอยยิ้มที่ใสสะอาดราวกับแก้วภูเขาไฟ*
คำตอบที่จอมมารได้รับคือกำปั้นของเยี่ยจิ่งหาน
ปึ่งๆๆ
ฝ่ามือทั้งสองปะทะกัน ต้นไม้อายุนับร้อยปีที่อยู่ไม่ไกลจากตรงนั้นสั่นไหวอย่างรุนแรงจนกระทั่งถูกถอนรากถอนโคน ตกลงกระแทกพื้นเสียงโครมคราม
“ผู้หญิงของข้า เจ้าไม่มีสิทธิ์ยุ่ง”
น้ำเสียงของเยี่ยจิ่งหานแฝงไปด้วยความโกรธ ฝ่ามือหนึ่งแข็งแกร่งกว่าอีกฝ่ามือหนึ่ง
จอมมารหลบเลี่ยงได้อย่างสง่างาม ร่างสีแดงเพลิงเหมือนปีศาจ เคลื่อนตัวไปมาอยู่หน้าประตูวัง บางครั้งบางคราวก็นำดอกลำโพงออกมา
ดอกลำโพงสวยงามเพริศพรายราวกับเป็นดอกไม้ที่งดงามที่สุดในโลก แต่ถ้าหากร่างกายสัมผัสกับดอกลำโพง ร่างกายจะเหี่ยวเฉาจนเหลือแต่กระดูกในทันที
ตู้ม!
ดินทรายและก้อนหินที่พระราชวังชิวเฟิงปลิดปลิว เงาดำเคลื่อนไหววูบวาบ
เหล่าข้ารับใช้ล่าถอยออกไปอีก บางคนถูกลูกหลงจนบาดเจ็บหรือไม่ก็ตายคาที่
กู้ชูหน่วนกระตุกมุมปาก นางกลอกตาให้พวกเขาก่อนจะเดินว่างท่ากลับไปที่พระราชวัง
ชิงเฟิงคิดว่ากู้ชูหน่วนจะกลับไปแยกตัวหมอนั่นออกเพื่อช่วยนายท่านของเขา แต่ไม่คิดว่ากู้ชูหน่วนจะผล็อยหลับไปเริ่มหายใจอย่างสม่ำเสมอ
เขานึกโกรธขึ้นมา
“พระชายา พิษเหมันต์ของนายท่านกำเริบ ร่างกายได้รับบาดเจ็บสาหัส นอกจาก... นอกจากนี้ยังสูญเสียวรยุทธไปมาก เป็นเรื่องยากที่นายท่านจะรับมือกับจอมมารในเวลานี้”
“พระชายา ท่านฟังข้าอยู่หรือไม่”
กู้ชูหน่วนเอ่ยอย่างรำคาญว่า “บ่นอะไรของเจ้า ข้าง่วง”
“นายท่านยังต่อสู้กับจอมมารอยู่ข้างนอกนะพ่ะย่ะค่ะ”
“ถ้าชอบการต่อสู้มากนักก็ปล่อยให้เขาสู้ไป ยังไงก็ฆ่าไม่ตายหรอกน่า” อย่าคิดว่านางไม่รู้ว่าที่พระราชวังชิวเฟิงแห่งนี้เต็มไปด้วยผู้มีฝีมือมากมาย
คนที่จะเสียผลประโยชน์เกรงว่าจะมีแค่ซือม่อเฟย
ไม่ว่าทักษะการต่อสู้ของซือม่อเฟยจะสูงส่งแค่ไหน แต่ที่นี่คืออาณาเขตของเยี่ยจิ่งหาน
นอกจากนี้เยี่ยจิ่งหานเป็นเจ้าบ้านที่จะถูกเอาเปรียบได้เสียที่ไหน
“นายท่านต่อสู้กับจอมมารเพื่อนท่าน ท่านจะนอนหลับอย่างสงบสุขเช่นนี้ได้อย่างไร”
กู้ชูหน่วนเลิกผ้าห่มและหาวหนึ่งฟอด เอ่ยอย่างเฉื่อยชาว่า “ชิงเฟิง นี่ไม่ใช่นิสัยเจ้า ลองบอกสิมาว่าทำไมข้าต้องไปดูการต่อสู้ พวกเจ้ากำลังพยายามทำอะไร”
ดวงตาของชิงเฟิงเป็นประกาย เขาไม่กล้ามองกู้ชูหน่วนที่อยู่ในห้องตรงๆ และพูดอึกอักว่า “กระหม่อมเพียงแต่เสียใจแทนนายท่าน นายท่านกำลังต่อสู้อยู่ข้างนอก แต่พระชายากลับไม่แยแส ทำให้นายท่านผิดหวังเป็นอย่างมาก”
กู้ชูหน่วนยิ้มเยาะ
นี่มันความคิดของไอ้บ้าตัวไหน?
ให้นางไปให้กำลังใจ แล้วจากนั้นยังไงต่อ ให้นางไปเข้าแถวงั้นเหรอ
นางเคยมาพระราชวังชิวเฟิงแล้วครั้งหนึ่ง การหนีออกไปจากที่นี่ยากพอๆ กับการบินขึ้นไปบนฟ้า เว้นเสียแต่ว่าจากจะออกไปทางใต้หน้าผาซึ่งอยู่ในเขตหวงห้าม
ด้วยประสบการณ์ในครั้งแรก คราวนี้กู้ชูหน่วนจึงเดินทางอย่างราบรื่นเพราะความคุ้นเคย
ทว่านางก็ยังถูกพบโดยยอดฝีมืออายุราวๆ หกสิบที่แอบซ่อนอยู่ “พระชายา ไม่ไกลจากตรงนี้คือเขตหวงห้าม ท่านไปผิดทางแล้วหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
“อ้อ... งั้นเหรอ ประตูใหญ่ของพระราชวังชิวเฟิงไม่ได้ไปทางนี้หรอกหรือ ทางที่นี่มันยังไงกัน ซับซ้อนเหลือเกิน วนเวียนอยู่นานก็ยังหาทางไปไม่ได้”
แม้ว่าผู้เฒ่าจะอายุหกสิบแล้วแต่เขาก็ยังมีท่าทีกระฉับกระเฉง เดินเหินเหมือนกำลังบิน มองไม่ออกเลยว่าเขาแก่แล้ว โดยเฉพาะดวงตาที่เหมือนจะมองทะลุทุกสิ่ง
ชายชราจ้องมองพระชายาหานด้วยแววตาล้ำลึก เอ่ยกับนางด้วยคำพูดที่เข้มงวดไม่ยืดหยุ่น ไม่มีความอบอุ่นเลยแม้แต่น้อย ดูไม่ออกเลยว่าเขามองเห็นความตั้งใจของกู้ชูหน่วนหรือไม่
“พระราชวังชิวเฟิงแห่งนี้เต็มไปด้วยค่ายกล ถ้าทำลายค่ายกลไม่ได้ คนธรรมดาไม่มีทางออกไปจากพระราชวังชิงเฟิงได้แน่”
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ ข้าก็ว่า เหตุใดจึงวนเวียนหาทางออกไปไม่ได้เสียที ขอบคุณท่านผู้เฒ่าที่เตือนข้า”
กู้ชูหน่วนเพิ่งจะหาทางออกให้ตัวเองได้ แต่ผู้เฒ่าวัยหกสิบกลับฉีกมันทิ้งอย่างไร้ความปรานี
“แต่เส้นทางระหว่างห้องบรรทมของพระชายากับประตูใหญ่ไม่มีค่ายกลใดๆ แค่ตรงไปก็จะถึงประตูใหญ่ได้เลยพ่ะย่ะค่ะ”
“งั้นหรือ สงสัยข้าจะขี้หลงไปหน่อย เดินวนไปเรื่อย แยกแยะทิศไม่ได้ด้วยซ้ำว่าไหนตะวันตกไหนตะวันออก”
กู้ชูหน่วนแอบมองไปรอบๆ อย่างสังเกต
ค่ายกลแปดทิศที่อยู่ตรงนี้ทรงพลังมาก ถ้าอยากจะทำลายให้ได้จำเป็นต้องทำลายตำแหน่งคุน*
แต่ผู้เฒ่าชราเอาแต่ยืนอยู่ตรงตำแหน่งคุน คอยปกป้องค่ายกลไว้อย่างเต็มที่ ไม่ยอมขยับเขยื้อนเลยสักนิด
พละกำลังของเขาเป็นสิ่งที่ยากจะหยั่งรู้ ด้วยพลังของนางตอนนี้ นางมองไม่ออกเลยแม้แต่น้อย
หากเผชิญหน้าตรงๆ นางต้องแพ้แน่
อีกอย่างคือนอกจากผู้เฒ่าอายุหกสิบผู้นี้ รอบๆ ตัวเขายังมีผู้มีฝีมืออีกเจ็ดคน
แววตาของกู้ชูหน่วนฉายแววตาเจ้าเล่ห์ ทันใดนั้นนางก็กุมท้องและกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด “โอ๊ย ข้าเจ็บท้องเหลือเกิน หรือว่าเมื่อครู่ตอนอยู่ในรถม้ามีใครวางยาพิษข้า โอ๊ย เจ็บเหลือเกิน หมอหลวง พวกท่านรีบไปตามหมอหลวงมาให้ข้าที”
## แก้วภูเขาไฟ หมายถึงหินออบซิเดียน
### ตำแหน่งคุน คือตำแหน่งหนึ่งของค่ายกลแปดทิศ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่แปลให้อ่านนะคะ อ่านถึง 1174 แล้วรอตอนต่อไปอยู่ค่ะ...
ไม่อัพจบเหรอคะ...
เป็นนางเอกที่นิสัยแย่ที่สุดตั้งแต่เคยอ่านมา...
คือตัวเองไม่มีเงิน แต่คิดจะเอาทุกอย่างด้วยราคาสูงเสียดฟ้า แล้วก็หาคำพูดให้คนอื่นจ่ายแทน ตัวเองหาประโยชน์จากคนใกล้ตัวแต่กลับเอาใจให้คนอื่นตลอดเนี่ยนะ...
แม่นางกู้เกินเยียวยาแล้วเด้อ 555...
เยี่ยเฟิงเป็นคนดีมาก แต่เขาทนงตัวเกินไป ชีวิตที่ผู้อื่นฝ่าฟันเพื่อแย่งชิงลมหายใจเขาไว้ แต่เขาก็ดิ้นรนกลับไปหาความตายอยู่เรื่อย...
ท่านอาจารย์พูดให้คิดดีมากเลย แต่อาหน่วนจะเข้าใจไหม นางดูมั่นหน้า มั่นใจเกิตเหตุแบบไม่สนสี่สนแปดใดใดเลย...
อยากให้กลับมาอัพเดทไวๆนะคะ ขอบคุณมากค่ะ...
สรุปเรื่องนี้มีตอนจบมั้ยค่ะ...
รอตอนจบอยู่นะคะ ใจบางไม่ไหวแล้วทรมาน...