กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 651

กู้ชูหน่วนลำบากใจ
จะทิ้งเขาไว้ที่นี่ก็คงไม่ดีจริงๆ แต่จะยิ่งแย่กว่าถ้าพาเขาไปด้วย
ดูจากอาการบาดเจ็บของเขา น่าจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งเดือนจึงจะรักษาหายขาด แล้วนางต้องอยู่ที่นี่หนึ่งเดือนเลยหรือ?
นางไม่มีเวลาขนาดนั้น
ขณะที่กำลังลังเลอยู่นั้น เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ก็กลับมาพร้อมกับส่งเสียงดังฟ่อๆ
“หาทางออกเจอแล้วหรือ”
“ยังเลย แต่เจอของอร่อยๆ มากมาย มีหมูย่างด้วย เราไปกินกันให้เต็มอิ่มก่อนแล้วค่อยหาทางต่อดีหรือไม่”
กู้ชูหน่วนมีสีหน้าอึมครึม
ออกไปตั้งนานเพื่อไปตามหากลิ่นหมูย่าง?
ในภูเขากันดารเช่นนี้มีหมู่บ้านอยู่ด้วยรึ
ในเมื่อหาทางออกไม่เจอ เช่นนั้นไปถามหาทางออกที่หมู่บ้านก่อนก็ดีเหมือนกัน
“ร่างกายของท่านยังทนไหวหรือไม่”
“ก็ดีกว่าถูกสัตว์ร้ายเขมือบ”
ซั่งกวนฉู่ไม่พูดพร่ำทำเพลง เขาก้าวเข้าไปหาเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์อย่างยากลำบาก จากนั้นจึงพยายามปีนขึ้นไปบนหลังของมัน
กู้ชูหน่วนปิดหน้าท้องของตนและเดินตามไป
เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ส่งเสียง “ฟ่อ” หนึ่งทีและโฉบไปตามพื้นที่เขียวชอุ่มของหุบเขากันดารราวกับกำลังขี่เมฆ
มันเปลี่ยนทิศไปทางนั้นทางนี้บ่อยมาก ไม่มีใครอยู่ที่นี่และไม่มีถนนหนทางให้เห็นเลยสักเส้น ดังนั้นกู้ชูหน่วนกับซั่งกวนฉู่จึงถูกเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์พาไปนั่งโคลงเคลงจนกระดูกกระเดี้ยวแทบหัก
“อีกนานแค่ไหน”
“ใกล้จะถึงแล้วนายท่าน”
“อีกนานแค่ไหน” นางอยากจะอ้วก นี่มันสถานที่บ้าอะไรกัน
“ใกล้แล้วๆ”
เลือดเริ่มไหลออกจากช่องท้องของกู้ชูหน่วนอีกครั้งหลังจากผ่านเนินเขาไปอีกสองเนิน ปากแผลของซั่งกวนฉู่ก็เปิดออกจนเลือดสีแดงสดรินไหลลงมาเป็นสาย
“อีกนานแค่ไหนกันแน่”
“อยู่ข้างหน้านี้แล้ว ใกล้ถึงแล้ว นายท่าน ท่านได้กลิ่นหมูย่างบ้างหรือไม่”
"....."
กู้ชูหน่วนกลอกตา
นางไม่ได้กลิ่นหมูย่างหรืออะไรเลยแม้แต่น้อย ที่นางได้กลิ่นมีอย่างเดียวคือกลิ่นเลือดที่โชยออกมาจากตัวของนางกับเขา
ถ้ายังเป็นอย่างนี้ต่อไป ชีวิตทั้งสองคนคงจะวายวอดก่อนเจอหมูย่าง
กู้ชูหน่วนนั่งอยู่ข้างหลังซั่งกวนฉู่และเห็นเขากวาดตามองไปทางด้านซ้ายอยู่บ่อยครั้ง ดังนั้นนางจึงมองตามสายตาของเขาไป
พื้นที่บริเวณอื่นเต็มไปด้วยต้นหญ้า ทว่าต้นหญ้าทางซ้ายกลับถูกเหยียบจนราบและมีทางเล็กๆ อยู่ด้วย เห็นได้ชัดว่ามีคนเดินผ่านมาทางนี้เป็นประจำและไม่ใช่คนจำนวนน้อยๆ เสียด้วย
เมื่อมองดูต้นไม้โดยรอบจึงเห็นว่าต้นไม้บางต้นถูกขุดรากถอนโคนไปจนหมด บางต้นถูกตัดไปจนเหลือแค่ตอไม้ที่มีขนาดใหญ่เกินสิบคนโอบ
นี่มัน...
มีคนมาฝึกฝนการต่อสู้ที่นี่บ่อยๆ หรือ?
วิทยายุทธของผู้ฝึกต้องสูงขนาดไหนจึงจะตัดไม้โบราณที่มีขนาดใหญ่เกินสิบคนโอบได้แบบนี้
กู้ชูหน่วนแน่ใจแล้วสถานที่แห่งนี้ไม่ได้ธรรมดาอย่างที่นางคิด
“ช้าลงหน่อยเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ ระวังตัวด้วย อย่าให้ใครเห็นเราเด็ดขาด”
ตั้งแต่ข้ามภพมา นางตกหน้าผามาแล้วหลายครั้ง
และทุกครั้งนางต้องพบเจอกับการผจญภัยตลอด
หรือว่าคราวนี้จะมีการผจญภัยอะไรรออยู่อีก
หวังว่าคงจะไม่หนักหนาเกินไปนะ
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอยากรีบไปกินหมู่ย่างหรือเปล่า เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์จึงส่งเสียงฟ่อๆ อย่างไม่เต็มใจก่อนจะลดความเร็วลง
หลังจากข้ามภูเขาอีกลูก ในที่สุดเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ก็หยุดและชี้ไปที่หน้าผาสูงซึ่งตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้าพลางร้องฟ่อๆ
กู้ชูหน่วนรู้สึกตงิดใจ “เจ้าบอกว่าที่หลังหน้าผานั่นมีหมูย่างงั้นหรือ”
“ฟ่อๆ...”
เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์เปลี่ยนร่างกลายเป็นงูน้อยยาวประมาณหนึ่งเมตร มันขดตัวปีนขึ้นไปบนหน้าผา หางยาวๆ ของงูสะบัดไปมาและไม่รู้ว่าสะบัดไปโดนกลอะไรเข้า อยู่ๆ ที่หน้าผาก็เกิดเสียงดังครืดคราด จากนั้นประตูหินก็เปิดออกด้วยตัวเอง
กู้ชูหน่วนกับซั่งกวนฉู่มองหน้ากัน จากนั้นจึงเอ่ยเป็นเสียงเดียวกันว่า “ท่านรอข้าอยู่ข้างนอก ข้าจะเข้าไปดูเอง”
พอพูดจบทั้งสองคนก็ชะงักไปนิดหนึ่ง
ซั่งกวนฉู่กล่าวว่า “เช่นนั้นก็เข้าไปด้วยกัน”
ด้วยนิสัยของนาง เป็นไปไม่ได้เลยที่จะห้ามไม่ให้นางเข้าไป เช่นนั้นการเข้าไปด้วยกันจึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
ทั้งสองคนย่องเข้าไปเงียบๆ เพราะสัญชาตญาณบอกให้รู้ว่าพวกที่อยู่ในนั้นเป็นคนอันตราย
ตอนนี้ทั้งคู่บาดเจ็บสาหัส ว่ากันโดยพื้นฐานคือพวกเขาไม่มีแรงต่อสู้อีกแล้ว ดังนั้นจึงได้แต่ต้องระมัดระวัง
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะบรรยากาศภายในนี้หรือเปล่า เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์หดตัวเล็กลงอีกครั้งและเลื้อยไปขดอยู่บนข้อมือของกู้ชูหน่วน มันมองไปข้างหน้าอย่างประหม่า ทว่าน้ำลายยังคงไหลไม่หยุดและไหลลงมาเรื่อยๆ
กู้ชูหน่วนสะบัดแขนอย่างรังเกียจเล็กน้อย แต่เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ไม่ยอมหลุดออกไป มิหนำซ้ำยังพันข้อมือนางแน่นกว่าเดิม
กู้ชูหน่วนพูดไม่ออกไปครู่หนึ่ง นางเตือนเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ให้ระงับตัวเองลงหน่อยและเดินหน้าต่อไป
ภายในถ้ำมืดทึบจนแทบจะมองไม่เห็นนิ้วมือของตัวเอง ทันทีที่พวกเขาก้าวเข้ามา สัญญาณเตือนภัยด้านในก็ดังขึ้น กู้ชูหน่วนรีบดึงซั่งกวนฉู่มาแอบที่หลังหินก้อนใหญ่ตรงทางแยก
เสียงฝีเท้าดังกระชั้นมาจากทางด้านหน้า แต่เนื่องจากเพิ่งเข้ามาในถ้ำและสายตายังไม่ชินกับแสงภายในนี้ พวกเขาจึงเห็นแค่รางๆ ว่ามีผู้ชายคนหนึ่งวิ่งโซซัดโซเซออกมา ร่างกายเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดเน่าๆ
ดวงตาของชายผู้นั้นดูหวาดกลัว เขายังคงมองไปข้างหลังตลอดขณะที่วิ่งออกมา ราวกับว่าที่ด้านหลังมีสัตว์ร้ายกำลังไล่ตามเขาอยู่
ทันใดนั้นปราณดาบที่รวดเร็วและรุนแรงก็โฉบออกมาตัดเท้าซ้ายและเท้าขวาของคนผู้นั้นเสียงดังฉึบฉับ
“อ๊าก!!”
เสียงกรีดร้องโหยหวนดังก้องเหมือนเสียงหมูถูกเชือด
สิ่งที่ขานรับเสียงร้องโหยหวนอันน่าเวทนาคือดาบบินที่หมุนกลับมา ตัดมือซ้ายและมือขวาของชายผู้นั้นอย่างพร้อมเพรียง
“อ๊าก!!”
เสียงกรีดร้องที่เจ็บปวดแทบขาดใจดังขึ้นมาไม่หยุด
มือและเท้าทั้งสองข้างของชายผู้นั้นถูกตัด และเขาก็ล้มกลิ้งอยู่บนพื้นด้วยความเจ็บปวด
กู้ชูหน่วนรู้สึกเจ็บปวดแทนเขา โดยเฉพาะตอนที่เห็นเลือดของเขาไหลทะลักออกมาอย่างบ้าคลั่งประหนึ่งแม่น้ำที่ไหลเชี่ยว
ที่ด้านหลังมีเสียงฝีเท้าสองคู่ดังขึ้นพร้อมกับบรรยากาศเย็นเยียบที่แผ่เข้ามา
จากนั้นจึงเห็นชายชุดดำสวมหน้ากากสองคนเดินเข้ามา ที่มือขวาถือดาบบินเอาไว้ พวกเขามองดูชายที่กำลังร้องโหยหวนอยู่บนพื้นอย่างเฉยเมย เอ่ยเสียงเย็นว่า “นี่คือผลของการทรยศหอวิญญาณทมิฬ เจ้ายอมรับไม่ได้งั้นหรือ”
“พวกเจ้ามันเลวทรามต่ำช้า แน่จริงก็ฆ่าข้าเลยสิ ข้าฆ่าคนให้พวกเจ้าไม่ได้อีกแล้ว”
“ความตาย... เจ้าไม่คู่ควรจะได้รับสิ่งนั้นด้วยซ้ำ”
อัปเดต บทที่ 651 ของ กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์
ประกาศ กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ ได้อัปเดต บทที่ 651 พร้อมรายละเอียดที่น่าทึ่งและคาดไม่ถึงมากมาย ในการเขียนที่คล่องแคล่วในข้อความที่เรียบง่าย แต่จริงใจบางครั้งความโรแมนติคที่สงบของผู้แต่ง อี้หมิง ใน บทที่ 651 พาเราไปสู่ขอบฟ้าใหม่ ลองอ่านซีรี่ส์ บทที่ 651 กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ ที่นี่ แป้นค้นหา: กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 651