ในเวลานี้เหวินเส่าอี๋ได้สูญเสียความอ่อนโยนและความสงบในอดีตไปนานแล้ว
แต่ก็ไม่ได้พูดจาพูดจาไพเราะน่าฟังเหมือนแต่ก่อน
ตอนนี้เขาเป็นเพียงเด็กที่กำลังจะสูญเสียพ่อและทุกอย่างไปพร้อมกัน
ยิ่งเขามีความต้องการที่จะครอบครองมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งทำให้เขายิ่งสูญเสียมากเท่านั้น
ดูเหมือนว่าพระเจ้าจะรับรู้ถึงความโศกเศร้าของเขา
ฝนตกหนักขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับเป็นฝนที่ไม่ได้ตกมาเป็นเวลาสิบปี
“ท่านพ่อ ข้าขอโทษ เส่าอี๋ไร้ความสามารถ แม้แต่ศพของท่ายังปกป้องไว้ไม่ได้ ข้าขอโทษ ขอโทษ ข้าขอโทษ......”
เยี่ยจิ่งหานรู้สึกเจ็บปวดหัวใจเล็กน้อย
เขากับเหวินเฉิงเทียนได้พบกันเพียงไม่กี่ครั้ง
เขาจึงไม่เข้าใจความสัมพันธ์ฉันท์พ่อลูกของเหวินเส่าอี๋กับเหวินเฉิงเทียน
เมื่อเผชิญหน้ากัน พวกเขาล้วนแต่ต่อสู้กันอย่างดุเดือด และพูดกันได้ไม่เกินสองสามประโยค
ถ้าหาก......
ถ้าหากเขาคือพ่อผู้ให้กำเนิดของตนเองจริง......
หากเขารู้ว่าตนเองคือลูกชายแท้ ๆ ของเขา เขาจะปฏิบัติกับตนเองเหมือนกับเหวินเส่าอี๋หรือไม่
ไม่.......
ไม่มีคำว่าถ้าหาก
พ่อแม่ของเขามีเพียงคนเดียวเท่านั้น นั่นก็คือจักรพรรดิพระองค์ก่อนและพระสนมอวี้
กู้ชูหน่วนลืมตาขึ้นมาเป็นบางครั้งบางคราว
เหวินเส่าอี๋ร้องไห้ออกมาอย่างไร้การควบคุมท่ามกลางพายุฝน เขาหยิบเนื้อและเลือดขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง
กู้ชูหน่วนรู้สึกเจ็บปวดหัวใจ
เหวินเส่าอี๋ในสภาพนี้ทำให้ผู้คนรู้สึกเจ็บปวด
นางอยากจะเข้าไปกอดเขา
บอกเขาว่าพ่อของเขาขึ้นไปอยู่บนสวรรค์ และไม่ต้องการให้เขาจมปลักอยู่กับความทุกข์ทรมานเช่นนี้
สัมผัสได้ถึงความเย็นถึงกระดูกจากมือที่กำลังกุมมืออันน้อย ๆ ของนางอยู่
กู้ชูหน่วนเงยหน้าขึ้น “เสี่ยวเยี่ยเยี่ย เหตุใดร่างกายของเจ้าถึงเย็นขนาดนี้?”
“ไม่......ไม่เป็นไร”
เยี่ยจิ่งหานเฝ้ามองซากศพบนพื้นมาโดยตลอด ดูเหมือนว่าเขาคิดจะหยิบมันขึ้นมา แต่ขาของเขากลับหนักอึ้ง
“ให้ข้าไปช่วยเถิด”
กู้ชูหน่วนเดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็ล้มลง และรู้สึกว่าโลกกำลังหมุนอย่างบ้าคลั่ง
ความเจ็บปวดในร่างกายกัดกร่อนนางอย่างบ้าคลั่ง
ไม่เพียงเจ็บปวดตามผิวหนังและกล้ามเนื้อเท่านั้น แต่นางยังรู้สึกเจ็บปวดไปถึงกระดูก ทนไม่ไหวจนต้องกรีดร้องออกมา
“อร๊าก......”
กู้ชูหน่วนกระอักเลือดออกมา
เลือดของนางเป็นสีดำ
“อาหน่วน......อาหน่วน......”
“แม่นางมู่......”
“บาดแผลของลำแสงและหนอนกู่......หนอนกู่ส่ง......ส่งผลแล้ว ข้า......ข้ากำลังจะตายใช่ไหม”
“ไม่ เจ้าจะไม่เป็นไร มีข้าอยู่ ข้าไม่มีทางยอมให้เจ้าเป็นอะไรเด็ดขาด”
กู้ชูหน่วนรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งตัว และปวดบริเวณศีรษะ
จากนั้นก็เห็นเยี่ยจิ่งหานกล่าวออกมาอย่างคลุมเครือ “หมออยู่ไหน ทำไมยังไม่มา”
“นายท่าน คนของพวกเราถูกหุ่นเชิดของฮวาอิ่งสังหารจนหมด คนที่ไปใหม่กำลังอยู่ในระหว่างทาง อาจจะต้องรออีกสักระยะ”
“อาหน่วน เจ้าจะตายไม่ได้เป็นอันขาด ข้าไม่ยอมให้เจ้าตาย”
“คุณชาย ท่านได้รับบาดเจ็บสาหัส จะรักษาให้แม่นางมู่ต่อไปอีกไม่ได้”
“นายท่าน ให้ข้าทำแทนเถิด พลังภายในของท่านไม่เหลือแล้ว และยังเส้นลมปราณย้อนกลับ หาก.......หาก......หากทำเช่นนั้นท่านอาจมีอันตรายถึงชีวิต”
“พัฟ......”
ไม่รู้ว่าเยี่ยจิ่งหานบาดเจ็บหนักเกินไปหรือว่าฝืนตนเองทำเส้นลมปราณย้อนกลับอีกครั้งเพื่อรักษากู้ชูหน่วน เวลานี้เขาทนไม่ไหวอีกต่อไป ล้มลงพื้นไปโดยตรง
เหลือเพียงชิงเฟิงและเจี้ยงเสวี่ยที่กำลังพูดอะไรอยู่
ภาพที่เห็นเริ่มคลุมเครือขึ้นเรื่อย ๆ
เสียงที่ได้ยินเองก็เริ่มขาดหายไป
กู้ชูหน่วนอยากจะจับมือของเยี่ยจิ่งหานไว้เพื่อตรวจสอบชีพจร แต่ไม่ว่าทำอย่างไรก็ไม่สามารถขยับร่างกายได้แม้แต่น้อย
จึงไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่จะไปตรวจชีพจรผู้อื่น
เยี่ยจิ่งหานได้รับบาดเจ็บสาหัส และถูกกระตุ้นครั้งแล้วครั้งเล่า นับประสาอะไรกับชีวิตของนางที่ตกอยู่ในอันตราย
ต่อให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ที่สุด ก็ไม่มั่นใจว่าจะรักษาเยี่ยจิ่งหานได้หรือไม่
หัวใจของกู้ชูหน่วนเต็มไปด้วยความร้อนรน
เยี่ยจิ่งหาน......
ข้าไม่ตาย เจ้าเองก็ห้ามตายเป็นอันขาด
หันศีรษะออกไป เสียงร้องที่เสียดแทงหัวใจของเหวินเส่าอี๋ก็ยังคงสะท้อนให้เห็นในการมองเห็นอันพร่ามัว เขาพยายามคืบคลานเพื่อตามหาซากศพที่เหลือ
บูม......
ฟ้าร้องสนั่นหวั่นไหว
ทำให้เลือดในร่างกายของเหวินเส่าอี๋สูบฉีดอย่างฉับพลัน
กระอักเลือดออกมา จากนั้นก็หมดสติตามไป
เสี่ยวหูเตี๋ย......
เสี่ยวหูเตี๋ย......
“แม่นางมู่......แม่นางมู่......หมอ หมอ......เร็วเข้า......รีบมาตรงนี้เร็ว นายท่านของพวกเราหมดสติไปพร้อมกับแม่นางมู่ ท่านรีบช่วยพวกเขาที”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์
สรุปเรื่องนี้มีตอนจบมั้ยค่ะ...
รอตอนจบอยู่นะคะ ใจบางไม่ไหวแล้วทรมาน...
รออัพเดทอยู่นะคะ...
เมื่อไหร่จะอัพต่อค่ะ...