“มอบให้ใคร? พวกข้าจะไปตามหาเขา”
“มอบให้ใครไม่สำคัญ แต่สิ่งที่สำคัญก็คือ แผ่นอักษรสีเหลืองสามารถใช้งานได้เพียงครั้งเดียว คนผู้นั้นเองก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส เกรงว่าเขาน่าจะใช้มันไปแล้ว”
สีหน้าของกู้ชูหน่วนเต็มไปด้วยความลำบากใจในทันที
ฝูกวงยืนขึ้นอย่างกะทันหันพร้อมกับจิตสังหาร จ้องมองมาที่หยางเหมยพร้อมกล่าวว่า “เจ้ามอบมันให้ใคร? แผ่นอักษรสีเหลืองเป็นสิ่งที่สำคัญถึงเพียงนั้น เจ้าคิดจะมอบให้ใครก็มอบให้เลยงั้นหรือ?”
แม้ว่าเป็นเพียงเศษเสี้ยวของจิตสังหาร แต่ทุกคนก็สามารถสัมผัสถึงมันได้
แม้แต่ผู้ใหญ่บ้านเองก็สัมผัสถึงมันได้เช่นกัน
เขารีบทุบโต๊ะด้วยความร้อนใจ “หยางเหมย เรื่องนี้มันเกี่ยวกับความเป็นความตาย เจ้ารีบเล่ามันออกมาให้ชัดเจนตั้งแต่ต้นจนจบ”
หยางเหมยทำหน้ามุ่ย
หากไม่ใช่เพราะสองคนนี้ช่วยเหลือคนในหมู่บ้านจำนวนมาก เขาคงไม่สนใจคนพวกนี้
จิตสังหารแล้วอย่างไร คิดว่าเขาจะกลัวงั้นหรือ?
“เป็นเพราะทุกคนต่างแก่งแย่งแผ่นอักษรสีเหลือง แผ่นอักษรสีเหลืองได้รับการยกย่องจนล้นฟ้า ต้าเฟิงโห้วกับหวงกุ้ยจวินนำคนมากมายขนาดนั้นมาแย่งชิงกัน แม้แต่ฝ่าบาทเองก็ต้องการ ข้าจึงคิดว่าแผ่นอักษรสีเหลืองต้องเป็นของดีอย่างแน่นอน ไม่แน่มันอาจจะสามารถรักษาโรคของคนในหมู่บ้าน ข้าจึงแอบไปที่แท่นนักรบผู้โดดเดี่ยว ฉวยโอกาสตอนที่เผ่าเพลิงฟ้าและกองทัพอี้กำลังสู้กัน ขโมยแผ่นอักษรสีเหลืองออกมา”
“น่าขำที่คนพวกนั้นมีวรยุทธ์สูงส่ง แต่วิชาตัวเบาของพวกเขาสู้ข้าไม่ได้ ยิ่งเรื่องสมอง ยิ่งไม่ต้องพูดถึง”
“หลังจากชิงแผ่นอักษรสีเหลืองมาแล้ว ข้าก็ศึกษามันอยู่นาน แต่ไม่ว่าจะศึกษาอย่างไรก็ดูไม่ออกมาว่ายันต์เพียงแผ่นเดียวจะทำให้ผู้คนอายุยืนนาน ไม่แก่ไม่ตายได้อย่างไร และสามารถรักษาอาการป่วยของคนในหมู่บ้านได้อย่างไร”
“หลังจากนั้นข้าก็ได้ลอกเลียนแบบอักขระในแผ่นอักษรสีเหลือง สร้างผ้ายันต์ที่คล้ายกันออกมาจำนวนมาก ให้ทุกคนแขวนเอาไว้เพื่อป้องกัน”
“หลังจากนั้นข้าก็ออกไปจากหมู่บ้าน ไปหาอาจารย์และศิษย์น้องของข้า พวกเขาช่วยเหลือชายหนุ่มไว้หนึ่งคน ร่างกายของชายหนุ่มเต็มไปด้วยบาดแผล หลายเดือนที่ผ่านมาก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะดีขึ้น อาการบาดเจ็บของเขาช่างน่าอนาถเหลือเกิน”
“ข้านำเรื่องแผ่นอักษรสีเหลืองบอกกับศิษย์น้องของข้า เมื่อชายหนุ่มผู้นั้นได้ยิน เขาอยากได้แผ่นอักษรสีเหลืองจากข้าเป็นอย่างมาก ศิษย์น้องของข้าชอบชายหนุ่มผู้นั้น นางจึงรีบนำแผ่นอักษรสีเหลืองจากข้าไปรักษาให้เขาในทันที”
“ข้าคิดว่าในอนาคต ชายหนุ่มผู้นั้นจะต้องเป็นน้องเขยของข้าเป็นแน่ ข้าจึงมอบแผ่นอักษรสีเหลืองให้เขา ถือเป็นของขวัญในอนาคต”
กู้ชูหน่วนกำยันต์สีขาวในมือแน่น ทำให้ยันต์แผ่นนั้นเสียหายจนไม่เหลือเค้าเดิม
นางถามว่า “เช่นนั้นเจ้าเห็นชายหนุ่มผู้นั้นใช้แผ่นอักษรสีเหลืองกับตาตัวเองหรือไม่?”
“คือ......ข้าเองก็ไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง แต่หลังจากชายหนุ่มผู้นั้นได้แผ่นอักษรสีเหลืองไป เขาก็เอาแต่ขังตัวเองไว้ในห้อง ไม่ว่าใครจะเคาะเรียกก็ไม่ออกมา ข้าคิดว่า เขาน่าจะกำลังใช้แผ่นอักษรสีเหลืองรักษาอาการบาดเจ็บของตนเองอยู่ในห้อง”
“ชายหนุ่มผู้นั้นมีนามว่าอะไร?”
“เรื่องนี้ข้าเองก็ไม่รู้ อาจารย์กับศิษย์น้องของข้าเคยถามเขา แต่เขากลับดื้อรั้นไม่ยอมตอบออกมา”
กู้ชูหน่วนดึงแขนของเขา แล้วลากออกมาด้านหน้า “ไป พาข้าไปหาพวกเขาเดี๋ยวนี้”
“อ่า รอข้าก่อน เจ้าดึงข้าจนจะล้มอยู่แล้ว ก่อนข้าออกมา ข้าได้ยินอาจารย์คุยกับศิษย์น้องว่าจะออกไปข้างนอก ไม่กลับมาที่กระท่อมสักระยะ เจ้าไปหาพวกเขาตอนนี้ก็ไม่ได้พบพวกเขา”
กู้ชูหน่วนเกลียดจนอยากจะต่อยเขาสักหมัด
หากไม่มีเรื่องอะไรแล้วเหตุใดจึงได้มาขโมยแผ่นอักษรสีเหลือง
ทำให้แผนการทั้งหมดของนางต้องวุ่นวาย
หากแผ่นอักษรสีเหลืองหายไป นางไม่มีวันปล่อยเขาไปอย่างแน่นอน
“ไม่สนว่าพวกเขาจะอยู่หรือไม่ พาข้าไปหาพวกเขาเดี๋ยวนี้”
กู้ชูหน่วนลากแขนของหยางเหมยออกมา ฝูกวงตามมาด้านหลังด้วยความเร็วดุจสายฟ้า
พวกของผู้ใหญ่บ้านยืนงงอยู่ตรงนั้น
ไป......ไปทั้งแบบนี้เลยหรือ?
และความเร็วนั้นมันช่างรวดเร็วเสียเหลือเกิน
ภรรยาของผู้ใหญ่บ้านกล่าวออกมาด้วยความกังวล “หยางเหมยจะไม่เป็นอะไรใช่ไหม พวกจะทำอะไรหยางเหมยหรือเปล่า......”
“ไม่มีทาง แม่นางหน่วนไม่ใช่คนเช่นนั้น หวังว่าพวกเขาจะสามารถหาแผ่นอักษรสีเหลืองจนพบ”
ในกระท่อมมุงจากอันห่างไกล กู้ชูหน่วนคนหาด้านในและด้านนอก แต่ก็ไม่พบผู้ใดแม้แต่คนเดียว
ในกระท่อมนั้นว่างเปล่า ข้าวของทุกอย่างหายไปหมด
มีเพียงกองไฟเท่านั้นที่ยังคงเผาไหม้อย่างช้า ๆ
ดูเหมือนว่าพวกเขาจะมาช้าไปก้าวหนึ่ง
แค่นิดเดียวก็สามารถตามหาพวกเขาจนพบ
เวลานี้พวกเขาจากไปแล้ว หากคิดจะตามหาพวกเขา เกรงว่าก็คงต้องใช้เวลาอีกสักระยะ
“ที่นี่มีพู่กัน หมึก และกระดาษ เจ้าสามารถวาดภาพพวกเขาออกมา และเขียนชื่อของพวกเขาได้หรือไม่ ข้าจะให้คนของข้าไปตามหาพวกเขา”
กู้ชูหน่วนโยนพู่กัน หมึก และกระดาษไปตรงหน้าของเขา
“คือ......ข้าวาดไม่เป็น หากเจ้าใช้ข้าไปขโมยของอาจมีความเป็นไปได้อยู่บ้าง แต่ให้ข้าวาดภาพ มันยากกว่าให้ข้าปืนขึ้นไปบนท้องฟ้าเสียอีก”
“จะเป็นหรือไม่เป็นก็ต้องวาดมันออกมา เร็วเข้า”
กู้ชูหน่วนเริ่มหมดความอดทนที่จะต้องมาเสียเวลากับเขา
หากเสียเวลาไปอีกวัน อี้หยุนเฟยก็ยิ่งตกอยู่ในอันตราย และทุกข์ทรมานไปมากขึ้นอีกหนึ่งวัน
ตอนแรกคิดจะรวบรวมพลัง ไม่ให้ความร่วมมือ และใช้วิชาตัวเบาในการหลบหนี
แต่เมื่อเห็นใบหน้าที่ร้อนรนของกู้ชูหน่วนและฝูกวง เขาก็รีบระงับความคิดนั้นไว้ในหัวใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่แปลให้อ่านนะคะ อ่านถึง 1174 แล้วรอตอนต่อไปอยู่ค่ะ...
ไม่อัพจบเหรอคะ...
เป็นนางเอกที่นิสัยแย่ที่สุดตั้งแต่เคยอ่านมา...
คือตัวเองไม่มีเงิน แต่คิดจะเอาทุกอย่างด้วยราคาสูงเสียดฟ้า แล้วก็หาคำพูดให้คนอื่นจ่ายแทน ตัวเองหาประโยชน์จากคนใกล้ตัวแต่กลับเอาใจให้คนอื่นตลอดเนี่ยนะ...
แม่นางกู้เกินเยียวยาแล้วเด้อ 555...
เยี่ยเฟิงเป็นคนดีมาก แต่เขาทนงตัวเกินไป ชีวิตที่ผู้อื่นฝ่าฟันเพื่อแย่งชิงลมหายใจเขาไว้ แต่เขาก็ดิ้นรนกลับไปหาความตายอยู่เรื่อย...
ท่านอาจารย์พูดให้คิดดีมากเลย แต่อาหน่วนจะเข้าใจไหม นางดูมั่นหน้า มั่นใจเกิตเหตุแบบไม่สนสี่สนแปดใดใดเลย...
อยากให้กลับมาอัพเดทไวๆนะคะ ขอบคุณมากค่ะ...
สรุปเรื่องนี้มีตอนจบมั้ยค่ะ...
รอตอนจบอยู่นะคะ ใจบางไม่ไหวแล้วทรมาน...