กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ นิยาย บท 1137

เดินไปเดินมาอยู่ในนั้น ไม่รู้ว่าผ่านมานานแค่ไหน ในที่สุดทั้งสองคนก็เดินออกมาจากหลุมรกร้างแห่งหนึ่ง เข้ามาอยู่ในเมืองหลวง ราษฎรเต็มไปด้วยหวาดกลัว ทุกข์ทรมานจากความหิวโหยและความหนาวเย็น ร้องไห้ อ้อนวอน และสาปแช่ง

ไม่ว่าจะเดินผ่านไปที่ไหนต่างได้ยินผู้คนพูดคุยเป็นเสียงเดียวกัน

“กองทัพฉู่ล้อมเมืองหลวงของพวกเรามาสองเดือนเต็มแล้ว หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าเมืองของพวกเราคงขาดอาหารจนตาย”

“ที่เจ้าพูดมันก็จริง ขนาดเถ้าแก่หวังผู้ร่ำรวยยังขายลูกสาวของตัวเองกิน ครอบครัวของหญิงหม้ายท้ายหมู่บ้านอดอยากจนตาย ราคาข้าวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง บ้านของข้าเองก็แทบทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว หากเทพแห่งสงครามยังอยู่ก็ดีกว่านี้”

“หากเทพแห่งสงครามยังอยู่ กองทัพฉู่จะกล้าโอหังถึงเพียงนี้ได้อย่างไร แล้วรัฐเยี่ยของพวกเราจะเสียหายถึงขนาดนี้เลยงั้นหรือ? ทหารอ่อนแออย่างกองทัพฉู่ ฉวยโอกาสตอนที่เทพแห่งสงครามไม่อยู่ ถึงกล้ายกทัพมาโจมตีรัฐเยี่ยของพวกเรา”

“พูดเรื่องพวกนี้มันจะมีประโยชน์อะไร บางทีเทพแห่งสงคราม......อาจจะตายไปแล้วก็ได้ หากเขายังมีชีวิตอยู่ เขาจะปล่อยให้กองทัพฉู่ยกทัพมาโจมตีและสร้างความเสียหายให้รัฐเยี่ยของพวกเราถึงขนาดนี้ได้อย่างไร”

“ปัง เจ้าบ้าคนไหนเป็นคนพูด เหลวไหลสิ้นดี เทพแห่งสงครามยังมีชีวิตอยู่แน่นอน เจ้ากล้าสาปแช่งเขาได้อย่างไร”

“เจ้ากล้าทำร้ายข้าอย่างนั้นหรือ หรือว่าข้าพูดอะไรผิด หากเทพแห่งสงครามยังมีชีวิตอยู่ เขาคงปรากฏตัวออกมาตั้งนานแล้ว เช่นนั้นจักรพรรดิจะกล้าฆ่าคนบริสุทธิ์และซื่อสัตย์อย่างไร้ความหมาย จนไม่เหลือผู้ซึ่งคอยปกป้องเมืองได้อย่างไร”

“พวกเจ้าอยากตายมากนักหรือไง จักรพรรดิเคยตรัสเอาไว้ หลังจากนี้หากใครพูดถึงเทพแห่งสงคราม เขาจะทำการฆ่าล้างตระกูล”

ร่างกายของเหล่าราษฎรเต็มไปด้วยความสั่นเทา พวกเขากระจายตัวออกไป ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมาอีก

กู้ชูหน่วนได้ยินการสนทนาของพวกเขาอย่างชัดเจน

เทพแห่งสงครามคำนี้ ทำให้หัวใจของนางเจ็บปวดอย่างบอกไม่ถูก

เยี่ยจิ่งหาน......

เจ้าไปอยู่ที่ไหนกันแน่

เจ้ารู้หรือไม่ว่ารัฐเยี่ยของเจ้ากำลังประสบปัญหาเกี่ยวกับความอดอยาก?

จิตสังหารอันเยือกเย็นปรากฏออกมาจากดวงตาส่วนลึกของเยี่ยเฟิง แต่มันก็หายไปอย่างรวดเร็วจนไม่อาจสังเกตได้ทัน

พื้นที่ของพระราชวัง

หลังจากกู้ชูหน่วนและเยี่ยเฟิงแอบเข้ามา พวกเขาก็ได้ยินเสียงการทะเลาะกันอย่างรุนแรง

“ไม่ง่ายเลยกว่าที่บรรพบุรุษของรัฐเยี่ยจะพิชิตดินแดนแห่งนี้มากได้ รัฐเยี่ยของพวกเราปกปักรักษากันมาจากรุ่นสู่รุ่น เจ้าอยากจะปล่อยก็ปล่อยมันเลยอย่างนั้นหรือ เจ้ายังเป็นจักรพรรดิแห่งรัฐเยี่ยอยู่หรือเปล่า”

“เช่นนั้นเจ้าจะให้ข้าทำอย่างไร เวลานี้รัฐเยี่ยของพวกเราไม่มีทหารที่ใช้ประโยชน์ได้แล้ว และรัฐฉู่ก็บุกรุกเข้ามาอย่างดุเดือด ล้อมเมืองหลวงเอาไว้เป็นเวลานาน สิ่งที่พวกเขารออยู่อาจเป็นการที่ข้าออกไปเปิดประตูเพื่อยอมจำนน”

“เจ้ายอมจำนน แล้วราษฎรจะทำเช่นไร?”

“ดูแลตัวเองข้ายังทำไม่ได้ เช่นนั้นข้าจะไปดูแลพวกเขาได้อย่างไร หากข้าเปิดประตูเมือง บางทีพวกเขาอาจจะไว้ชีวิตข้าสักชีวิต หากรอให้พวกเขาบุกเข้ามา เช่นนั้นข้าอาจจะรักษาชีวิตของตนเองไว้ไม่ได้ด้วยซ้ำ เช่นนั้นจะทำอย่างไร?”

“ข้าบอกเจ้าว่าอย่างฆ่าใครสุ่มสี่สุ่มห้า อย่าสังหารใครตามอำเภอใจ แต่เจ้ากลับไม่ฟัง เจ้าทำทุกอย่างที่เจ้าต้องการ เสด็จอาทิ้งแม่ทัพไว้ให้ท่านตั้งมากมาย ทุกคนล้วนภักดีต่อเสด็จอา ยอมสละชีพของตนเพื่อปกป้องรัฐเยี่ย เหตุใดเจ้าต้องสังหารพวกเขาด้วย”

“ตอนนี้พูดถึงเรื่องพวกนั้นมันมีประโยชน์อะไร? สิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือการปกป้องชีวิตเอาไว้ เจ้าไม่เข้าใจอย่างนั้นหรือ?”

กู้ชูหน่วนแอบฟังการสนทนาระหว่างพวกเขาอยู่

และการทะเลาะกันครั้งนี้ก็เป็นการทะเลาะกันของจักรพรรดิน้อยกับองค์หญิงตังตัง

องค์หญิงตังตังเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง ปากเล็ก ๆ ของนางขยับเล็กน้อยด้วยความชอบธรรม

จักรพรรดิมองไปรอบ ๆ ด้วยความไม่สบายใจ ราวกับว่ากำลังร้อนรนและคิดถึงหนทางที่จะปลีกตัวออกไป

ก่อนหน้านี้เคยคิดว่าเป็นเพราะจักรพรรดินั้นไร้เดียงสา ไม่ได้มีหัวใจที่เลวร้ายแต่อย่างใด

แต่ตอนนี้......

ฮึ......

รัฐเยี่ยอยู่ในมือของเขา ถือเป็นความโชคร้ายของรัฐเยี่ย

“น้องหญิง เจ้าฟังที่ข้าพูด เจ้ารีบไปเก็บของให้เร็วที่สุด พวกเราจะพาเสด็จแม่หนีออกไปจากรัฐเยี่ย ไปยังสถานที่ซึ่งไม่มีคนรู้จักพวกเรา และพวกเราก็ค่อยไปเริ่มต้นใหม่กันที่นั่น”

“อยากหนีก็หนีไปคนเดียวเลย ข้าเป็นองค์หญิงแห่งรัฐเยี่ย รัฐเยี่ยยังอยู่ ข้าก็จะอยู่ หากรัฐเยี่ยดับสลาย ข้าก็พร้อมที่จะดับสลายไปพร้อมกับรัฐเยี่ย”

“นี่เจ้า......เจ้าไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีเลยหรืออย่างไร ในเมื่อเจ้าไม่ไป ข้าก็จะพาเสด็จแม่ไปด้วยตัวเอง”

“เจ้าจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น เจ้าเป็นจักรพรรดิแห่งรัฐเยี่ย ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ใด เวลาไหน เจ้าจะต้องอยู่ที่นี่เพื่อควบคุมสถานการณ์โดยรวม”

“ราชสำนักที่ไม่มีแม้แต่กองทัพ ข้าจะควบคุมสถานการณ์โดยรวมได้อย่างไร หรือว่าเจ้าสามารถทำให้กองทัพฉู่ถอยกลับไปได้?”

“ไป เจ้าเข้าไปในราชสำนักพร้อมกับข้า พวกเราลองไปถามเสนาบดีและขุนนางในราชสำนัก ไปดูกันว่ามีขุนนางคนไหนที่จะยอมปกป้องรัฐเยี่ยจนตัวตายไปพร้อมกับพวกเราหรือไม่ ข้าไม่เชื่อว่าในจำนวนขุนนางที่มากขนาดนั้นจะไม่มีใครยอมสละชีวิตเพื่อพวกเรา”

กู้ชูหน่วนรู้สึกอบอุ่นขึ้นในหัวใจ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์