เดินไปเดินมาอยู่ในนั้น ไม่รู้ว่าผ่านมานานแค่ไหน ในที่สุดทั้งสองคนก็เดินออกมาจากหลุมรกร้างแห่งหนึ่ง เข้ามาอยู่ในเมืองหลวง ราษฎรเต็มไปด้วยหวาดกลัว ทุกข์ทรมานจากความหิวโหยและความหนาวเย็น ร้องไห้ อ้อนวอน และสาปแช่ง
ไม่ว่าจะเดินผ่านไปที่ไหนต่างได้ยินผู้คนพูดคุยเป็นเสียงเดียวกัน
“กองทัพฉู่ล้อมเมืองหลวงของพวกเรามาสองเดือนเต็มแล้ว หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าเมืองของพวกเราคงขาดอาหารจนตาย”
“ที่เจ้าพูดมันก็จริง ขนาดเถ้าแก่หวังผู้ร่ำรวยยังขายลูกสาวของตัวเองกิน ครอบครัวของหญิงหม้ายท้ายหมู่บ้านอดอยากจนตาย ราคาข้าวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง บ้านของข้าเองก็แทบทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว หากเทพแห่งสงครามยังอยู่ก็ดีกว่านี้”
“หากเทพแห่งสงครามยังอยู่ กองทัพฉู่จะกล้าโอหังถึงเพียงนี้ได้อย่างไร แล้วรัฐเยี่ยของพวกเราจะเสียหายถึงขนาดนี้เลยงั้นหรือ? ทหารอ่อนแออย่างกองทัพฉู่ ฉวยโอกาสตอนที่เทพแห่งสงครามไม่อยู่ ถึงกล้ายกทัพมาโจมตีรัฐเยี่ยของพวกเรา”
“พูดเรื่องพวกนี้มันจะมีประโยชน์อะไร บางทีเทพแห่งสงคราม......อาจจะตายไปแล้วก็ได้ หากเขายังมีชีวิตอยู่ เขาจะปล่อยให้กองทัพฉู่ยกทัพมาโจมตีและสร้างความเสียหายให้รัฐเยี่ยของพวกเราถึงขนาดนี้ได้อย่างไร”
“ปัง เจ้าบ้าคนไหนเป็นคนพูด เหลวไหลสิ้นดี เทพแห่งสงครามยังมีชีวิตอยู่แน่นอน เจ้ากล้าสาปแช่งเขาได้อย่างไร”
“เจ้ากล้าทำร้ายข้าอย่างนั้นหรือ หรือว่าข้าพูดอะไรผิด หากเทพแห่งสงครามยังมีชีวิตอยู่ เขาคงปรากฏตัวออกมาตั้งนานแล้ว เช่นนั้นจักรพรรดิจะกล้าฆ่าคนบริสุทธิ์และซื่อสัตย์อย่างไร้ความหมาย จนไม่เหลือผู้ซึ่งคอยปกป้องเมืองได้อย่างไร”
“พวกเจ้าอยากตายมากนักหรือไง จักรพรรดิเคยตรัสเอาไว้ หลังจากนี้หากใครพูดถึงเทพแห่งสงคราม เขาจะทำการฆ่าล้างตระกูล”
ร่างกายของเหล่าราษฎรเต็มไปด้วยความสั่นเทา พวกเขากระจายตัวออกไป ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมาอีก
กู้ชูหน่วนได้ยินการสนทนาของพวกเขาอย่างชัดเจน
เทพแห่งสงครามคำนี้ ทำให้หัวใจของนางเจ็บปวดอย่างบอกไม่ถูก
เยี่ยจิ่งหาน......
เจ้าไปอยู่ที่ไหนกันแน่
เจ้ารู้หรือไม่ว่ารัฐเยี่ยของเจ้ากำลังประสบปัญหาเกี่ยวกับความอดอยาก?
จิตสังหารอันเยือกเย็นปรากฏออกมาจากดวงตาส่วนลึกของเยี่ยเฟิง แต่มันก็หายไปอย่างรวดเร็วจนไม่อาจสังเกตได้ทัน
พื้นที่ของพระราชวัง
หลังจากกู้ชูหน่วนและเยี่ยเฟิงแอบเข้ามา พวกเขาก็ได้ยินเสียงการทะเลาะกันอย่างรุนแรง
“ไม่ง่ายเลยกว่าที่บรรพบุรุษของรัฐเยี่ยจะพิชิตดินแดนแห่งนี้มากได้ รัฐเยี่ยของพวกเราปกปักรักษากันมาจากรุ่นสู่รุ่น เจ้าอยากจะปล่อยก็ปล่อยมันเลยอย่างนั้นหรือ เจ้ายังเป็นจักรพรรดิแห่งรัฐเยี่ยอยู่หรือเปล่า”
“เช่นนั้นเจ้าจะให้ข้าทำอย่างไร เวลานี้รัฐเยี่ยของพวกเราไม่มีทหารที่ใช้ประโยชน์ได้แล้ว และรัฐฉู่ก็บุกรุกเข้ามาอย่างดุเดือด ล้อมเมืองหลวงเอาไว้เป็นเวลานาน สิ่งที่พวกเขารออยู่อาจเป็นการที่ข้าออกไปเปิดประตูเพื่อยอมจำนน”
“เจ้ายอมจำนน แล้วราษฎรจะทำเช่นไร?”
“ดูแลตัวเองข้ายังทำไม่ได้ เช่นนั้นข้าจะไปดูแลพวกเขาได้อย่างไร หากข้าเปิดประตูเมือง บางทีพวกเขาอาจจะไว้ชีวิตข้าสักชีวิต หากรอให้พวกเขาบุกเข้ามา เช่นนั้นข้าอาจจะรักษาชีวิตของตนเองไว้ไม่ได้ด้วยซ้ำ เช่นนั้นจะทำอย่างไร?”
“ข้าบอกเจ้าว่าอย่างฆ่าใครสุ่มสี่สุ่มห้า อย่าสังหารใครตามอำเภอใจ แต่เจ้ากลับไม่ฟัง เจ้าทำทุกอย่างที่เจ้าต้องการ เสด็จอาทิ้งแม่ทัพไว้ให้ท่านตั้งมากมาย ทุกคนล้วนภักดีต่อเสด็จอา ยอมสละชีพของตนเพื่อปกป้องรัฐเยี่ย เหตุใดเจ้าต้องสังหารพวกเขาด้วย”
“ตอนนี้พูดถึงเรื่องพวกนั้นมันมีประโยชน์อะไร? สิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือการปกป้องชีวิตเอาไว้ เจ้าไม่เข้าใจอย่างนั้นหรือ?”
กู้ชูหน่วนแอบฟังการสนทนาระหว่างพวกเขาอยู่
และการทะเลาะกันครั้งนี้ก็เป็นการทะเลาะกันของจักรพรรดิน้อยกับองค์หญิงตังตัง
องค์หญิงตังตังเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง ปากเล็ก ๆ ของนางขยับเล็กน้อยด้วยความชอบธรรม
จักรพรรดิมองไปรอบ ๆ ด้วยความไม่สบายใจ ราวกับว่ากำลังร้อนรนและคิดถึงหนทางที่จะปลีกตัวออกไป
ก่อนหน้านี้เคยคิดว่าเป็นเพราะจักรพรรดินั้นไร้เดียงสา ไม่ได้มีหัวใจที่เลวร้ายแต่อย่างใด
แต่ตอนนี้......
ฮึ......
รัฐเยี่ยอยู่ในมือของเขา ถือเป็นความโชคร้ายของรัฐเยี่ย
“น้องหญิง เจ้าฟังที่ข้าพูด เจ้ารีบไปเก็บของให้เร็วที่สุด พวกเราจะพาเสด็จแม่หนีออกไปจากรัฐเยี่ย ไปยังสถานที่ซึ่งไม่มีคนรู้จักพวกเรา และพวกเราก็ค่อยไปเริ่มต้นใหม่กันที่นั่น”
“อยากหนีก็หนีไปคนเดียวเลย ข้าเป็นองค์หญิงแห่งรัฐเยี่ย รัฐเยี่ยยังอยู่ ข้าก็จะอยู่ หากรัฐเยี่ยดับสลาย ข้าก็พร้อมที่จะดับสลายไปพร้อมกับรัฐเยี่ย”
“นี่เจ้า......เจ้าไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีเลยหรืออย่างไร ในเมื่อเจ้าไม่ไป ข้าก็จะพาเสด็จแม่ไปด้วยตัวเอง”
“เจ้าจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น เจ้าเป็นจักรพรรดิแห่งรัฐเยี่ย ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ใด เวลาไหน เจ้าจะต้องอยู่ที่นี่เพื่อควบคุมสถานการณ์โดยรวม”
“ราชสำนักที่ไม่มีแม้แต่กองทัพ ข้าจะควบคุมสถานการณ์โดยรวมได้อย่างไร หรือว่าเจ้าสามารถทำให้กองทัพฉู่ถอยกลับไปได้?”
“ไป เจ้าเข้าไปในราชสำนักพร้อมกับข้า พวกเราลองไปถามเสนาบดีและขุนนางในราชสำนัก ไปดูกันว่ามีขุนนางคนไหนที่จะยอมปกป้องรัฐเยี่ยจนตัวตายไปพร้อมกับพวกเราหรือไม่ ข้าไม่เชื่อว่าในจำนวนขุนนางที่มากขนาดนั้นจะไม่มีใครยอมสละชีวิตเพื่อพวกเรา”
กู้ชูหน่วนรู้สึกอบอุ่นขึ้นในหัวใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์
เป็นนางเอกที่นิสัยแย่ที่สุดตั้งแต่เคยอ่านมา...
คือตัวเองไม่มีเงิน แต่คิดจะเอาทุกอย่างด้วยราคาสูงเสียดฟ้า แล้วก็หาคำพูดให้คนอื่นจ่ายแทน ตัวเองหาประโยชน์จากคนใกล้ตัวแต่กลับเอาใจให้คนอื่นตลอดเนี่ยนะ...
แม่นางกู้เกินเยียวยาแล้วเด้อ 555...
เยี่ยเฟิงเป็นคนดีมาก แต่เขาทนงตัวเกินไป ชีวิตที่ผู้อื่นฝ่าฟันเพื่อแย่งชิงลมหายใจเขาไว้ แต่เขาก็ดิ้นรนกลับไปหาความตายอยู่เรื่อย...
ท่านอาจารย์พูดให้คิดดีมากเลย แต่อาหน่วนจะเข้าใจไหม นางดูมั่นหน้า มั่นใจเกิตเหตุแบบไม่สนสี่สนแปดใดใดเลย...
อยากให้กลับมาอัพเดทไวๆนะคะ ขอบคุณมากค่ะ...
สรุปเรื่องนี้มีตอนจบมั้ยค่ะ...
รอตอนจบอยู่นะคะ ใจบางไม่ไหวแล้วทรมาน...
รออัพเดทอยู่นะคะ...
เมื่อไหร่จะอัพต่อค่ะ...