พระพันปีโกรธและดีใจในเวลาเดียวกัน ในใจยังคงกังวลกับเรื่องที่โกงเงินจำนวนมากจากนางไป และเปิดเผยเรื่องราวที่น่ารังเกียจของนางออกมาจนหมด
พระพันปีกล่าวออกมาว่า “หลายปีที่ผ่านมา พวกเจ้าไปอยู่ที่ไหน เหตุใดทุกคนถึงลือกันว่าเจ้าตายไปแล้ว?”
“มันยากที่จะพูด เวลานี้ทหารของรัฐฉู่ล้อมรอบเมืองของพวกเราอยู่ พวกเรามาพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องของประเทศกันก่อนดีกว่า”
ทุกคนส่งเสียงออกมาพร้อมกัน “เจ้ามีวิธีอย่างนั้นหรือ?”
“บางทีอาจจะมี แต่ต้องลองดูก่อน ไปกันเถอะ”
องค์หญิงตังตังคว้าแขนเสื้อของนางและก้าวไปด้านหน้า กล่าวอย่างกระวนกระวายว่า “ยังจะรออะไรอยู่ พวกเรารีบเข้าไปคุยกันในห้องได้แล้ว”
กู้ชูหน่วนทำได้เพียงปล่อยให้นางพาตัวไป จากนั้นพูดกับเยี่ยเฟิงว่า “ลั่วอิ่ง เจ้ากลับไปก่อน แล้วข้าจะกลับไปหาเจ้าในภายหลัง”
แม้ว่าเยี่ยเฟิงจะมองเห็นเพียงเงาหลังของกู้ชูหน่วน แต่หัวใจของเขาก็เต็มไปด้วยความอบอุ่น
หลังจากที่ทุกคนจากไป จู่ ๆ ผู้หญิงในชุดสีแดงก็ปรากฏตัวออกมา คุกเข่าอยู่ด้านหน้าของเยี่ยเฟิง
ผู้หญิงในชุดสีแดงนั้นอายุไม่มาก น่าจะประมาณยี่สิบกว่าปี ท่าทางเต็มไปด้วยความกล้าหาญ มีแส้ยาวพันอยู่รอบเอวของนาง
“นายท่าน ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เวลานี้รอเพียงแค่คำสั่งของนายท่าน รัฐเยี่ยก็จะล่มสลายในทันที”
แววตาอันอบอุ่นของเยี่ยเฟิงหายไปทันทีที่ผู้หญิงในชุดสีแดงปรากฏตัว มันถูกแทนที่ด้วยความเยือกเย็น “ยกเลิกแผนการทั้งหมด”
ผู้หญิงในชุดสีแดงตะลึงงัน
ราวกับว่าคิดไม่ถึงว่านายท่านของตนจะพูดออกมาเช่นนี้
ท้ายที่สุดแล้วพวกเขาวางแผนกันมานาน ใช้เงินจำนวนมากในการล้อมรอบและเตรียมที่จะบุกโจมตีรัฐเยี่ย
“นายท่าน ข้าคิดว่า......ท่านลองไตร่ตรองอีกรอบจะดีกว่า”
“ข้าจะพูดเพียงครั้งเดียวเท่านั้น”
ร่างกายของผู้หญิงในชุดสีแดงสั่นเทา รับคำสั่งและออกไปทันที
เยี่ยเฟิงรอกู้ชูหน่วนอยู่ที่นั่นเพียงลำพัง
เป็นการรอคอยที่ยาวนาน ใช้เวลาชั่วข้ามคืน
ในตอนที่ฟ้าสว่าง กู้ชูหน่วนก็เดินออกมาด้วยร่างกายอันอ่อนล้า
กวาดสายตามองไปรอบ ๆ พบว่าเยี่ยเฟิงยังคงยืนรอนางอยู่ที่เดิม นางรีบเดินเข้ามาหาเยี่ยเฟิง ถอดเสื้อคลุมวางไว้บนร่างกายของเยี่ยเฟิง
นางพูดอย่างฉุนเฉียว “ข้าให้เจ้ากลับไปก่อนไม่ใช่หรือ? เหตุใดเจ้าจึงยังรออยู่ที่นี่ ไป”
กู้ชูหน่วนลากเยี่ยเฟิงเข้าไปในห้อง ใช้แรงถูกมืออันเยือกเย็นของตนเองเพื่อสร้างความอบอุ่น
“วันหลังห้ามทำเช่นนี้อีกเป็นอันขาด ได้ยินไหม”
มุมปากของเยี่ยเฟิงยกสูงขึ้น “เข้าใจแล้ว”
“ดื่มชาร้อนเพื่อทำให้ร่างกายอบอุ่น”
“ข้าไม่หนาว”
“คืนนี้ลมแรง ร่างกายเจ้ากลายเป็นน้ำแข็งแล้วยังจะบอกว่าไม่หนาว”
น้ำตาเปล่งประกายในดวงตาของเยี่ยเฟิง เมื่อมองไปที่ดวงตาที่เหนื่อยล้าของนาง มุมปากของเขาก็แยกออกเล็กน้อย “เจ้าอยากให้รัฐฉู่ถอยทัพมากไม่ใช่หรือ?”
“แน่นอนว่าใช่ นั่นก็เป็นประเทศของข้าเหมือนกัน”
“วางใจเถอะ รัฐเยี่ยจะไม่มีทางล่มสลาย”
“เจ้ารู้ได้อย่างไร” กู้ชูหน่วนรินน้ำชาให้ตนเองหนึ่งถ้วย จากนั้นก็ยกมันขึ้นมาดื่ม
“เจ้าเป็นห่วงรัฐเยี่ยถึงเพียงนี้ ประกอบกับความสามารถอันยิ่งใหญ่ของเจ้า ขอแค่มีเจ้าอยู่ ขอแค่มีมันสมองของเจ้า รัฐเยี่ยก็ไม่มีทางล่มสลาย”
“ขอให้ทุกอย่างราบรื่นเหมือนกับที่เจ้าพูด”
วันรุ่งขึ้น ในตอนที่กู้ชูหน่วนกำลังจะออกไประดมกองทัพที่เหลืออยู่ในเมือง คนรับใช้ก็รับวิ่งเข้ามารายงาน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์
เป็นนางเอกที่นิสัยแย่ที่สุดตั้งแต่เคยอ่านมา...
คือตัวเองไม่มีเงิน แต่คิดจะเอาทุกอย่างด้วยราคาสูงเสียดฟ้า แล้วก็หาคำพูดให้คนอื่นจ่ายแทน ตัวเองหาประโยชน์จากคนใกล้ตัวแต่กลับเอาใจให้คนอื่นตลอดเนี่ยนะ...
แม่นางกู้เกินเยียวยาแล้วเด้อ 555...
เยี่ยเฟิงเป็นคนดีมาก แต่เขาทนงตัวเกินไป ชีวิตที่ผู้อื่นฝ่าฟันเพื่อแย่งชิงลมหายใจเขาไว้ แต่เขาก็ดิ้นรนกลับไปหาความตายอยู่เรื่อย...
ท่านอาจารย์พูดให้คิดดีมากเลย แต่อาหน่วนจะเข้าใจไหม นางดูมั่นหน้า มั่นใจเกิตเหตุแบบไม่สนสี่สนแปดใดใดเลย...
อยากให้กลับมาอัพเดทไวๆนะคะ ขอบคุณมากค่ะ...
สรุปเรื่องนี้มีตอนจบมั้ยค่ะ...
รอตอนจบอยู่นะคะ ใจบางไม่ไหวแล้วทรมาน...
รออัพเดทอยู่นะคะ...
เมื่อไหร่จะอัพต่อค่ะ...