เซี่ยวอวี่เซวียนปัดมือของนางออกและหยิบเงินห้าร้อยตำลึงเงินออกมาจากแขนเสื้อ โยนมันให้นางด้วยสีหน้าที่มึนตึง
อุทธรณ์ขึ้นมาว่า “ห้ามเรียกข้าว่าเสี่ยวเซวียนเซวียน ถึงอย่างไรข้าก็เป็นพี่ใหญ่ในสำนักศึกษาวังหลวง ถ้าคนอื่นได้ยินขึ้นมาจะว่าอย่างไร”
“ไม่เรียกเสี่ยวเซวียนเซวียนก็ได้ แต่เจ้าต้องให้ข้าอีกห้าร้อยตำลึงเงิน”
เซี่ยวอวี่เซวียนล้วงเงินที่เหลือติดตัวอยู่เพียงห้าร้อยตำลึงออกมาอย่างตัดอกตัดใจ
กู้ชูหน่วนขยับตัวไปชิงมันอย่างช่ำชอง จากนั้นจึงแย้มยิ้มอย่างพอใจ
“เป็นเด็กดีมากเสี่ยวเซวียนเซวียน ต่อไปพี่หญิงจะเอ็นดูเจ้านะ”
"......"
ไม่ใช่แค่เซี่ยวอวี่เซวียนที่พูดไม่ออก แม้แต่ชิวเอ๋อร์ก็งุนงงเช่นกัน
เอ็นดู?
นางเป็นสตรีนะ เหตุใดจึงกล้าพูดอะไรเช่นนี้
เมื่อเห็นท่าทีผ่าเผยและการผิวปากเดินจากไป พวกเขาก็ขนลุกขนชันขึ้นมา
เซี่ยวอวี่เซวียนกระตุกมุมปากและตะโกนออกไปว่า “บอกแล้วไงว่าอย่าเรียกข้าว่าเสี่ยวเซวียนเซวียน”
“รู้แล้วน่า เสี่ยวเซวียนเซวียน”
ผู้หญิงคนนี้ตั้งใจจะยั่วโมโหเขาหรืออย่างไรกัน
ชิวเอ๋อร์ปาดเหงื่อเย็นๆ และรีบวิ่งตามไป
“คุณหนู คุณหนูกระโตกกระตากไปหรือไม่เจ้าค่ะ เพิ่งเข้ามาที่สำนักศึกษาท่านก็ทำให้คุณชายเซี่ยวขุ่นเคืองใจเสียแล้ว นี่มัน...”
“ข้าง่วง หยุดพูดเถอะข้าขอร้อง”
“คุณหนู ท่านมักจะใช้ท่านหานอ๋องมาเป็นโล่ตลอด หรือว่าท่านอยากจะอภิเษกกับท่านหานอ๋องจริงๆ เจ้าคะ อย่างไรก็อย่าเลยนะเจ้าคะ ถ้าท่านอภิเษกกับเขา ท่านจะไม่ตายอย่างอนาถหรือ”
“หานอ๋องก็แค่หานอ๋องไม่ใช่หรือ หรือว่าเขามีสามหัวหกแขน เจ้าถึงได้กลัวมากขนาดนี้”
"......"
ที่มุมหนึ่งของสำนักศึกษา ซั่งกวนฉู่แต่งกายด้วยอาภรณ์สีขาวที่พลิ้วไหวประหนึ่งเทพผู้ปราศจากมลทิน มองไปทางกู้ชูหน่วนที่เดินจากไปราวกับกำลังคิดอะไรบางอย่าง
ครู่ใหญ่เขาจึงกวาดตามองไปทางด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ แล้วรอยยิ้มจางๆ ก็ปรากฏขึ้นที่มุมปาก
ที่มุมหนึ่งทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของสำนักศึกษา
ท่านหานอ๋องเทพแห่งสงครามสวมอาภรณ์สีดำนั่งอยู่บนเก้าอี้รถเข็นมองแผ่นหลังของนางที่เดินจากไป ทันใดนั้นดวงตาที่ดูประดุจบึงน้ำเย็นเยียบที่ลึกล้ำก็หรี่ลงอย่างฉับพลัน
ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาสงบนิ่ง คิ้วคม ดวงตาเป็นประกาย ริมฝีปากสีแดงสด ดูรูปงามสุดจะพรรณนา ทว่ากลับเต็มไปด้วยรังสีอันเย็นเยียบจนผู้คนไม่กล้าเข้าใกล้
เบื้องหลังเทพแห่งสงครามเขาคือเด็กหนุ่มคนหนึ่ง
เด็กหนุ่มผู้นี้มีรูปโฉมงดงาม สวมอาภรณ์สีดำรัดรูป ขับรูปร่างที่แข็งแกร่งและสมบูรณ์แบบให้โดดเด่นขึ้นมา
“เจ้านาย ดูเหมือนนางจะแตกต่างจากที่เราสืบมานะขอรับ”
ยิ่งไปกว่านั้นยังเหมือนใครคนหนึ่งมาก
สตรีที่ทำให้นายของพวกเขาต้องมีมลทินเมื่อไม่กี่วันก่อน
เมื่อนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้นใบหน้าของชิงเฟิงก็แดงก่ำ
นิ้วอันเรียวยาวของเยี่ยจิ่งหานเคาะลงบนรถเข็นซ้ำไปซ้ำมาจนเกิดเสียงแก๊กเบาๆ ดวงตาที่มืดมนคู่นั้นยากจะหยั่งให้รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
ผ่านไปครู่หนึ่งเขาจึงเอ่ยออกมาเรียบๆ ว่า “ตรวจสอบ”
“ขอรับ กระหม่อมจะตรวจสอบเรื่องของคุณหนูสามแห่งตระกูลกู้มาอย่างละเอียดขอรับ”
กู้ชูหน่วน...
ในข่าวลือกล่าวกันว่าเป็นพวกหัวขี้เลื่อยที่ไร้ค่าและขี้ขลาด
แต่กลับท่องบทกวีสู่หลีได้ ทั้งยังท่องบทศีรษะขาวเหมือนใหม่ ลาดคลุมลงมาเหมือนเก่าได้ด้วย
ทั้งยังลงไม้ลงมือกับองค์หญิงแห่งราชวงศ์ปัจจุบันเพื่อสาวใช้ตัวเล็กๆ คนหนึ่ง หยอกล้อกับบุตรชายคนเล็กของแม่ทัพเซี่ยวผู้ควบคุมกองทัพอันเกรียงไกรอยู่ในมือ
ถ้าสิ่งนี้เรียกว่าความขี้ขลาด แล้วสิ่งใดกันเล่าที่เรียกว่าความกล้าหาญ
เมื่อมองดวงตาที่แสนเจ้าเล่ห์หลุกหลิกของกู้ชูหน่วน เยี่ยจิ่งหานก็อดนึกถึงสตรีที่มาเจรจาผลประโยชน์กับเขาในวันนั้นไม่ได้
ดวงตาของสตรีผู้นั้นเหมือนกับกู้ชูหน่วนเป็นอย่างมาก
หรือว่า...
สตรีผู้นั้นคือกู้ชูหน่วน?
ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงคำพูดของสตรีผู้นั้นขึ้นมาได้
“ข้ายืนอยู่ตรงหน้าเจ้าแล้ว เจ้ายังมองไม่ออกอีกหรือว่าข้าเหมือนเมื่อก่อนแค่ไหน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์
เป็นนางเอกที่นิสัยแย่ที่สุดตั้งแต่เคยอ่านมา...
คือตัวเองไม่มีเงิน แต่คิดจะเอาทุกอย่างด้วยราคาสูงเสียดฟ้า แล้วก็หาคำพูดให้คนอื่นจ่ายแทน ตัวเองหาประโยชน์จากคนใกล้ตัวแต่กลับเอาใจให้คนอื่นตลอดเนี่ยนะ...
แม่นางกู้เกินเยียวยาแล้วเด้อ 555...
เยี่ยเฟิงเป็นคนดีมาก แต่เขาทนงตัวเกินไป ชีวิตที่ผู้อื่นฝ่าฟันเพื่อแย่งชิงลมหายใจเขาไว้ แต่เขาก็ดิ้นรนกลับไปหาความตายอยู่เรื่อย...
ท่านอาจารย์พูดให้คิดดีมากเลย แต่อาหน่วนจะเข้าใจไหม นางดูมั่นหน้า มั่นใจเกิตเหตุแบบไม่สนสี่สนแปดใดใดเลย...
อยากให้กลับมาอัพเดทไวๆนะคะ ขอบคุณมากค่ะ...
สรุปเรื่องนี้มีตอนจบมั้ยค่ะ...
รอตอนจบอยู่นะคะ ใจบางไม่ไหวแล้วทรมาน...
รออัพเดทอยู่นะคะ...
เมื่อไหร่จะอัพต่อค่ะ...