กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ นิยาย บท 493

กู้ชูหน่วนถอดอานม้าออกทั้งหมด นางกระโดดขึ้นไปบนหลังม้าด้วยท่าทางที่คล่องแคล่วและสง่าผ่าเผย และดูไม่เหมือนคนที่ไม่เคยขี่ม้ามาก่อนกู้ชูหน่วนพูดกับตัวเองว่า "เห็นผู้อื่นขึ้นหลังม้าอย่างง่ายดาย แต่ทำไมข้าเกือบจะปีนขึ้นมาไม่ได้ โชคดีที่เจ้าค่อนข้างเตี้ย ไม่เช่นนั้นข้าคงจะตกลงไปอย่างแน่นอน"

ประโยคนี้ทำให้ทุกคนประหลาดใจ

แท้จริงแล้วนางขี่ม้าเป็นหรือไม่?

กู้ชูหน่วนหยิบคันธนูขึ้นมา และหยิบลูกธนูทั้งสิบออกมาลองดู แต่ลองอยู่หลายครั้งก็รู้สึกว่ายังไม่ถนัดมือ

ลูกธนูสิบดอกนั้นมากเกินไปสำหรับมือเล็ก ๆ ของนาง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตอนยิงเลย

ทุกคนมองอย่างใจหายใจคว่ำ แบบนี้จะยิงได้อย่างไร?

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือนางเอาอานม้าทำไม?

มีเพียงองค์หญิงตังตังและพระพันปีที่ดูดีอกดีใจ

"ดูเหมือนจะยิงไม่ค่อยถนัด เจ้าม้า เราต้องสู้ไปด้วยกัน"

ทันใดนั้นกู้ชูหน่วนก็ดึงเชือกม้า และขี่เจ้าม้าสีดำไปที่วงล้อไฟอย่างรวดเร็วและแม่นยำ ราวกับว่าลูกธนูที่วิ่งผ่านวงล้อไฟไปทีละอัน ๆ ในชั่วพริบตา

ในเวลาเดียวกันกู้ชูหน่วนก็หยิบลูกธนูออกมาสิบดอก นางเล็งไปที่เป้า แล้วยิงไปที่เป้าอย่างแรง

ลูกธนูทั้งสิบโดนเป้า

ยิ่งกว่านั้น หลังจากที่โดนเป้า นางก็ยังคงวิ่งด้วยความเร็วคงที่ และขี่ม้าเจ้าม้าสีดำวิ่งต่อไปยังวงล้อไฟในรอบที่สองด้วยท่วงท่าเดียวกัน นางหยิบคันธนูและลูกธนูทั้งหมดก็พุ่งไปโดนเป้าอีกครั้ง

ฮ้า......

ผู้คนต่างสูดหายใจเข้าด้วยความตกใจ

เจ้าม้าสีดำตัวนี้ เป็นลูกม้าแรกเกิดที่ไม่กลัวเสือจริงหรือ?

วงล้อไฟมีไฟลุกไหม้ มันไม่กลัวหรือ?

และกู้ชูหน่วน เห็นได้ชัดว่ามือของนางเล็กมากเช่นนั้น ทำไมนางถึงถือลูกธนูทั้งสิบดอกได้ และยังยิงพร้อมกันในคราวเดียว แถมยังโดนเป้าทั้งหมด?

เมื่อมองไปที่กู้ชูหน่วนอีกครั้ง หนึ่งคนหนึ่งม้า ก็เข้าไปที่วงล้อไปอีกเป็นรอยที่สาม วงล้อไฟกำลังลุกไหม้ และแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเห็นท่าทางของนาง แต่รูปร่างหน้าตาที่องอาจของนาง ยังคงฝังลึกอยู่ในใจของทุกคน

สตรีที่งดงามผู้หนึ่งท่ามกลางเปลวไฟสีแดง ขี่เจ้าม้าสีดำข้ามวงล้อไฟไปทีละอันอย่างไม่เกรงกลัว จากนั้นก็ยิงลูกธนูทั้งสิบดอกพร้อมกัน และลูกธนูก็พุ่งตรงไปที่เป้า

นัยน์ตาสีขาวดำของนาง นอกจากจะมีเปลวไฟที่ลุกโชนและเป้าแล้ว ยังมีความเชื่อและความแน่วแน่

ในเวลานี้ทุกคนต่างเชื่อมั่นในตัวนาง

แม้แต่จักรพรรดิเยี่ยก็ยังหลงใหลในตัวนางอย่างไม่รู้ตัว

หลิ่วเย่ว์และอวี๋ฮุยกอดกันด้วยความตื่นเต้นดีใจ "เจ้าดูสิ พี่ใหญ่เก่งกาจมาก โอ้สวรรค์ นางเป็นเทพที่จุติลงมาหรือไม่ ทำไมถึงมีผู้ที่ยิ่งธนูได้แม่นยำขนาดนี้ ?"

"ข้าบอกแล้วว่าพี่ใหญ่ของเราไม่ใช่คนธรรมดา"

คนอื่น ๆ ที่มาร่วมงานเลี้ยงฉลอง ทั้งประหม่า ตื่นเต้น และชื่นชม "โอ้สวรรค์ พระชายาหานช่างเป็นเทพในตำนานเสียจริง ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ชื่อของนางจะเป็นที่ร่ำลือไปทั่วทั้งใต้หล้า"

"แน่นอน มีสตรีเช่นนี้อยู่ด้วย ชีวิตย่อมไม่สั่นคลอน แต่น่าเสียดาย ไม่รู้ว่าท่านอัครเสนาบดีกู้คิดอย่างไร ถึงได้ตัดความสัมพันธ์กับบุตรสาวที่ดีเช่นนี้ หากพวกเขาไม่ตัดความสัมพันธ์กัน ความรุ่งโรจน์ของท่านอัครเสนาบดีกู้ก็คงอยู่ไปจนถึงร้อยปี"

"หากบุตรสาวของข้า เก่งกาจได้เช่นนางก็คงจะดี"

คำพูดเหล่านี้ทำให้อัครเสนาบดีกู้เจ็บปวดใจ และแทบไม่อยากจะมีชีวิตอยู่

เมื่อก่อนเขาเห็นกู้ชูหน่วนแล้วรู้สึกไม่เจริญตา แต่ในตอนนี้กลับเห็นกู้ชูอวิ๋นแล้วไม่สบอารมณ์

ในบรรดาบุตรสาวของเขา กู้ชูอวิ๋นเป็นความหวังของเขามากที่สุด กู้ชูอวิ๋นไม่มีอะไรโดดเด่น แม้ว่าเมื่อก่อนนางจะเป็นเลิศ แต่ในตอนนี้กู้ชูหน่วนเหนือกว่านางมากนัก

เขานึกเสียใจภายหลัง

นึกเสียใจที่ไม่ควรจะตัดความสัมพันธ์กับนาง

แต่เมื่อนึกถึงแม่ของนาง ท้องของเขาก็เต็มไปด้วยไฟ

ขวับ.....

การยิงธนูครั้งสุดท้าย ผู้คนต่างเงียบสงบ

บางคนอิจฉา บางคนริษยา บางคนชื่นชม และมองกู้ชูหน่วนด้วยสายตาที่แตกต่างกันออกไป

ไม่ไกล

เยี่ยจิ่งหานสวมชุดคลุมสีม่วง ทุกอย่างที่กู้ชูหน่วนทำ ล้วนแต่อยู่ในสายตาของเขา เดิมทีก็รักอย่างสุดหัวใจ และไม่รู้ว่ามันเติบโตจนหยั่งรากลึกเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ นอกจากกู้ชูหน่วนแล้ว ก็ยังเป็นกู้ชูหน่วน

เดิมทีเขาได้ยินมาว่าพระพันปีและคนอื่น ๆ กลั่นแกล้งนาง และเขามาที่นี่เพื่อจะสนับสนุนนาง

แต่นางไม่ต้องการการสนับสนุนจากเขา นางสามารถเอาตัวรอดได้ด้วยตนเอง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์