คำพูดของกู้ชูหน่วนช่างไม่น่าฟังนักแต่ก็มีเหตุมีผล องค์จักรพรรดิฉู่ทรงเงียบ
ตอนนั้นเมื่อจู่ๆก็ได้ยินถึงชาติกำเนิดและข่าวการเสียชีวิตของเยี่ยเฟิงพระองค์ก็ทรงกริ้วจนขึ้นสมองจนต้องการจะออกสำรวจด้วยพระองค์เองอยู่ตลอดและทรงให้คำมั่นว่าจะปราบเผ่าปิศาจให้ราบเรียบ
พระองค์ทรงระดมกองกำลังปราบภูเขาพิศวิญญาณให้ราบคาบ ขจัดฐานที่มั่นของเผ่าปีศาจออกมาทีละแห่งๆและสังหารผู้นำกองธงทั้งสองคนของเผ่าปีศาจด้วย
ทุกคนที่เคยรังแกเยี่ยเฟิงนอกจากผู้นำกองธงกล้วยไม้ที่ไม่สามารถหาที่อยู่ของเขาได้แล้วพระองค์ทรงไม่ปล่อยไปเลยแม้แต่คนเดียว
ท้ายที่สุดยังไม่สามารถกลืนลมหายใจนั้นเข้าไปได้จึงส่งกองกำลังไปล้อมรอบภูเขาอวิ๋นฉีเพื่อต้องการกำจัดหัวหน้าของเผ่าปีศาจให้สิ้นซาก
เขาจากไปอย่างเร่งรีบเกินไป และถึงแม้ว่ารัฐฉู่ได้เตรียมการทุกอย่างเอาไว้แล้วแต่ก็ย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีผู้ที่ไม่ภักดีใช้โอกาสนี้ก่อการกบฏ
หากว่าเกิดเรื่องไม่คาดคิดกับพระองค์ขึ้น บ้านเมืองโดยรอบจะใช้ประโยชน์กลยุทธ์ตีชิงตามไฟก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
กู้ชูหน่วนเตือนสติได้ถูกต้อง
“รัฐฉู่เป็นรัฐใหญ่ใช่ว่าบ้านเมืองทั่วไปจะสามารถสั่นคลอนได้ และพวกเรากินมังสวิรัติกันหรือเป็นไปได้หรือว่าแม้แต่ฝ่าบาทและฮองเฮาก็ไม่สามารถปกป้องได้” แม่ทัพชุยกล่าวด้วยความโมโห
“ฮองเฮา หม่อมฉันเสียสละชีวิตเพื่อช่วยพระองค์และเยี่ยเฟิงหลายครั้งหลายครา ขอให้พวกพระองค์ถอยทัพจากภูเขาอวิ๋นฉีไม่ถือว่ามากเกินไปหรอกนะเพคะ”
"คือ......"
พระมเหสีฉู่ทอดพระเนตรไปยังจักรพรรดิฉู่เพื่อถามความเห็นของพระองค์
องค์จักรพรรดิฉู่ทรงตรัสว่า "ช่างเถอะ เห็นแก่ที่เจ้าได้ช่วยเหลือฮองเฮาและเฟิงเอ๋อร์ครั้งนี้ข้าสามารถถอยทัพได้ แต่เป็นไปไม่ได้ที่ข้าจะไม่เอาเรื่องเผ่าปีศาจตลอดไป เผ่าปีศาจทำให้ครอบครัวของข้าไม่สามารถอยู่กันพร้อมหน้าได้พวกเขาจำต้องชดใช้"
“ผู้ที่ทำให้พวกท่านไม่สามารถอยู่พร้อมหน้ากันได้น่าจะเป็นคนผู้นั้นที่อุ้มเยี่ยเฟิงไป”
เมื่อกล่าวถึงคนผู้นั้นบรรยากาศในกระโจมก็ลดลงอย่างกะทันหัน
ทุกคนของรัฐฉู่รู้ดีว่านั่นเป็นต่อมโมโหของฝ่าบาทและฮองเฮา หลายปีมานี้ฝ่าบาทและฮองเฮาห้ามผู้อื่นเอ่ยถึงคนผู้นี้
“ท่านสามารถไปได้แล้ว” องค์จักรพรรดิฉู่ทรงรับสั่งอย่างเย็นชา
เดิมทีพระองค์รู้สึกขอบคุณกู้ชูหน่วนทว่าทุกคำของกู้ชูหน่วนนั้นพูดจาแทนเผ่าปีศาจทำให้พระองค์ทรงไร้ซึ่งความรู้สึกอันดีต่อกู้ชูหน่วน
กู้ชูหน่วนยกเท้าขึ้นราวกับว่าถูกเทด้วยสารตะกั่วซึ่งไม่สามารถก้าวออกไปได้
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งนางก็ยังคงกล่าวอีก
“ภูเขาอวิ๋นฉีเคยเป็นสำนักใหญ่ของเผ่าปีศาจซึ่งภายในเต็มไปด้วยค่ายกลสังหารอันเก่าแก่อยู่ทั่วทุกหนทุกแห่ง สาเหตุที่พวกเขาไม่ได้ตั้งการป้องกันใดๆที่นี่ก็เนื่องจากเดิมทีภูเขาทั้งสองนี้ก็เป็นค่ายกลสังหารเส้นหนึ่ง เพียงแค่พวกเขาเริ่มค่ายกลที่นั่นขึ้นภูเขาทั้งสองก็จะกลายเป็นเถ้าถ่านในทันที ที่นี่......น่ากลัวกว่าหุบเขากลืนวิญญาณ"
ทุกคนต่างประหลาดใจ
แม่ทัพชุยกล่าวว่า “เจ้าพูดจาไร้สาระอันใดกัน ในโลกนี้จะมีค่ายกลที่โหดเหี้ยมดุดันเช่นนี้ได้อย่างไร ภูเขาสองลูกจะถูกทำลายในทันทีใด? เจ้าเห็นพวกเราเป็นเด็กอายุสามขวบหรือ?”
ไม่ใช่แค่แม่ทัพชุยเท่านั้นที่ไม่เชื่อ ทุกคนในที่นั้นแทบจะไม่เชื่อกันทั้งสิ้น
“ที่ควรกล่าวก็ไปหมดแล้ว พวกท่านคิดดูเอาเองเถอะนะ”
กู้ชูหน่วนหันหลังจากไป
จู่ๆพระมเหสีฉู่ก็ทรงร้องตะโกนว่า “แม่นางกู้ โปรดช้าก่อนข้าเชื่อที่เจ้ากล่าว ฝ่าบาท......”
จักรพรรดิฉู่ทรงโบกพระหัตถ์เป็นการส่งสัญญาณให้ท่านแม่ทัพถอยออกไป
“ฝ่าบาท หญิงผู้นี้มีเจตนาไม่แน่ชัด หากว่าหลังจากที่พวกข้ากระหม่อมถอยออกไปนางมีเตนาร้ายมิใช่เป็นการ......”
“ผู้ที่ฮองเฮาเชื่อข้าก็เชื่อเช่นเดียวกัน พวกเจ้าถอยออกไปให้หมดเถอะ”
"พ่ะย่ะค่ะ......"
แม่ทัพมีชื่อหลายท่านของรัฐฉู่จ้องไปยังกู้ชูหน่วนพร้อมกับคำเตือนท่วมแววตา
กู้ชูหน่วนยิ้มอย่างเฉยเมย
นางมักจะใช้ไม้อ่อนไม่ใช้ไม้แข็ง ตักเตือนนาง หึ......
หลังจากที่เสนาบดีจากไปในกระโจมก็เหลือฝ่าบาท ฮองเฮา กู้ชูหน่วนและซือม่อเฟยเพียงสี่คน
จักรพรรดิฉู่ถอนหายใจและในทันใดดูราวกับว่าจะมีอายุแก่ไปสักสิบกว่าปี
พระองค์ในเวลานี้ไม่เหมือนจักรพรรดิพระองค์หนึ่ง แต่กลับเสมือนบิดาทั่วไปผู้หนึ่งที่เจ็บปวดใจที่ได้สูญเสียลูกชายสุดที่รักไป
“แม่นางกู้ข้ารู้ว่าเจ้าดูเหมือนพูดจาแทนเผ่าปีศาจทุกอย่าง แต่จริงๆแล้วกลัวว่าทหารหลายแสนนายของเราจะเสียชีวิตลงที่นี่จึงได้เสี่ยงอันตรายมาแจ้งสินะ”
กู้ชูหน่วนพยักหน้า
“ข้าเข้าใจว่าความหมายของเจ้าแล้ว ข้าเพียงแค่อยากถามประโยคหนึ่งว่าผู้นำกองธงกล้วยไม้ไม่ได้อยู่ที่ภูเขาอวิ๋นฉีจริงๆหรือ?”
“เพคะ หากว่าเขาอยู่ที่ภูเขาอวิ๋นฉีก็ไม่ต้องให้พวกพระองค์ลงมือ หม่อมฉันจะสังหารเขาด้วยตนเองและนำศีรษะของเขามาถวายยังตรงหน้าพวกพระองค์แล้ว”
“แล้วเจ้ามีความสัมพันธ์อันใดกับเผ่าปีศาจ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์
เป็นนางเอกที่นิสัยแย่ที่สุดตั้งแต่เคยอ่านมา...
คือตัวเองไม่มีเงิน แต่คิดจะเอาทุกอย่างด้วยราคาสูงเสียดฟ้า แล้วก็หาคำพูดให้คนอื่นจ่ายแทน ตัวเองหาประโยชน์จากคนใกล้ตัวแต่กลับเอาใจให้คนอื่นตลอดเนี่ยนะ...
แม่นางกู้เกินเยียวยาแล้วเด้อ 555...
เยี่ยเฟิงเป็นคนดีมาก แต่เขาทนงตัวเกินไป ชีวิตที่ผู้อื่นฝ่าฟันเพื่อแย่งชิงลมหายใจเขาไว้ แต่เขาก็ดิ้นรนกลับไปหาความตายอยู่เรื่อย...
ท่านอาจารย์พูดให้คิดดีมากเลย แต่อาหน่วนจะเข้าใจไหม นางดูมั่นหน้า มั่นใจเกิตเหตุแบบไม่สนสี่สนแปดใดใดเลย...
อยากให้กลับมาอัพเดทไวๆนะคะ ขอบคุณมากค่ะ...
สรุปเรื่องนี้มีตอนจบมั้ยค่ะ...
รอตอนจบอยู่นะคะ ใจบางไม่ไหวแล้วทรมาน...
รออัพเดทอยู่นะคะ...
เมื่อไหร่จะอัพต่อค่ะ...