แม้ว่านี่จะไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง
กู้ชูหน่วนถูกปิดตา และถูกน่าหลานหลิงลั่วจูงมือเข้าไปที่สถานที่ต้องห้าม
ระหว่างเดินทางคดเคี้ยวเลี้ยวอยู่ตลอดไปเวลาสองชั่วยาม
กู้ชูหน่วนจดจำการนับก้าวอยู่ในใจอย่างเงียบเชียบ
“ถึงแล้ว คือที่นี่แหละ”
น่าหลานหลิงลั่วเปิดผ้าปิดตาสีดำออกให้นาง
ทันทีที่ได้สัมผัสแสง กู้ชูหน่วนค่อนข้างไม่คุ้นชิน เลยยกมือขึ้นอังแสงจ้านั้นไว้
แสงที่เข้ามาแยงตาส่องสว่าง มีลายพร้อยกระทบส่องอยู่บนตัวของนาง
สักครู่หนึ่งกู้ชูหน่วนถึงได้ปรับสภาพรับการแสงได้ นางเงยหน้าขึ้น ที่นี่เป็นหุบเขาทรงกระบี่แห่งหนึ่ง
ด้านนอกของหุบเขาทรงกระบี่คล้ายดั่งความคมกริบเฉียบแหลมที่ถอดออกจากปอก ปลายกระบี่ชี้ขึ้นบนท้องฟ้า เหมือนกับกระทุ้งท้องนภาทั้งหมด
เพียงแค่ยืนอยู่ด้านนอกสถานที่ต้องห้าม กู้ชูหน่วนก็สัมผัสได้ถึงรังสีอำมหิต ทิ่มแทงจนนางรู้สึกไม่สบายตัว
รูปลักษณ์ภายนอกนี้ เหมือนกับที่นางจิตนาการไว้เลย
แผนที่บนเข็มทิศ และคล้ายคลึงกับกริชที่นางแย่งชิงมาจากท่านปู่นั่นมาก
หุบเขาทรงกระบี่ใหญ่มาก และมีม่านแสงจางๆ อยู่รอบๆ และไม่รู้ว่าม่านแสงนี้แท้จริงแล้วมีไว้ทำอะไร
“ประตูหุบเขาอยู่ที่ไหน?”กู้ชูหน่วนกล่าวถาม
หุบเขาทรงกระบี่นี้ ควรจะมีประตูทางเข้าสิถึงจะถูกต้อง
น่าหลานหลิงลั่วส่ายหน้า กล่าวว่า“มีเพียงผู้นำแห่งหุบเขาที่รู้ว่าทางเข้าอยู่ตรงไหน ตามที่ท่านพ่อบุญธรรมพูด เพียงแค่เข้าไปในชั้นลึก นอกจากจะฝ่าแนวค่ายกลโบราณกาลในหุบเขาทรงกระบี่ไปได้ ไม่อย่างนั้นผู้ใดก็ไม่สามารถออกมาได้ คนของหุบเขาตันหุยเข้าไป ก็เพียงแค่กล้าเดินอยู่รอบนอกไม่กี่ชั่วยามเท่านั้นเอง”
“เช่นนั้นท่านเคยเข้าไปหรือไม่?”
“ไม่เลย เวลานี้ข้ายังไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้าไป”
น่าหลานหลิงลั่วมองแววตาที่มีความหวังของนาง จะยิ้มก็ไม่ยิ้มกล่าวขึ้นว่า“เจ้าเด็กอัปลักษณ์ เจ้าบอกความจริงกับข้ามา เจ้าอยากจะดั้นด้นเข้าไปในสถานที่ต้องห้าม นึกอะไรขึ้นมาได้ใช่หรือไม่”
“ท่านพูดอย่างนี้ เหมือนว่าข้าละโมบโลภมาก ข้าเพียงอยากจะเห็นแค่นั้นเอง”
กู้ชูหน่วนเดินวนรอบหุบเขาทรงกระบี่หนึ่งรอบ พบว่าด้านบนของหุบเขาทรงกระบี่ได้รับการปกป้องโดยค่ายกล นับอย่างละเอียดมีอย่างน้อยสิบกว่าค่ายกล อีกทั้งแต่ละค่ายเชื่อมสัมพันธ์กัน โดยเฉพาะบริเวณทางเข้า
อยากจะทะลาย ไม่ถึงสิบวันครึ่งเดือนโดยพื้นฐานแล้วไม่สามารถทะลายได้
ดูเหมือนว่าอยากจะเข้าไป วิธีที่เร็วที่สุด จะต้องได้เป็นอันดับหนึ่งของการชุมนุมกลั่นยา
“ใช่แล้ว อันดับหนึ่งของการชุมนุมกลั่นยาสามารถเข้าได้ เช่นนั้นเมื่อก่อนพวกเขาเข้าไปทำอะไร?”
“ข้าจะรู้ได้ยังไง แม้ข้าจะเป็นนายน้อยของหุบเขาตันหุย แต่ข้าออกจากหุบเขาตันหุยได้หลายปีแล้ว เมื่อก่อนตอนที่เป็นเด็ก ท่านพ่อบุญธรรมกับเหล่าผู้อาวุโสไม่ยอมที่จะกล่าวพูดอะไรมาก”
น่าหลานหลิงลั่วใจกว้าง ปล่อยให้นางพิจารณามองอย่างละเอียดได้
จนกระทั่งปล่อยยอมให้นางศึกษาค่ายกลเหล่านั้น เขาเพียงแค่มองนางด้วยแววตาอ่อนโยน
จนกระทั่งช่วงเที่ยงวัน ทั้งสองคนถึงได้กลับออกไปจากสถานที่ต้องห้าม
ไม่รู้ว่าหุบเขาตันหุยเชิญคนมาเยอะแค่ไหน หุบเขามีคนเข้าออกเรื่อยๆ
กู้ชูหน่วนถูกจัดให้อยู่บนห้องที่ดีที่สุด ได้รับการปรนนิบัติอย่างดีที่สุด
คนรับใช้เอาอาหารมาให้ และอาหารบนโต๊ะเป็นมังสวิรัติทั้งหมด สาวใช้กล่าวอธิบายอย่างเขินอาย
”นายหญิงน้อยโปรดอภัย ในหุบเขาได้ส่งคนออกไปซื้อเนื้อหมูเนื้อวัวแล้ว ไม่นานก็สามารถทำอาหารชั้นดีแก่ท่านได้แล้วเจ้าค่ะ”
“ที่หุบเขาตันหุยของพวกเจ้าไม่ได้เลี้ยงวัวเลี้ยงหมูกันหรือ?”
“เอ่อ….มีเจ้าค่ะ….แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด สัตว์เลี้ยงที่มีชีวิตอยู่ถึงหายไป ไม่รู้ว่าผู้ใดลักขโมยไปน่ะเจ้าค่ะ”
กู้ชูหน่วนหมดคำพูด
เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ทำอะไร?
มันไม่กลัวท้องแตกหรือ?
กู้ชูหน่วนอดกังวลใจไม่ได้ว่าเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์จะท้องแตกหรือไม่
“ไม่เป็นไร เจ้าออกไปก่อนเถิด”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์
เป็นนางเอกที่นิสัยแย่ที่สุดตั้งแต่เคยอ่านมา...
คือตัวเองไม่มีเงิน แต่คิดจะเอาทุกอย่างด้วยราคาสูงเสียดฟ้า แล้วก็หาคำพูดให้คนอื่นจ่ายแทน ตัวเองหาประโยชน์จากคนใกล้ตัวแต่กลับเอาใจให้คนอื่นตลอดเนี่ยนะ...
แม่นางกู้เกินเยียวยาแล้วเด้อ 555...
เยี่ยเฟิงเป็นคนดีมาก แต่เขาทนงตัวเกินไป ชีวิตที่ผู้อื่นฝ่าฟันเพื่อแย่งชิงลมหายใจเขาไว้ แต่เขาก็ดิ้นรนกลับไปหาความตายอยู่เรื่อย...
ท่านอาจารย์พูดให้คิดดีมากเลย แต่อาหน่วนจะเข้าใจไหม นางดูมั่นหน้า มั่นใจเกิตเหตุแบบไม่สนสี่สนแปดใดใดเลย...
อยากให้กลับมาอัพเดทไวๆนะคะ ขอบคุณมากค่ะ...
สรุปเรื่องนี้มีตอนจบมั้ยค่ะ...
รอตอนจบอยู่นะคะ ใจบางไม่ไหวแล้วทรมาน...
รออัพเดทอยู่นะคะ...
เมื่อไหร่จะอัพต่อค่ะ...