“มีค่ายกลไฟ กริชเพลิง เมฆเพลิง ค่ายกลพิษ มดพิษ ตะขาบพิษและอื่นๆ อีกมาก หรือจะพูดอีกอย่างก็คือจะมีค่ายกลขนาดใหญ่อยู่ทุกๆ สิบเมตร ค่ายกลเหล่านั้นทรงพลังเกินไปจนเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์แทบจะทรุดอยู่ที่นั่น” กู้ชูหน่วนแปลคำพูดของเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ให้พวกเขาฟัง
เยี่ยจิ่งหานมีสีหน้าเคร่งขรึม
ถ้าเป็นไปอย่างที่เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์บอกจริงๆ พวกเขาก็ไม่รู้แล้วว่าทั่วทุกที่มีค่ายกลอยู่มากแค่ไหน
มีค่ายกลซ่อนอยู่ทุกๆ สิบเมตรและแต่ละค่ายกลจะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนี้ยังไม่มีจุดศูนย์ถ่วง พวกเขาไม่มีทางบุกเขาไปได้เลยจริงๆ
จอมมารเอ่ยอย่างสบายๆ ว่า “ขึ้นไปไม่ได้ก็ไม่เป็นไร อย่างมากพวกเราก็แค่ต้องหาทางลง ที่นี่ไม่เห็นมีอะไรน่าสนุก พี่หญิง ถ้าท่านอยากหาเรื่องตื่นเต้นทำ ข้าจะพาท่านไปที่อื่น”
กู้ชูหน่วนกลอกตา
นางดูเหมือนคนว่างไม่มีอะไรทำงั้นหรือ
มองหาเรื่องน่าตื่นเต้นอะไรกัน
“เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ เจ้าไม่เห็นกุญแจรูปดาวข้างบนนั้นเลยหรือ”
จอมมารตระหนักได้ทันที “ที่แท้ท่านก็มาที่นี่เพื่อตามหากุญแจรูปดาวชิ้นที่สองจริงๆ ด้วย”
เยี่ยจิ่งหานขมวดคิ้วเล็กน้อย “กุญแจรูปดวงดาว?”
“เรื่องนี้เจ้าไม่รู้หรอก นี่เป็นความลับระหว่างข้ากับพี่หญิง”
“กุญแจรูปดวงดาวมีทั้งหมดสามชิ้นใช่หรือไม่”
กู้ชูหน่วนประหลาดใจ “ท่านรู้ได้อย่างไรว่ามีกุญแจรูปดาวทั้งหมดสามชิ้น”
“เคยอ่านเจอในตำราโบราณเล่มหนึ่ง ว่ากันว่าใช้ไขขุมทรัพย์ได้ แต่เป็นขุมทรัพย์แบบไหนนั้นไม่มีบันทึกเอาไว้”
“แล้วท่านรู้หรือไม่ว่ากุญแจรูปดาวชิ้นที่สองอยู่ตรงไหน ณ ที่แห่งนี้”
เยี่ยจิ่งหานเลิกคิ้ว “เหตุใดข้าต้องบอกเจ้า”
“ช่างเถอะ ท่านไม่อยากบอกก็ไม่ต้องบอก เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ เจ้าขึ้นไปดูอีกทีว่ามีจุดศูนย์ถ่วงตรงไหนบ้างหรือไม่ ถึงอย่างไรข้าก็ยังต้องขึ้นไปต่อ”
“นายท่าน ยิ่งขึ้นไปสูงเท่าใดกำแพงหินก็ยิ่งเรียบ ไม่มีจุดศูนย์ถ่วงใดๆ เลย อ้อ... ไม่ใช่ ปุ่มแหลมที่ยื่นออกมาก็ไม่อาจนับว่าเป็นจุดศูนย์ถ่วง มันรองรับคนได้คนเดียว และวิชาตัวเบาก็ต้องดีด้วย”
“เอาเถอะน่ะ พาข้าขึ้นไป”
“แล้วพวกข้าล่ะ พวกข้าจะทำอย่างไร”
“พวกท่านอยากไปที่ไหนก็เรื่องของพวกท่าน”
กู้ชูหน่วนว่าพลางสั่งให้เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์พาตนเองขึ้นไปทันที
เยี่ยจิ่งหานหิ้วเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ขึ้นมาและขู่ว่า “ถ้าวันนี้เจ้าพานางขึ้นไปคนเดียว ต่อไปก็อย่าได้คิดจะกินเนื้อที่จวนหานอ๋องอีก”
เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ตกใจจนสะดุ้ง
นี่มันขู่กันชัดๆ จะโหดร้ายเกินไปแล้ว
มันจะอดกินเนื้อไม่ได้
จอมมารยิ้ม “ถ้าเจ้าไม่พาข้าไปด้วย ก็อย่าคิดว่าจะได้กินเนื้อจากเผ่าปีศาจของข้าอีก”
เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ยอมจำนนในทันที
ไม่ว่าจะเป็นจวนหานอ๋องหรือเผ่าปีศาจ อาหารจากพวกเขาล้วนเป็นของที่ดีกว่าที่อื่นมาก
เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์เอ่ยอย่างออดอ้อน “นายท่าน ข้าขอพาพวกเขาสองคนไปด้วยได้หรือไม่”
“ไม่ได้”
“โธ่... เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ถูกไฟคลอกจนเจ็บปวดสิ้นไร้เรี่ยวแรง เช่นนั้นนายท่านลองหาวิธีขึ้นไปเองเถิด”
กู้ชูหน่วนแทบอยากจะจับเจ้างูที่เห็นอาหารดีกว่าเพื่อนมาทำเป็นอาหารเสียเดี๋ยวนี้
จะอะไรกันนักกันหนา
“ถ้าเจ้าไม่รีบพาข้าขึ้นไป เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะโยนเจ้าทิ้งไปเดี๋ยวนี้”
“ก็ได้ๆ ข้าจะพาท่านขึ้นไปเดี๋ยวนี้”
เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์กลายเป็นงูยักษ์ในทันที นอกจากจะแบกกู้ชูหน่วนไว้บนหลังแล้ว มันยังแบกเยี่ยจิ่งหานและจอมมารขึ้นมาด้วย
ที่ด้านบนอันตรายเกินไป มีค่ายกลปลิวว่อนอยู่ทุกที่ หากประมาทเพียงนิดเดียว ชีวิตอาจจะต้องจบลงที่นี่
เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ยกหางขึ้นสะบัดกู้ชูหน่วนและอีกสองคนไปทางหนามไม้ขนาดเล็ก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์
เป็นนางเอกที่นิสัยแย่ที่สุดตั้งแต่เคยอ่านมา...
คือตัวเองไม่มีเงิน แต่คิดจะเอาทุกอย่างด้วยราคาสูงเสียดฟ้า แล้วก็หาคำพูดให้คนอื่นจ่ายแทน ตัวเองหาประโยชน์จากคนใกล้ตัวแต่กลับเอาใจให้คนอื่นตลอดเนี่ยนะ...
แม่นางกู้เกินเยียวยาแล้วเด้อ 555...
เยี่ยเฟิงเป็นคนดีมาก แต่เขาทนงตัวเกินไป ชีวิตที่ผู้อื่นฝ่าฟันเพื่อแย่งชิงลมหายใจเขาไว้ แต่เขาก็ดิ้นรนกลับไปหาความตายอยู่เรื่อย...
ท่านอาจารย์พูดให้คิดดีมากเลย แต่อาหน่วนจะเข้าใจไหม นางดูมั่นหน้า มั่นใจเกิตเหตุแบบไม่สนสี่สนแปดใดใดเลย...
อยากให้กลับมาอัพเดทไวๆนะคะ ขอบคุณมากค่ะ...
สรุปเรื่องนี้มีตอนจบมั้ยค่ะ...
รอตอนจบอยู่นะคะ ใจบางไม่ไหวแล้วทรมาน...
รออัพเดทอยู่นะคะ...
เมื่อไหร่จะอัพต่อค่ะ...