ชิงเฟิงรู้สึกว่าสิ่งนี้ก็ฟังดูก็มีเหตุผล แต่ไม่รู้ทำไมเขาจึงรู้สึกว่ามีอะไรแปร่งๆ
เขาทำตามหน้าที่ด้วยความจงรักภักดี ไม่กล้าประมาทในการเฝ้าปกป้องนายท่านอยู่ข้างนอกเลยแม้แต่น้อย แล้วเขาจะผิดได้อย่างไร
เจี้ยงเสวี่ยส่ายหน้าพลางทอดถอนใจ
“เจ้าเด็กเถรตรงเอ๊ย...”
ชิงเฟิงสูดลมหายใจและบ่นพึมพำ “อย่างมากสุดตอนที่นายท่านพลอดรักกัน ข้าอยู่ห่างกว่าเดิมสักนิดก็ไม่น่าจะเป็นอะไรแล้ว แต่ตอนนี้ข้าควรจะทำอย่างไรดี เจี้ยงเสวี่ย ข้าไม่อยากไปหอจวี๋อิง เจ้าช่วยข้าขอร้องนายท่านหน่อยได้หรือไม่”
“ข้าไม่กล้า”
“นายท่านเชื่อถือเจ้ามากที่สุด ถ้าเจ้าเอ่ยปากขอร้อง ข้าคงยังพอมีโอกาส ไม่อย่างนั้นข้าคงถูกเปลื้องผ้าจนเกลี้ยงให้คนมามุงดูจริงๆ แน่ เจ้าจะแข็งใจทำได้หรือ”
“ไปขอร้องนายท่านแล้วจะมีประโยชน์อะไร ควรไปขอร้องพระชายาดีกว่า ขอเพียงพระชายารับสั่งมาคำเดียว อย่าว่าแต่ไม่ต้องไปหอจวี๋อิง แม้แต่ห้องน้ำเจ้าก็คงไม่ต้องขัด”
ชิงเฟิงส่ายหน้าโดยไม่ต้องคิด
ไปขอร้องพระชายา... เขาจะไม่ถูกลงโทษอย่างโหดร้ายยิ่งกว่านี้หรอกหรือ
พระชายาไม่เคยปฏิบัติต่อเขาดีๆ เลย
มีเสียงหัวเราะคิกคักดังขึ้นมาในค่ำคืนที่เงียบสงัด
ชิงเฟิงกับเจี้ยงเสวี่ยขยับเข้าไปใกล้กัน ทันใดนั้นก็เห็นว่าชิวเอ๋อร์ยืนอยู่ไม่ไกลจากตรงนั้น นางกำลังปิดปากหัวเราะจนคิ้วโก่ง
ทันทีที่เห็นชิวเอ๋อร์ ทั้งสองคนก็รีบจัดอาภรณ์ให้เรียบร้อยและยืดหลังตรง แสดงด้านที่สมบูรณ์แบบที่สุดของตนเองออกมา
“แม่นางชิวเอ๋อร์ ดึกขนาดนี้แล้ว เหตุใดเจ้าจึงยังไม่นอนอีก”
“ข้ารู้ว่าชิงเฟิงจะต้องถูกลงโทษให้ขัดห้องน้ำแน่ๆ ดังนั้นข้าจึงขัดห้องน้ำทั้งหมดในจวนอ๋องไว้ล่วงหน้า”
ฮือ...
ชิงเฟิงกับเจี้ยงเสวี่ยพ่นลมหายใจออกมาอย่างพร้อมเพรียง
“เจ้าเป็นหญิงงามบอบบาง พวกข้าจะปล่อยให้เจ้าขัดได้อย่างไร”
“ใช่ นี่มัน... นี่มัน...”
ชิงเฟิงรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
เขาชอบชิวเอ๋อร์มาตลอดและอยากจะแย่งงานทั้งหมดที่ชิวเอ๋อร์มีมาทำแทน แต่วันนี้เขากลับทำให้นางต้องมาขัดห้องน้ำ ห้องน้ำเหม็นออกขนาดนั้น ทั้งยังต้องทำทั้งจวนเลยด้วย
ชิวเอ๋อร์ปิดปากหัวเราะเบาๆ จากนั้นจึงก้าวเข้าไปใกล้พวกเขา “ไม่เป็นไร ถึงอย่างไรข้าก็ว่างอยู่แล้ว ตอนนี้คุณหนูแทบจะไม่อยู่ในจวน ขัดห้องน้ำเสียหน่อยเวลาแต่ละวันจะได้ผ่านไปเร็วขึ้น”
เจี้ยงเสวี่ยรีบชื่นชมอย่างประจบ “แม่นางชิวเอ๋อร์ใจดีจริงๆ แต่ต่อไปเรื่องขัดห้องน้ำปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง มือของเจ้าบอบบางขนาดนั้น อย่าได้ทำให้เปรอะเปื้อนเลย”
ชิงเฟิงตะลึงตาไม่กะพริบ
ก่อนหน้านี้ตอนที่เขาถูกลงโทษให้ขัดห้องน้ำ เขาเรียกเจี้ยงเสวี่ยให้มาช่วยหลายต่อหลายครั้งแต่เจี้ยงเสวี่ยก็ทำเป็นเมินเฉย เหตุใดวันนี้เขาจึงกระตือรือร้นนัก
ชิวเอ๋อร์เหลือบมองเจี้ยงเสวี่ยก่อนจะหันไปมองชิงเฟิง เอ่ยอย่างปลอบใจว่า
“อันที่จริงคุณหนูเป็นคนจิตใจดีและคุยง่าย ไว้รอพรุ่งนี้เมื่อคุณหนูตื่น ข้าจะช่วยท่านพูดกับคุณหนูให้ คุณหนูเพียงแต่ขู่ท่าน ไม่ส่งท่านไปหอจวี๋อิงจริงๆ หรอก”
“นางจะยอมหรือ”
ชิงเฟิงไม่ใคร่จะเชื่อ
ชิวเอ๋อร์บอกกับเขาตลอดว่าพระชายาดีอย่างนั้นดีอย่างนี้ แต่พระชายาที่เขารู้จักไม่เห็นจะดีเลยสักนิด นางมีแต่จะยั่วเขาเล่น
“ต้องยอมอยู่แล้ว ท่านไม่เชื่อใจคุณหนู หรือแม้แต่ข้าท่านเองก็ไม่เชื่อ?”
ชิงเฟิงเกาศีรษะอย่างกระดากอายและเอ่ยอย่างซาบซึ้ง “แน่นอนว่าข้าเชื่อเจ้าอยู่แล้ว”
“ท่านหิวหรือไม่ ข้าทำของว่างยามดึกเอาไว้ มาสิ ข้าจะพาท่านไปกิน”
“เอาสิ” ชิงเฟิงลูบท้องแฟบๆ แล้วยิ้มกว้าง
เจี้ยงเสวี่ยงงงัน
นี่เขาถูกทิ้งงั้นหรือ?
หัวใจของเขาว่างเปล่าอย่างอธิบายไม่ถูก ดูเหมือนชิวเอ๋อร์จะปฏิบัติต่อชิงเฟิงดีกว่าเขาอย่างไรก็ไม่รู้
เสียงเรียกของชิวเอ๋อร์ดังเข้ามากระทบโสตประสาท “ท่านพี่เจี้ยงเสวี่ย เหตุใดจึงยังไม่มาอีก ถ้าไม่รีบ ระวังชิงเฟิงจะกินอาหารว่างหมดนะเจ้าคะ”
หัวใจของเจี้ยงเสวี่ยเหมือนถูกเคลือบด้วยน้ำผึ้ง เขารีบวิ่งตามไปทันที
ณ ห้องบรรทม
กู้ชูหน่วนกับเยี่ยจิ่งหานนอนอยู่เคียงข้างกัน ทั้งสองหอบหายใจเสียงดัง บนหน้าผากมีเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดพรายไปทั่ว
“ไม่ได้ตกลงกันว่าครั้งเดียวหรอกหรือ” น้ำเสียงของกู้ชูหน่วนไม่คงที่นัก
กู้ชูหน่วนจงใจลากเสียงยาว มองชิวเอ๋อร์ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย “อ้อ... ดูเหมือนเจ้าจะดีกับชิงเฟิงมากเป็นพิเศษนะ ข้าจำได้ว่าก่อนหน้านี้เจ้าก็เคยมาขอร้องข้าแทนชิงเฟิงอยู่หลายครั้งมิใช่หรือ เจ้าคงไม่ได้สนใจเขาหรอกนะ”
ชิวเอ๋อร์หน้าแดงและรู้สึกร้อนผะผ่าวที่ใบหู
นางเอ่ยอย่างตำหนิ “คุณหนูพูดจาเหลวไหลอะไรเจ้าคะ บ่าวกับชิงเฟิงบริสุทธิ์ใจ เราไม่ได้เป็นอะไรกันทั้งนั้น”
“ในเมื่อไม่ได้เป็นอะไรกัน เจ้าจะมาขอร้องแทนเขาทำไม”
“คุณหนู...” ชิวเอ๋อร์เริ่มร้อนใจ
กู้ชูหน่วนจิ้มหน้าผากของนางและเอ่ยยิ้มๆ ว่า “เอาละ ไหนๆ เจ้าก็เอ่ยปากเองทั้งที จะไม่ทำก็กระไรอยู่ แต่เรื่องรักสามเส้าของเจ้าก็ควรจะจัดการให้เรียบร้อยมิใช่หรือ”
“รักสามเส้าอะไรกันเจ้าคะ”
“ชิงเฟิง เจี้ยงเสวี่ย เจ้าเลือกคนไหน? ข้าว่าเจ้าเด็กโง่สองคนนั้นสนใจเจ้ามาก”
“คุณหนูกำลังพูดจาเหลวไหลอะไรเจ้าคะ บ่าวฐานะต่ำต้อย จะกล้าอาจเอื้อมไปสนใจหัวหน้าทั้งสองได้อย่างไร”
“ใครกล้าพูดว่าเจ้าฐานะต่ำต้อย ข้าจะฆ่าให้เรียบ”
“โธ่ ข้าไม่พูดกับคุณหนูแล้ว เมื่อครู่ท่านแม่ทัพใหญ่เซี่ยวส่งคนมาหาเจ้าค่ะ บอกว่าขอให้คุณหนูไปพบกันที่ห้องลับของจวนแม่ทัพตอนช่วงเที่ยง”
รอยยิ้มของกู้ชูหน่วนหยุดชะงัก
แม่ทัพใหญ่เซี่ยวต้องการพบนางรึ
ยังไม่ถึงสามวันเลย เขาจะอยากพบนางไปเพื่ออะไร
นางกับเขาเพิ่งแยกกันเองนี่นา
ถ้าอยากนัดเจอที่ห้องลับ เหตุใดจึงยังต้องส่งคนมาบอก เขาควรจะมาหานางด้วยตัวเองหรือไม่ก็นัดเจอที่ห้องตำรามิใช่หรือ
กู้ชูหน่วนระงับความสงสัยเอาไว้และบอกว่า “เจ้าส่งคนกลับไปรายงานว่าข้าจะไปถึงตอนเที่ยงๆ”
“คุณหนูมึนอีกแล้วหรือเจ้าคะ นี่ใกล้จะเที่ยงแล้ว คุณหนูยังไม่ได้กินอาหารกลางวันเลย ต่อให้คุณหนูเร็วแค่ไหนก็ไม่มีทางไปถึงจวนแม่ทัพได้ทันเวลาอยู่ดี”
กู้ชูหน่วนหยิบเสื้อคลุมมาสวมและวิ่งตรงไปที่ประตูจวนหานอ๋องโดยที่ไม่บอกกล่าวอะไร
“เหตุใดคุณหนูต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วยเจ้าคะ”
“จะไปจวนแม่ทัพ เจ้าเดินช้า ไม่ต้องตามข้าไปหรอก บอกเจ้าโง่ชิงเฟิงกับเจี้ยงเสวี่ยว่าไม่ต้องตามไปเหมือนกัน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่แปลให้อ่านนะคะ อ่านถึง 1174 แล้วรอตอนต่อไปอยู่ค่ะ...
ไม่อัพจบเหรอคะ...
เป็นนางเอกที่นิสัยแย่ที่สุดตั้งแต่เคยอ่านมา...
คือตัวเองไม่มีเงิน แต่คิดจะเอาทุกอย่างด้วยราคาสูงเสียดฟ้า แล้วก็หาคำพูดให้คนอื่นจ่ายแทน ตัวเองหาประโยชน์จากคนใกล้ตัวแต่กลับเอาใจให้คนอื่นตลอดเนี่ยนะ...
แม่นางกู้เกินเยียวยาแล้วเด้อ 555...
เยี่ยเฟิงเป็นคนดีมาก แต่เขาทนงตัวเกินไป ชีวิตที่ผู้อื่นฝ่าฟันเพื่อแย่งชิงลมหายใจเขาไว้ แต่เขาก็ดิ้นรนกลับไปหาความตายอยู่เรื่อย...
ท่านอาจารย์พูดให้คิดดีมากเลย แต่อาหน่วนจะเข้าใจไหม นางดูมั่นหน้า มั่นใจเกิตเหตุแบบไม่สนสี่สนแปดใดใดเลย...
อยากให้กลับมาอัพเดทไวๆนะคะ ขอบคุณมากค่ะ...
สรุปเรื่องนี้มีตอนจบมั้ยค่ะ...
รอตอนจบอยู่นะคะ ใจบางไม่ไหวแล้วทรมาน...