ขณะที่พูดอยู่นั้น ทั้งสองคนที่คลานอยู่บนพื้นก็มาถึงด้านหน้าแล้ว
“เปิดประตู ข้าจะเข้าไป เร็วเข้า” ผู้อาวุโสหกบอก
สาวกผู้เฝ้าประตูงุนงง
ประโยคนี้อีกแล้วรึ
วันนี้มันเกิดอะไรขึ้น
ปกติเขตหวงห้ามแห่งนี้ไม่มีใครเข้ามานานหลายปีแล้ว แต่วันนี้กลับมีคนสามกลุ่มมาที่นี่และพูดด้วยน้ำเสียงที่เหมือนกันทุกประการ
“เจ้าเป็นใคร รู้หรือไม่ว่าที่นี่คือสถานที่แบบไหน”
“เจ้าถูกลาเตะหัวรึ ถึงจำไม่ได้แม้แต่ข้า”
สาวกผู้เฝ้าประตูเดินวนมองพวกเขา ทันใดนั้นเองจึงเข้าใจอะไรๆ ขึ้นมาได้
“ทะ... ท่านคือผู้อาวุโสหกงั้นหรือขอรับ”
“ถ้าไม่ใช่ข้าแล้วจะเป็นใคร”
“ผู้อาวุโสหก ท่านรู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือไม่ขอรับ เหตุใดจึงคะ... คลานมาเช่นนี้...”
นอกจากนี้ท่าคลานยังดูเหมือนขอทานที่คลานสี่ขาเป็นสุนัข
“ขะ... ข้าก็แค่ลองเปลี่ยนไปสัมผัสชีวิตในมุมที่แตกต่าง”
เอ่อ...
ประโยคนี้อีกแล้วหรือ
ถ้าไม่ใช่เพราะรู้จักผู้อาวุโสหก พวกเขาเกือบจะคิดไปแล้วว่าผู้อาวุโสหกเป็นขอทานกลุ่มเดียวกับพวกที่มาเมื่อครู่นี้
ฮวาฉี่หลัวเอ่ยอย่างโมโหว่า “โธ่เอ๊ย พวกเจ้ามัวมาบ่นจู้จี้อะไรกัน รีบเปิดประตูเขตหวงห้ามเร็วเข้า ท่านพี่หน่วนเข้าไปนานแล้วนะ”
“ไม่ได้ยินรึ ยังไม่รีบเปิดอีก”
“ถะ... ถึงแม้ท่านจะเป็นผู้อาวุโส พวกเราก็เปิดประตูเขตหวงห้ามให้ไม่ได้ เว้นแต่ว่าจะมีคำสั่งจากหัวหน้าเผ่าหรือผู้อาวุโสสูง”
“บัดซบ แล้วเจ้าหมาตัวนั้นกับจอมมารเข้าไปได้อย่างไร”
“หมาอะไร ใคร จอมมาร? ใครคือจอมมาร ทะ... ท่านคงมิใช่ผู้อาวุโสหกตัวปลอมหรอกนะ”
สาวกอีกคนตระหนักขึ้นมาได้และชักอาวุธออกมาทันที จากนั้นจึงล้อมรอบผู้อาวุโสหกกับฮวาฉี่หลัวเอาไว้
“ข้าก็ว่าเถอะ ผู้อาวุโสหกมีสถานะสูงส่ง จะมาคลานเยี่ยงหมามาถึงเขตหวงห้ามได้อย่างไร บอกมาว่าเจ้าเป็นใครกันแน่ ถ้าไม่บอกข้าจะสั่นกระดิ่งเรียกทุกคนในเผ่ามา”
“ไอ้พวกบ้า! คิดจะกวนโมโหข้างั้นรึ”
เมื่อถูกสาวกระดับล่างเรียกว่าหมา ผู้อาวุโสหกก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟเพราะเสียหน้า เขาลุกขึ้นยืนและมอบเกาลัดให้พวกนั้นคนละลูก
ฮวาฉี่หลัวตกใจ “ท่าน... แรงของท่านฟื้นคืนแล้วรึ”
ผู้อาวุโสหกลองใช้พลัง
ดูเหมือนเรี่ยวแรงบางส่วนจะฟื้นคืนมาแล้ว แม้แต่พลังก็ฟื้นคืนมาด้วยเล็กน้อย
ฮวาฉี่หลัวลุกขึ้นมา นางสะบัดมือสะบัดเท้าที่คลานขึ้นมาจนเจ็บ จากนั้นจึงพบว่าเรี่ยวแรงของตนฟื้นคืนขึ้นมาแล้วตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้
ทั้งสองคนเอ่ยออกมาอย่างพร้อมเพรียงกันว่า “เรี่ยวแรงฟื้นตัวแล้วเหตุใดท่าน/เจ้าจึงไม่บอกข้า”
“ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าเรี่ยวแรงฟื้นคืนมาแล้ว ท่านเอาแต่ลากข้ามา เคยให้เวลาข้าด้วยงั้นรึ”
“ก็ข้ากำลังรีบอยู่มิใช่รึ”
คนเฝ้าประตูฟังอย่างมึนงง ในที่สุดก็นึกโมโหขึ้นมา
“ไสหัวไปซะ รีบออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้ เพื่อเห็นแก่พวกเจ้าที่เป็นคนของเผ่าหยก พวกข้าจะไม่รายงานเรื่องนี้ผู้อาวุโสทราบ หากยังไม่ออกไปอีกอย่าหาว่าพวกข้าไม่เกรงใจ”
“พับผ่าสิ วันนี้มันวันอะไรถึงได้ถูกหาเรื่องจับผิดตลอด”
ผู้อาวุโสหกล้วงเข้าไปในแขนเสื้อและหยิบตราคำสั่งออกมา และตราคำสั่งนั้นเป็นของผู้อาวุโสสูงจริงๆ
“เห็นหรือยัง นี่คือตราคำสั่งของผู้อาวุโสสูง ยังไม่รีบเปิดประตูอีก!”
“นี่มัน... ท่านเป็นใครกันแน่”
“เสี่ยวเต๋อจื่อ เสี่ยวจางจื่อ น่าผิดหวังนักที่ข้าดูแลพวกเจ้าทั้งสองคนมา ตอนที่ผู้อาวุโสสูงลงโทษพวกเจ้าข้าก็เป็นคนไปขอร้องแทน ไม่คิดเลยว่าพวกเจ้าจะจำไม่ได้แม้แต่ข้า”
“ท่านคือผู้อาวุโสหกจริงๆ รึ”
“เหลวไหล ต้องให้ข้าพูดอีกกี่ครั้ง ตอนนี้หัวหน้าเผ่ากำลังตกอยู่ในอันตราย ถ้าพวกเจ้ายังไม่ยอมเปิดประตูแล้วเกิดอะไรขึ้นมา พวกเจ้าจะรับผิดชอบได้รึ!”
“อา...”
“อะ อะไรนะ อ้อ เปิดประตู”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์
คือตัวเองไม่มีเงิน แต่คิดจะเอาทุกอย่างด้วยราคาสูงเสียดฟ้า แล้วก็หาคำพูดให้คนอื่นจ่ายแทน ตัวเองหาประโยชน์จากคนใกล้ตัวแต่กลับเอาใจให้คนอื่นตลอดเนี่ยนะ...
แม่นางกู้เกินเยียวยาแล้วเด้อ 555...
เยี่ยเฟิงเป็นคนดีมาก แต่เขาทนงตัวเกินไป ชีวิตที่ผู้อื่นฝ่าฟันเพื่อแย่งชิงลมหายใจเขาไว้ แต่เขาก็ดิ้นรนกลับไปหาความตายอยู่เรื่อย...
ท่านอาจารย์พูดให้คิดดีมากเลย แต่อาหน่วนจะเข้าใจไหม นางดูมั่นหน้า มั่นใจเกิตเหตุแบบไม่สนสี่สนแปดใดใดเลย...
อยากให้กลับมาอัพเดทไวๆนะคะ ขอบคุณมากค่ะ...
สรุปเรื่องนี้มีตอนจบมั้ยค่ะ...
รอตอนจบอยู่นะคะ ใจบางไม่ไหวแล้วทรมาน...
รออัพเดทอยู่นะคะ...
เมื่อไหร่จะอัพต่อค่ะ...