กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ นิยาย บท 781

เยี่ยจิ่งหานกัดฟัน รวบรวมกำลังภายในทั้งหมดของเขา และคิดที่จะสะเทือนจอมมารออกไปและไว้ชีวิตเขาชีวิตหนึ่ง

จนถึงตอนนี้ทั้งคู่เข้าใจแล้วว่าการทุ่มเทพละกำลังของพวกเขาสูญเสียมากเกินไป และถูกโจมตีด้วยพลังของตนเองซึ่ฝผู้คนที่เหลืออยู่จะไม่มีชีวิตรอดได้เป็นแน่

“เจ้าคือสหายที่อาหน่วนห่วงใยมากที่สุด หากเจ้าตายอาหน่วนจะไม่มีความสุขชั่วชีวิต”

ไม่รอให้เยี่ยจิ่งหานลงมือจอมมารได้ชิงก้าวไปด้านหน้าและตะโกนเสียงดังเสียงหนึ่งขึ้นและสะเทือนเยี่ยจิ่งหานออกไปเลย

“ไม่สามารถไม่ยอมรับได้ว่าในใจของพี่หญิงฐานะของเจ้าสำคัญกว่าข้า หากเจ้าตายแม้ว่าพี่หญิงจะมีชีวิตอยู่ก็ตายดีกว่ามีชีวิตอยู่ ข้าจะไม่ทนดูเจ้าตายอยู่ที่นี่ พี่หญิงของข้าข้าช่วยเองได้และไม่จำเป็นต้องให้ผู้อื่นมาช่วย"

"พรวด......"

เยี่ยจิ่งหานต้องการที่จะต่อต้าน แต่จอมมารกลับกระตุ้นวิชาคืนชีพบุปผาผลิบานขึ้นอีกครั้งเพื่อยกระดับความแข็งแกร่งให้ถึงขั้นสูงสุดระดับเจ็ด

สามารถยกถึงระดับเจ็ดนั้นถือว่าฝืนมติสวรรค์แล้วแต่เขากลับยกระดับถึงขั้นสูงสุดระดับเจ็ด

เยี่ยจิ่งหานได้รับบากดเจ็บสาหัสเกินกว่าจึงไม่สามารถยกระดับขึ้นมาได้ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจอมมาร

เขาถูกสะเทือนออกและกระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง พละกำลังในร่างกายเสมือนลูกบอลที่ลมคลายออกไป ทำเช่นไรก็ไม่สามารถรวมรวบขึ้นได้โดยที่คนก็ใกล้จะหมดลมแล้ว

"นายท่าน......"

"อาหาน......"

ชิงเฟิงเจี้ยงเสวี่ยและซูมู่ก้าวไปต่างด้านหน้า ซูมู่แตะจุดชีพจรสองสามจุดบนร่างกายของเขาและถ่ายพละกำลังของตนเองเข้าสู่ตัวเขา ฝืนทนปกป้องชีพจรในใจของเขา

ความโกรธของเยี่ยจิ่งหานพุ่งเข้าสู่หัวใจ "ซือม่อเฟย เจ้าไม่สามารถทำ......"

จอมมารปรากฏรอยยิ้มอันน่ายินดีมีเสน่ห์ตรงมุมปากขึ้น แววตาชั่วร้ายคู่นั้นมองไปยังกู้ชูหน่วนด้วยความรักและไม่รู้สึกเสียใจ

ดอกลำโพงเบ่งบานขึ้นทีละดอกๆจากนั้นก็เหี่ยวเฉาลงทีละดอกๆ

ผมดำสนิทของจอมมารกลายเป็นหิมะขาวโพลนด้วยความเร็วที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

ผิวหนังบนตัวของเขาก็ราวกับดอกลำโพงซึ่งค่อยๆเหี่ยวเฉาลงไป

จากอายุยี่สิบปีถึงสามสิบปีถึงห้าสิบแล้วก็ถึงเจ็ดสิบปี ในชั่วพริบตาใบหน้านั้นได้เหี่ยวย่นและสังขารล่วงโรยไป

จอมมารผู้สง่างามและวรยุทธ์สูงส่งผู้หนึ่งได้กลายเป็นชายชราผมขาวผู้หนึ่งไปแล้ว

ผิวเรียบเนียนอ่อนเยาว์ขาวกระจ่างของเขาได้แห้งเหี่ยวตั้งนานแล้ว ความชุ่มฉ่ำในร่างกายก็ไม่รู้ว่าหายไปที่ใดหมดซึ่งผอมราวกับกระดูกแห้งเหี่ยวกระดูกหนึ่ง

ผมขาวโพลนและใบหน้าเหี่ยวย่นทำให้ทุกคนที่อยู่ในที่นั้นเจ็บปวดใจ

คนมากมายของเผ่าหยกคุกเข่าลงทีละคนๆและอุทานออกมาด้วยความเจ็บปวดว่า “จอมมาร......”

ผู้อาวุโสสูงสุดก็กุมหัวใจของตนเองเอาไว้และหวังหว่าเจะทนรับความเจ็บปวดทั้งหมดแทนจอมมารได้

ผู้คนทั้งหมดในที่นั้นเป็นผู้ที่ฝึกฝนวรยุทธ์ทั้งสิ้น พวกเขารู้ดีว่าพลังชีวิตของจอมมารสิ้นลงอย่างต่อเนื่อง

เพื่อรักษาดวงจิตของกู้ชูหน่วนจึงยินยอมที่จะเสียสละชีวิตของตนเองได้จริงๆ

ชิงเฟิงเจี้ยงเสวี่ยและคนอื่นๆก็มีร่องรอยอันทนไม่อยู่

ร่างกายของกู้ชูหน่วนไม่ได้ขับไล่พละกำลังออกได้อีกต่อไป ดวงจิตก็ถูกดึงออกมาอย่างต่อเนื่อง

ตอนนี้เหลือเพียงขั้นตอนสุดท้ายแล้ว เพียงแค่ดึงดวงจิตของนางเข้าไปในกาขังวิญญาณก็พอแล้ว

หน้าตาของจอมมารผ่อนคลายลงและจ้องมองไปยังดวงจิตโดยไม่กะพริบตาจากนั้นเพิ่มเรี่ยวแรงมากขึ้นเพื่อดึงดวงจิตเข้าไปในกาขังวิญญาณ

อย่างไรก็ตาม.....

ความปรารถนาอันยาวนานได้เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน

พลังดวงจิตของกู้ชูหน่วนแข็งแกร่งเกินไป จอมมารไม่สามารถนำทางและก็ไม่สามารถควบคุมมเอาไว้ได้

ดวงจิตที่ถูกดึงออกมาถูกแยกออกเป็นสามดวงจิตเจ็ดดวงวิญญาณ บินไปทุกหนทุกแห่งและควบคุมไม่อยู่

ผู้คนตกใจกลัว

ผู้อาวุโสสูงสุดตะโกนว่า “เร็วเข้า ตั้งค่ายกล อย่าได้ปล่อยให้ดวงจิตของหัวหน้าเผ่าวิ่งออกไป ไม่เช่นนั้นหัวหน้าเผ่าก็จบสิ้นกัน”

เสียงตั้งค่ายกลดังซ่าๆๆๆ......

เกือบจะพร้อมกันกับผู้อาวุโสสูงสุดออกไป คนของเผ่าหยกทั้งหมดต่างก็ได้ช่วยเหลือเกื้อกูลร่วมตั้งค่ายกลอย่างพร้อมเพรียงกัน

เซี่ยวอวี่เซวียนด้านนอกประตูก็ยังสร้างค่ายกลใหญ่เอาไว้เพื่อป้องกันไม่ให้ดวงจิตบินออกไปจากในห้องกลั่นยา

พวกเขาเคลื่อนไหวรวดเร็วยิ่งนัก

ดวงจิตของกู้ชูหน่วนยิ่งวิ่งเร็วกว่า หนึ่งในดวงจิตได้พุ่งออกไปแล้ว

เสียงฟ่อๆๆยังคงดังมาจากนอกค่ายกลไม่หยุด

ท่ามกลางความไม่ชัดเจนนั้นดูออกว่าเป็นงูตัวหนึ่ง

ราชางูเหลือมหยกเก้าเศียรตัวหนึ่ง

นั่นเป็นสัตว์เลี้ยงตัวโปรดของกู้ชูหน่วน

เมื่อมันมาถึงดวงจิตก็วิ่งออกไป อย่างไม่ต้องคิดร่างงูขนาดใหญ่เสียงดังฟ่อได้รีบวิ่งไล่ตามดวงจิตออกไป

ผู้คนในเตาหลอมยาเกรงว่าดวงจิตของกู้ชูหน่วนจะวิ่งออกไปอย่างเร็วอีกครั้งจึงทำได้เพียงเก็บดวงยิตอื่นๆของนางเอาไว้ก่อน

“ผู้อาวุโสสูงสุดดวงจิตของอาหน่วนวิ่งออกไปแล้ว จะเป็นอย่างไร?”

“เพียงแค่เก็บรักษาดวงจิตอื่นๆของนางไว้ได้ก็จะสามารถค้นพบดวงจิตที่หายไปผ่านการชักนำของดวงจิตดวงอื่นได้”

เรี่ยวแรงของจอมมารหมดสิ้นลงแล้วแต่ว่าเขากัดฟันทน

ไม่อยากล้มเหลวในช่วงเวลาขั้นตอนสุดท้าย

ด้วยเหตุนี้เขาได้เผาผลาญพลังชีวิตที่เหลืออยู่ ของตนเองและฝืนบังคับดวงจิตทั้งหมดของกู้ชูหน่วนลงในกาขังวิญญาณ จากนั้นก็ปิดฝากาขังวิญญาณไว้แน่น

หลังจากกระทำการทั้งหมดนี้แล้วจอมมารก็ทนไม่ไหวอีกต่อไปและล้มลงไปในกองเลือด

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์