ยิ่งกู้ชูหน่วนหวนนึกกลับไปสมองก็ยิ่งเจ็บปวดรวดร้าวเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น ท้ายที่สุดก็เจ็บปวดเสียจนนางเหงื่อแตก และทำได้เพียงส่ายศีรษะไม่กล้าหวนคิดถึงเรื่องนี้อีก
นางเดินสามก้าวในสองก้าวขวางทางของชายหนุ่มเอาไว้จากนั้นกวักมือเรียกเขา "คุณชายข้าดีดนิ้วทำนายดูแล้ววันนี้เจ้าช่างโชคดีนักจะได้คบค้ากับสหาย"
พัดก้านดำในมือของเซี่ยวอวี่เซวียนชะงักครู่หนึ่งพร้อมกับจ้องมองดูไปยังหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าอย่างละเอียด
นางแต่งกายด้วยชุดเสื้อคลุมสีขาวขนห่านพร้อมด้วยเข็มขัดหยกสีขาวรอบเอวเผยให้เห็นถึงรูปร่างอันงดงามที่ปรากฏออกมานั้น
นางอายุประมาณสิบแปด ผิวนวลเนียนเรียบ ดวงตาและฟันประจักษ์ชัด เมื่อยิ้มขึ้นมาเผยให้เห็นลักยิ้มเล็กๆคู่หนึ่ง
สิ่งที่ทำให้เขามองไปด้านข้างคือแม้ว่าแม่นางผู้นี้จะไม่ได้งดงามเท่ากู้ชูหน่วน แต่ว่าดวงตาอันส่องประกายออกถึงความฉลาดแกมโกงนั้นคล้ายคลึงกับนางอยู่บ้างบางส่วน
"เจ้าคือ......"
“ข้าดีดนิ้วทำนายอีกครั้ง ข้าเป็นผู้สูงศักดิ์ในชีวิตของเจ้า หากเจ้าเป็นสหายกับข้าจะต้องมีอนาคตสดใสและสมดังใจหวังเป็นแน่”
สามปีผ่านไปและได้ผ่านพบการทำลายล้างตระกูลเซี่ยว อารมณ์ของเซี่ยวอวี่เซวียนสงบลงกว่าเมื่อก่อนมากมายนัก ใบหน้านั้นก็ได้ปรากฏความยากลำบากขึ้นมาอยู่บ้าง
ด้านหนึ่งเขาโบกพัดไปมาและอีกด้านหนึ่งก็กล่าวว่า "แม่นางต้องการสิ่งใดบอกมาเลยโดยตรงเถอะ"
“พูดง่ายสิ เจ้ารู้จักข้าหรือ?” จู่ๆกู้ชูหน่วนก็เข้ามาใกล้ทำให้ใบหน้าอันงดงามของตนขยายใหญ่ขึ้นอยู่ตรงหน้าของเขา
เซี่ยวอวี่เซวียนถอยหลังไปสองสามก้าวจากนั้นขมวดคิ้วและส่ายศีรษะ
“เจ้าแน่ใจนะว่าไม่รู้จักข้า?”
“เหตุใดแม่นางถึงได้รู้สึกว่าข้าน้อยจะต้องรู้จักเจ้าเป็นแน่หล่ะ?”
หากว่าเป็นหญิงผู้อื่นเขาคงจะเกียจคร้านที่จะพูดเรื่องไร้สาระด้วยแม้เพียงคำเดียว แต่ดวงตาคู่นี้ช่างเหมือนกู้ชูหน่วนยิ่งนักซึ่งเซี่ยวอวี่เซวียนไม่ได้สะบัดแขนเสื้อจากไปราวภูตผี
“ก่อนหน้านี้ไม่รู้จักตอนนี้รู้จักก็ยังไม่สาย ข้าชื่อมู่หน่วน เจ้าหล่ะชื่ออะไร”
มู่หน่วน?
ชื่อก็มีคำว่าหน่วนด้วย?
ด้วยชื่อของนางที่มีคำว่าหน่วนด้วยมุมปากของเซี่ยวอวี่เซวียนก็ขยับและตอบกลับว่า "เซี่ยวอวี่เซวียน"
"เซี่ยวอวี่เซวียน? งั้นต่อไปข้าจะเรียกเจ้าว่าเสี่ยวเซวียนเซวียนนะ"
ร่างกายของเซี่ยวอวี่เซวียนสะท้านอย่างรุนแรงและพัดก้านดำที่โบกอยู่ในมือได้แข็งทื่อไปเลย
“เมื่อกี้เจ้าเรียกข้าว่าอะไรนะ?”
“เสี่ยวเซวียนเซวียนไง น่าฟังจะตายไป”
กู้ชูหน่วนยกมุมปากขึ้นจากนั้นกอดไหล่ของเขาแล้วกล่าวอย่างสนิทสนมว่า "เสี่ยวเซวียนเซวียนข้าเห็นว่าเจ้าไม่เหมือนผู้ที่อยู่ในเมืองหลวง เจ้าก็มาสมัครเข้าร่วมสำนักศึกษาอี้เหอหรือ?"
เซี่ยวอวี่เซวียนผลักนางออกเว้นระยะให้ห่างจากเขา เสียงของเขาเย็นชาลงเล็กน้อยราวกับกล่าวตักเตือนว่า "ห้ามเรียกข้าว่าเสี่ยวเซวียนเซวียน"
“บุรุษผู้หนึ่งใจน้อยเช่นนี้ทำไมกัน? ไม่ใช่ว่าคนรักในอดีตของเจ้าก็เรียกเจ้าเช่นนี้หรอกนะ?”
รัศมีสังหารของเซี่ยวอวี่เซวียนประกายแว๊บผ่านไป อุณหภูมิของอากาศก็ลดลงด้วยเช่นเดียวกัน
กู้ชูหน่วนแสร้งทำเป็นตกใจและรีบถอยกลับไปยังโรงตีเหล็ก
“จุ๊ๆๆ ดูหน้าตาเป็นผู้เป็นคนแต่อารมณ์ก็ช่างบูดบึ้งนัก แต่ว่าผู้ใดให้เราเป็นสหายกันหล่ะ วางใจเถอะ ต่อไปท่านพี่จะปกป้องเจ้าเอง”
เซี่ยวอวี่เซวียนกล่าวสิ่งใดไม่ออกจากนั้นเดินหน้าต่อไปโดยไม่สนใจหญิงบ้าบอผู้นั้น
เขาทุ่มเทพยายามอย่างยากลำบากเพื่อมาถึงยังแผ่นดินใหญ่นี้
ไม่ว่าเช่นไรเขาก็จำต้องนำของเหลวจิตวิญญาณไท่ยี่มาให้จงได้
สามปีแล้ว......
นางไม่สามารถฟื้นคืนชีพมาได้ตลอดสามปีที่ผ่านมา
ว่ากันว่าดวงจิตไม่สมบูรณ์ ดวงจิตที่วิ่งหนีไปเช่นไรก็ค้นหากลับมาไม่ได้
ดวงจิตที่เหลืออยู่เนื่องจากถูกเก็บไว้ในกาขังวิญญาณเป็นเวลานาน ในตอนนี้พลังวิญญาณก็อ่อนลงเรื่อยๆ จะต้องได้รับการหล่อเลี้ยงจากของเหลววิญญาณไท่ยีจึงจะสามารถฟื้นตัวหรือแม้กระทั่งว่าคืนชีพขึ้นมาได้
เขาเกลียดชังนาง
แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด เขายังต้องการค้นหาของเหลววิญญาณไท่ยีให้พบ
ชั่วขณะที่จากไปเซี่ยวอวี่เซวียนบังเอิญเห็นอาวุธลับที่ตีอยู่ในโรงตีเหล็กโดยไม่ตั้งใจ
ฝีเท้าของเขาหยุดราวกับถูกเทด้วยสารตะกั่ว เช่นไรก็ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้
อาวุธลับนี้......
เหตุใดถึงได้เหมือนกับอาวุธลับเฉพาะตระกูลของนาง?
เซี่ยวอวี่เซวียนก้าวไปด้านหน้าแล้วกล่าวว่า "เถ้าแก่ เจ้าตีอาวุธลับนี้ได้อย่างไร?"
“เป็นแม่นางคนนี้ที่ให้ตี”
เถ้าแก่ตีเหล็กชี้ไปทางกู้ชูหน่วนซึ่งยืนพิงเสาไม้อย่างเกียจคร้านตรงฝั่งหนึ่งกับเสาไม้ด้วยสายตาที่ชื่นชม
หากไม่ใช่ว่าภาพร่างเป็นของนางยังอยากจะตีอาวุธลับออกมาอีกสักหลายๆชุดมาขาย
เซี่ยวอวี่เซวียนขมวดคิ้ว
ความแข็งแกร่งของนางอยู่เพียงแค่ขั้นหนึ่งจุดเส้นวรยุทธ์เท่านั้น ต่ำมากเสียจนไม่สามารถต่ำลงได้มากกว่านี้อีกแล้วกลับสามารถรู้อาวุธลับอันร้ายกาจเช่นนี้ได้
และอาวุธลับนี้คล้ายคลึงกันกับอาวุธลับของนาง
เป็นเรื่องบังเอิญ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์
เป็นนางเอกที่นิสัยแย่ที่สุดตั้งแต่เคยอ่านมา...
คือตัวเองไม่มีเงิน แต่คิดจะเอาทุกอย่างด้วยราคาสูงเสียดฟ้า แล้วก็หาคำพูดให้คนอื่นจ่ายแทน ตัวเองหาประโยชน์จากคนใกล้ตัวแต่กลับเอาใจให้คนอื่นตลอดเนี่ยนะ...
แม่นางกู้เกินเยียวยาแล้วเด้อ 555...
เยี่ยเฟิงเป็นคนดีมาก แต่เขาทนงตัวเกินไป ชีวิตที่ผู้อื่นฝ่าฟันเพื่อแย่งชิงลมหายใจเขาไว้ แต่เขาก็ดิ้นรนกลับไปหาความตายอยู่เรื่อย...
ท่านอาจารย์พูดให้คิดดีมากเลย แต่อาหน่วนจะเข้าใจไหม นางดูมั่นหน้า มั่นใจเกิตเหตุแบบไม่สนสี่สนแปดใดใดเลย...
อยากให้กลับมาอัพเดทไวๆนะคะ ขอบคุณมากค่ะ...
สรุปเรื่องนี้มีตอนจบมั้ยค่ะ...
รอตอนจบอยู่นะคะ ใจบางไม่ไหวแล้วทรมาน...
รออัพเดทอยู่นะคะ...
เมื่อไหร่จะอัพต่อค่ะ...