จู่ๆกู้ชูหน่วนก็กุมแผลเอาไว้คิ้ว ขมวดหน้าผากย่นและคนก็เจ็บปวดจนงอเอวลงแล้ว
“ซี๊ด......ปวดยิ่งนัก......ไม่ใช่ว่าบาดแผลจะฉีกออกอีกแล้วนะ”
เซี่ยวอวี่เซวียนพยุงนางนั่งลง
แม้จะรู้ว่านางไม่ต้องการตอบคำถามของตนจึงได้หาข้อแก้ตัวข้อหนึ่ง แต่เมื่อเห็นว่านางบาดแผลเต็มร่างเซี่ยวอวี่เซวียนก็ยังคงรู้สึกทุกข์ใจ
“เจ้าได้รับบาดเจ็บสาหัสนัก ผู้นำของแต่ละนิกายใหญ่ได้เข้าสู่หุบเขาสัตว์เทพแล้ว เขตกั้นน่าจะไม่ถูกปิดเป็นการชั่วคราว พักผ่อนที่นี่หนึ่งวันหลังจากนั้นค่อยจากไปเถอะ”
"ไม่กลัวหากว่าแต่กลัวหากบังเอิญว่า หากบังเอิญว่าพวกเขาหาดอกบัวศักดิ์สิทธิ์สามสีไม่พบ ด้วยความโมโหออกจากหุบเขาสัตว์เทพแล้วปิดหุบเขาสัตว์เทพ พวกเราก็ยังคงออกจากที่นี่กันก่อนเถอะ"
ช่างน่าขัน บรรยากาศนั้นทำสิ่งใดไม่ถูกอยู่แล้ว นางจะอยู่กับเซี่ยวอวี่เซวียนที่นี่ตามลำพังเพื่อสร้างความขวยเขินต่อไปได้อย่างไร
เซี่ยวอวี่เซวียนขยับมุมปาก ท้ายที่สุดก็ประคองซึ่งกันและกันจากไปพร้อมกับนาง
ตลอดทางทั้งสองคนไม่มีผู้ใดพูดจาเลย
ใจกู้ชูหน่วนสับสน
เซี่ยวอวี่เซวียนปวดใจ
เขารวบรวมความกล้าไม่ได้ง่ายๆเพื่อสารภาพกับนาง แต่นางกลับมีใจอยู่ที่เขา
บางทีชั่วชีวิตนี้เขาไม่สมควรได้รับความรัก
คนสองคนกับเสือหนึ่งตัวออกจากหุบเขาสัตว์เทพได้อย่างไร แม้แต่พวกเขาก็ไม่รู้รู้เพียงแค่ว่าพวกเขาพยายามเลือกที่จะหลีกเลี่ยงนิกายใหญ่แต่ละนิกายให้มากที่สุด
หลังจากออกจากหุบเขาสัตว์เทพแล้วและมาถึงเมืองหลวงแล้ว เซี่ยวอวี่เซวียนและกู้ชูหน่วนก็แยกทางกัน
“เบื้องหน้าก็คือจวนมู่แล้วข้าจะไม่ไปส่งแล้ว เจ้ากลับไปพักฟื้นให้ดี อย่าได้......อย่าได้วิ่งไปวิ่งมาอีก”
"แล้วเจ้าหล่ะ"
“ข้าก็จะกลับไปรักษาตัว”
"เอาเถอะ"
มองดูเซี่ยวอวี่เซวียนเดินโซเซจากไป ส่วนเจ้าเสือน้อยได้หมอบนอนอยู่บนหน้าอกของกู้ชูหน่วนพร้อมชะโงกหัวเยี่ยมๆมองๆ
“นายท่าน คุณชายเซี่ยวก็หล่อเหลาและก็ดีต่อท่านนัก ท่านไม่ยอมรับเขาจริงๆหรือ?”
"ข้าไม่ประจักษ์แม้แต่อดีตของตนเองแล้วจะให้อนาคตกับเขาได้อย่างไร ใครจะไปรู้ว่าอดีตของข้าเป็นเช่นไร"
“นายท่านก็บอกแล้วว่าเป็นอดีต และอดีตก็คืออดีต พวกเรามองไปข้างหน้าก็พอแล้ว”
"เจ้าจะไปรู้อะไร?"
กู้ชูหน่วนกลอกตาใส่มันแล้วหันเดินไปทางจวนมู่
ท้องฟ้ามืด ดวงเปิดสวยงามจุดขึ้น
ทางเข้าจวนมู่เต็มไปด้วยผู้คน ไม่ว่าจะเป็นตระกูลขุนนางหรือว่าผู้คนจากนิกายใหญ่ต่างๆที่มาสู่ขอแต่งงานจนแทบจะเหยียบประตูของจวนมู่เสียหายไปหมดแล้ว
ฝูงชนหนาแน่นนั่นเกือบล้อมรอบจวนมู่ทั้งจวนแล้ว กู้ชูหน่วนต้องการเบียดเข้าไปยังยากเย็น
สุดท้ายทำได้เพียงคนที่ที่คนค่อนข้างน้อยแล้วปีนข้ามกำแพงเข้าไป
นางกล่าวด้วยความประหลาดใจว่า “คนเหล่านี้เลือดสูบฉีดกันยิ่งนักถึงได้รีบร้อนสู่ขอแต่งงานกันเช่นนี้”
“นายท่าน ข้าคิดว่าพวกเราควรจะหาโอกาสตักตวงโชคลาภ”
“ข้าทั้งง่วงทั้งเหนื่อยทั้งหิวทั้งเจ็บ ไม่มีอารมณ์ตักตวง”
“ท่านไปพักผ่อนข้าจะไปตักตวง”
“หรือว่าเยี่ยจิ่งหานทุบตีเจ้ายังทุบตีได้ไม่อนาถเพียงพอ”
“ใครว่าหล่ะ หากไม่ใช่ว่าชีวิตเสือของข้าแข็งข้าคงถูกเขาทุบตีจนตายไปนานแล้ว เจ้าคนนั้นเลวทรามที่สุดคราวหน้าพบเจอเขาจะต้องจัดการเขาดีๆสักครั้ง”
“เจ้าก็บาดเจ็บสาหัสแล้วยังจะมีใจไปตักตวงสมบัติอยู่อีกหรือ?”
"ชีวิตสำคัญ สมบัติสำคัญยิ่งกว่า"
ไม่รอให้กู้ชูหน่วนพูดจาเจ้าเสือน้อยก็วิ่งชู่ว์ไปเลย และก็ไม่รู้ว่ามันจะไปตักตวงสมบัติเงินทองเงินที่ใด
กู้ชูหน่วนไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี กำลังจะกลับไปยังห้องของตนเองด้านหน้าก็มีเสียงของผู้นำตระกูลมู่กับผู้นำรองผู้นำสามและคนอื่นๆดังมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์
ไม่อัพจบเหรอคะ...
เป็นนางเอกที่นิสัยแย่ที่สุดตั้งแต่เคยอ่านมา...
คือตัวเองไม่มีเงิน แต่คิดจะเอาทุกอย่างด้วยราคาสูงเสียดฟ้า แล้วก็หาคำพูดให้คนอื่นจ่ายแทน ตัวเองหาประโยชน์จากคนใกล้ตัวแต่กลับเอาใจให้คนอื่นตลอดเนี่ยนะ...
แม่นางกู้เกินเยียวยาแล้วเด้อ 555...
เยี่ยเฟิงเป็นคนดีมาก แต่เขาทนงตัวเกินไป ชีวิตที่ผู้อื่นฝ่าฟันเพื่อแย่งชิงลมหายใจเขาไว้ แต่เขาก็ดิ้นรนกลับไปหาความตายอยู่เรื่อย...
ท่านอาจารย์พูดให้คิดดีมากเลย แต่อาหน่วนจะเข้าใจไหม นางดูมั่นหน้า มั่นใจเกิตเหตุแบบไม่สนสี่สนแปดใดใดเลย...
อยากให้กลับมาอัพเดทไวๆนะคะ ขอบคุณมากค่ะ...
สรุปเรื่องนี้มีตอนจบมั้ยค่ะ...
รอตอนจบอยู่นะคะ ใจบางไม่ไหวแล้วทรมาน...
รออัพเดทอยู่นะคะ...