นางกำนัลคนหนึ่งเข้ามาอย่างลนลาน และกระซิบข้างหูของขันที
ขันทีมองไปที่ไป๋หลี่เฉิงอย่างครุ่นคิด น้ำเสียงของเขาเปลี่ยนเป็นเย่อหยิ่ง
"ผู้อาวุโสไป๋หลี่ ฝ่าบาททรงมีคำเชิญ"
"ฝ่าบาททรงให้ข้าไปเข้าเฝ้า?" ไป๋หลี่เฉิงตกตะลึง และมองไปที่ซั่งกวนชิงและคนอื่น ๆ ด้วยความงุนงง
"ใช่ เชิญเถอะ"
"กงกง แล้วพวกเราเล่า ฝ่าบาททรงให้ไปเข้าเฝ้าด้วยหรือไม่?"
"ทุกท่านงต้องรอก่อน"
กู้ชูหน่วนกวาดสายตามองไปที่ฝูงชน และเดินจากไปพร้อมกับขันทีและไป๋หลี่เฉิง
เนื่องจากนางแปลงโฉมเป็นหมอจิน คนเหล่านั้นจึงจำนางไม่ได้
"ข้าน้อยผู้ต่ำต้อยถวายบังคมฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นปี หมื่น ๆ ปี"
ในพระราชวัง
ไป๋หลี่เฉิงคุกเข่าลง
กู้ชูหน่วนเพียงแค่กำหมัดและคำนับ
สายตาของทุกคนต่างมองไปที่กู้ชูหน่วน และคิดว่านางไม่รู้จักมารยาท บรรดากงกงทั้งหลายใช้สายตาเพื่อบอกใบ้ แต่ดูเหมือนกู้ชูหน่วนจะไม่เห็น บรรดากงกงทั้งหลายจึงอดไม่ได้ที่จะปาดเหงื่อ
จักรพรรดินีกำลังนอนอยู่บนเก้าอี้ยาวหลังผ้าม่านอย่างเหนื่อยหน่าย และเสื้อผ้าเปิดเผยครึ่งหนึ่ง
นางเลิกคิ้วขึ้นเบา ๆ มือข้างหนึ่งถือจอกสีทอง
และมืออีกข้างหนึ่งก็โอบชายรูปงามที่อยู่ข้าง ๆ ดวงตาของนางหรี่ลง และมองไปที่กู้ชูหน่วนด้วยความสนใจ
ที่เท้าของนาง ยังมีชายหนุ่มอีกหลายคนที่กำลังบีบนวดขาของนาง
กู้ชูหน่วนปล่อยให้นางมองอย่างไม่ถือสา
"เห็นฝ่าบาทแล้วยังไม่รีบคุกเข่าอีก" กงกงปาดเหงื่อและเร่งรัดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา
คนนอกวังก็คือคนนอกวัง ไม่รู้จักกฎระเบียบแม้แต่น้อย
อยู่ต่อหน้าพระพักตร์ของฝ่าบาทกล้าไร้มารยาทได้อย่างไร นี่เป็นบุคคลแรกในประวัติศาสตร์ของรัฐปิง
กู้ชูหน่วนกล่าวอย่างชอบธรรม "เพียงแค่ในใจมีฝ่าบาท เคารพยำเกรงฝ่าบาท และรักฝ่าบาท การคุกเข่ากับการไม่คุกเข่าแตกต่างกันอย่างไร?บางคนแม้ว่าจะคุกเข่า แต่ก็รู้สึกไม่พอใจฝ่าบาท"
ที่นี่มีเพียงกู้ชูหน่วนและไป๋หลี่เฉิง
ไป๋หลี่เฉิงตกตะลึง
เห็นได้ชัดว่าหมอผู้นี้ตีวัวกระทบคราด และกำลังพูดถึงเขา?
หากเขาตอบโต้ก็ยืนยันได้ว่าเขาเป็นคนผู้นั้น
หากเขาไม่ตอบโต้ เขาก็จะถูกใส่ความเปล่า ๆ
ไป๋หลี่เฉิงกล่าวว่า "ฝ่าบาททรงอยู่เหนือหัว เป็นบุตรมังกรสวรรค์ ใต้หล้านี้ใครบ้างไม่ความเคารพยำเกรง?ใครบ้างที่ไม่รัก?"
"อ้อ......เช่นนั้นท่านเข้ามาในวังเพื่อขอเข้าเฝ้าฝ่าบาททำไมกัน?ทูลขอให้ฝ่าบาททรงเมตตาศิษย์ของตระกูลไป๋หลี่ หรือว่าทูลขอให้ฝ่าบาทปล่อยพวกเขาไป?"
"เจ้า......"
ไป๋หลี่เฉิงโกรธจัด
เขากับหมอผู้นี้ไม่รู้จักกันมาก่อน และไม่มีความบาดหมางหรือความเกลียดชังใด ๆ แต่คำพูดของนางช่างเฉียบคม
ในพระราชวังอันกว้างใหญ่ ใครบ้างที่ไม่รู้ว่าเขาเข้ามาในวังเพื่อขอความเมตตาให้หลานชายและลาวกในตระกูลของเขา แต่นางเลือกที่จะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่มีเจตนาไม่ดีเช่นนี้ แล้วจะให้เขาพูดในภายหลังว่าอย่างไร?
แม้ว่าจะมีคำพูดมากมาย แต่ไป๋หลี่เฉิงก็ไม่รู้จะอธิบายให้จักรพรรดินีฟังอย่างไร
จึงทำได้เพียงโขกศีรษะและกล่าวว่า "ฝ่าบาททรงพระปรีชา ข้าน้อยผู้ต่ำต้อยและทุกคนในตระกูลไป๋หลี่ล้วนแต่จงรักภักดีต่อฝ่าบาท และไม่กล้าที่จะต่อต้านฝ่าบาท"
"ลุกขึ้นเถอะ"
จักรพรรดินีจิบสุราเบา ๆ และลุกขึ้นนั่ง จากนั้นก็กล่าวอย่างเฉื่อยช้า "เจ้ามาขอเข้าเฝ้าข้าด้วยเรื่องอันใด?"
"คือว่า......ข้าน้อยผู้ต่ำต้อย......ไป๋หลี่ชุนหลานชายของข้า และลูกหลานอีกแปดคนของตระกูลไป๋หลี่เข้ามาในวังเพื่อปรนนิบัติฝ่าบาท ข้าไม่รู้ว่าพวกเขาปรนนิบัติฝ่าบาทได้อย่างน่าพึงพอใจหรือไม่?"
หากหมอไม่ผู้นั้นไม่ได้พูดเช่นนั้น ไป๋หลี่เฉิงคงจะกล้าทูลขอให้ฝ่าบาทปล่อยเขา
แต่ในตอนนี้......
เขาทำได้เพียงหยั่งเชิงดูคร่าว ๆ ว่าหลานชายของเขายังอยู่ที่นี่หรือไม่
จักรพรรดินีกล่าวเบา ๆ "ก็พอใช้ได้"
แค่คำว่าพอใช้ได้ก็ทำให้สีหน้าของไป๋หลี่เฉิงเปลี่ยนและหายใจถี่ขึ้น"
"ฝ่าบาท ไป๋หลี่ชุนยังเด็กนัก แน่นอนว่าพระองค์ย่อมไม่พอใจการปรนนิบัติของเขา เช่นนั้นให้ข้าน้อยผู้ต่ำต้อยนำกลับไปอบรม แล้วค่อยให้เขาเข้าวังมาปรนนิบัติฝ่าบาท"
"ไม่ต้องหรอก"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์
เป็นนางเอกที่นิสัยแย่ที่สุดตั้งแต่เคยอ่านมา...
คือตัวเองไม่มีเงิน แต่คิดจะเอาทุกอย่างด้วยราคาสูงเสียดฟ้า แล้วก็หาคำพูดให้คนอื่นจ่ายแทน ตัวเองหาประโยชน์จากคนใกล้ตัวแต่กลับเอาใจให้คนอื่นตลอดเนี่ยนะ...
แม่นางกู้เกินเยียวยาแล้วเด้อ 555...
เยี่ยเฟิงเป็นคนดีมาก แต่เขาทนงตัวเกินไป ชีวิตที่ผู้อื่นฝ่าฟันเพื่อแย่งชิงลมหายใจเขาไว้ แต่เขาก็ดิ้นรนกลับไปหาความตายอยู่เรื่อย...
ท่านอาจารย์พูดให้คิดดีมากเลย แต่อาหน่วนจะเข้าใจไหม นางดูมั่นหน้า มั่นใจเกิตเหตุแบบไม่สนสี่สนแปดใดใดเลย...
อยากให้กลับมาอัพเดทไวๆนะคะ ขอบคุณมากค่ะ...
สรุปเรื่องนี้มีตอนจบมั้ยค่ะ...
รอตอนจบอยู่นะคะ ใจบางไม่ไหวแล้วทรมาน...
รออัพเดทอยู่นะคะ...
เมื่อไหร่จะอัพต่อค่ะ...