กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ นิยาย บท 936

เป็นเช่นนี้ก็ดีนางจะได้ไม่ต้องเสียเวลารวบรวมดวงวิญญาณทีละดวงๆ

จอมมารจ้องมองไปยังดวงวิญญาณโปร่งใสในอากาศด้วยแววตาที่สับสน ดูเหมือนว่าจะรู้สึกคุ้นเคยกับดวงวิญญาณนั้นนักและก็ดูเหมือนว่าจะไม่คุ้นเคย

ผู้นำตระกูลไป๋หลี่และเหล่าผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลไป๋หลี่รู้ว่ากู้ชูหน่วนและคนอื่นๆได้มาถึงแล้ว เพียงแต่ว่าพวกเขาจำต้องรีบดึงความทรงจำทั้งหมดในดวงจิตออกมาให้เร็วที่สุดจึงไม่สามารถยื่นมือออกมาจัดการกับกู้ชูหน่วนและคนอื่นๆได้

เจ้าเสือน้อยกล่าวว่า “เจ้านาย ดวงวิญญาณนั้นจะต้องนำอาวุธศักดิ์สิทธิ์มาใส่ ไม่เช่นนั้นจะสลายไปได้อย่างง่ายดาย”

“ข้าคิดว่าข้าไม่จำเป็นต้องใช้อาวุธศักดิ์สิทธิ์”

เล่นตลกอันใดกัน ยิ่งเข้าใกล้ดวงวิญญานนี้มากเท่าไหร่นาง ก็ยิ่งรู้สึกได้ถึงการเรียกของดวงวิญญาณนี้ และก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะดวงวิญญาณทั้งสามดวงบนหน้าผากที่ดึงดูดนางอยู่หรือเปล่า

ผู้อาวุโสสูงสุดไป๋หลี่หมิงเยียนกล่าวว่า "นางเป็นใครกันแน่ เหตุใดพอนางมาดวงวิญญาณถึงได้แปรปรวนมากมายเช่นนี้"

พวกเขากดวิญญาณเอาไว้ด้วยความยากลำบากและดึงความทรงจำออกจากดวงวิญญาณทีละนิดๆอย่างไม่ง่ายดายเลย

ทันทีที่หญิงผู้นี้ปรากฏตัวดวงจิตก็เริ่มโต้กลับ ทุกสิ่งทุกอย่างก่อนหน้านี้แทบจะเปล่าประโยชน์ไปหมดเลย

หากไม่ใช่เพราะว่าพวกเขากดเอาไว้แทบตาย ดวงวิญญาณนั้นก็คงจะโบยบินไปโดยอัตโนมัติแล้ว

ผู้นำตระกูลไป๋หลี่กล่าวว่า “นางก็คือมู่หน่วน คนผู้เดียวที่รอดชีวิตอยู่ของตระกูลมู่”

แม้ว่าเหล่าผู้อาวุโสสูงสุดจะทราบเรื่องนี้มานานแล้ว แต่เมื่อเห็นอายุของกู้ชูหน่วนก็อดที่จะอุทานออกมาไม่ได้ “อายุยังน้อยกลับถึงยังระดับสี่แล้ว”

ผู้อาวุโสสูงสุดไป๋หลี่หมิงเยียนกล่าวว่า "ในร่างของหญิงผู้นี้มีความลับ"

ดวงวิญญาณของผู้แข็งแกร่งระดับเจ็ดอันยิ่งใหญ่ ใช่ว่าคนธรรมดาจะสามารถสั่นคลอนได้

แม้ว่าพวกเขาจะรวมกำลังกันก็ทำได้เพียงกดเอาไว้เท่านั้น แต่ว่านางไปเอาความสามารถมาจากที่ใดกัน?

บอกว่านางไม่มีความลับแต่พวกเขาล้วนไม่เชื่อ

“ปึงปึงปึง......”

ดวงวิญญาณยังคงพุ่งชนไม่หยุด โดยที่ต้องการที่จะหลุดพ้นจากพันธนาการของพวกเขา

กู้ชูหน่วนหลับตาลงแล้วใช้ความคิดของตนเองเรียกดวงวิญญาณนั้น ให้ดวงวิญญาณนั้นแนบเข้ากับหน้าผากของนาง

นางเพียงแค่ตั้งความหวังของท่าทีที่คิดจะลองดูเท่านั้น

สิ่งที่นางไม่คาดคิดก็คือดวงวิญญาณนั้นได้อยู่ภายใต้การควบคุมของนางจริงๆ

ได้ปรากฏแสงสว่างอันเจิดจรัสโดยรอบดวงวิญญาณ พลังอันแข็งแกร่งได้ถูกปลดปล่อยออกมาในทันใด พละกำลังอันทรงพลานุภาพเช่นนั้นได้กดผู้อาวุโสสูงสุดทั้งหลายเอาไว้โดยตรง

ทุกคนตื่นตกใจ ขณะที่ด้านหนึ่งรีบป้องกันร่างกายเอาไว้ อีกด้านหนึ่งนั้นได้ดูดวิทยายุทธเข้าอย่างต่อเนื่องไม่หยุด ต้องการที่จะกดดวงวิญญาณดวงนั้นอีกครั้งด้วยพลังของค่ายกลอันแข็งแกร่ง

กู้ชูหน่วนดึงดาบอ่อนออกมา รวบรวมเรี่ยวแรงกำลังทั้งหมดยกดาบขึ้นแล้วฟันลงไปอย่างแรง ต้องการที่จะตัดความสัมพันธ์ระหว่างทุกๆคนและดวงวิญญาณนั้นเพื่อทลายค่ายกล

ตามหลักแล้วนางเป็นเพียงระดับสี่ ไม่ว่าผู้ใดในที่นั้นก็มีความแข็งแกร่งสูงกว่ากู้ชูหน่วนมากมายนัก ยิ่งกว่านั้นยังมีค่ายกลปลุกเสกอันทรงพลังของตระกูลไป๋หลี่ด้วย

แต่ว่าดาบเล่มนี้เสียบลงไป ค่ายกลก็ได้แตกออกเป็นเสี่ยงๆ

ผู้คนของตระกูลไป๋หลี่ต่างก็ถูกสะเทือนจนบินกระเด็นกันออกไป

แล้วมองดวงวิญญาณนั้นกลายเป็นจุดแสงเส้นหนึ่ง เสียงชู่ว์ครู่หนึ่งกระแทกไปตรงหน้าผากของกู้ชูหน่วนและรวมเข้ากับร่างของนาง

ทั้งหมดนี้เปลี่ยนแปลงได้รวดเร็วเกินไป เร็วจนทุกคนไม่สามารถตอบสนองได้ทัน

ไป๋หลี่หมิงเยียนสูดอากาศอันเย็นเข้าแล้วกล่าวประโยคหนึ่งออกมา "ดวงวิญญาณนี้กลับสามารถรวมเป็นหนึ่งกับดวงจิตของนางซึ่งประสานกันทั้งภายในและภายนอกและได้ทลายค่ายกลของเรา?"

อะไรกัน?

นี่เป็นเพียงดวงวิญญาณดวงหนึ่งของผู้ที่ตายไปนานแล้ว และก็ไม่ใช่ดวงวิญญาณทั้งหมดด้วย แต่ก็กลับสามารถเป็นหนึ่งเดียวกับจิตวิญญาณของคน โดยประสานกันทั้งภายในและภายนอก?

หรือว่ามู่หน่วนจะรู้จักกับเจ้าของดวงวิญญาณนี้?

ดวงวิญญาณได้แนบอยู่ในร่างของนางแล้ว พวกเขาจะดึงมันออกมาได้อย่างไร?

ผู้อาวุโสสูงสุดอีกผู้หนึ่งกล่าวด้วยความขุ่นเคืองว่า “แม่หนูนักต้มตุ๋นเจ้าช่างกล้านัก ถึงกับกล้าทำลายเรื่องดีของเรา มอบดวงวิญญาณออกมานะ”

“ต้องการดวงวิญญาณหรือ? ได้สิ มาหยิบไปเองสิ”

เมื่อวิญญาณแนบเข้าไปในร่างของคนอื่นแล้ว คิดที่จะนำออกมายากเสียยิ่งกว่าขึ้นสวรรค์เสียอีก

เว้นเสียแต่ผู้ที่ถูกแนบร่างจะช่วยเหลือด้วยความสมัครใจ มิเช่นนั้น...

“นังสารเลว ไม่ฆ่าเจ้าก็ยากที่จะคลายความเกลียดชังในใจของข้าได้”

กู้ชูหน่วนยิ้มอย่างสบายๆโดยที่ไม่ได้สนใจคำขู่ของเขาเลย "ฆ่าข้าแล้วดวงวิญญาณนั้นก็นำออกมาไม่ได้"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์