เป็นเช่นนี้ก็ดีนางจะได้ไม่ต้องเสียเวลารวบรวมดวงวิญญาณทีละดวงๆ
จอมมารจ้องมองไปยังดวงวิญญาณโปร่งใสในอากาศด้วยแววตาที่สับสน ดูเหมือนว่าจะรู้สึกคุ้นเคยกับดวงวิญญาณนั้นนักและก็ดูเหมือนว่าจะไม่คุ้นเคย
ผู้นำตระกูลไป๋หลี่และเหล่าผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลไป๋หลี่รู้ว่ากู้ชูหน่วนและคนอื่นๆได้มาถึงแล้ว เพียงแต่ว่าพวกเขาจำต้องรีบดึงความทรงจำทั้งหมดในดวงจิตออกมาให้เร็วที่สุดจึงไม่สามารถยื่นมือออกมาจัดการกับกู้ชูหน่วนและคนอื่นๆได้
เจ้าเสือน้อยกล่าวว่า “เจ้านาย ดวงวิญญาณนั้นจะต้องนำอาวุธศักดิ์สิทธิ์มาใส่ ไม่เช่นนั้นจะสลายไปได้อย่างง่ายดาย”
“ข้าคิดว่าข้าไม่จำเป็นต้องใช้อาวุธศักดิ์สิทธิ์”
เล่นตลกอันใดกัน ยิ่งเข้าใกล้ดวงวิญญานนี้มากเท่าไหร่นาง ก็ยิ่งรู้สึกได้ถึงการเรียกของดวงวิญญาณนี้ และก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะดวงวิญญาณทั้งสามดวงบนหน้าผากที่ดึงดูดนางอยู่หรือเปล่า
ผู้อาวุโสสูงสุดไป๋หลี่หมิงเยียนกล่าวว่า "นางเป็นใครกันแน่ เหตุใดพอนางมาดวงวิญญาณถึงได้แปรปรวนมากมายเช่นนี้"
พวกเขากดวิญญาณเอาไว้ด้วยความยากลำบากและดึงความทรงจำออกจากดวงวิญญาณทีละนิดๆอย่างไม่ง่ายดายเลย
ทันทีที่หญิงผู้นี้ปรากฏตัวดวงจิตก็เริ่มโต้กลับ ทุกสิ่งทุกอย่างก่อนหน้านี้แทบจะเปล่าประโยชน์ไปหมดเลย
หากไม่ใช่เพราะว่าพวกเขากดเอาไว้แทบตาย ดวงวิญญาณนั้นก็คงจะโบยบินไปโดยอัตโนมัติแล้ว
ผู้นำตระกูลไป๋หลี่กล่าวว่า “นางก็คือมู่หน่วน คนผู้เดียวที่รอดชีวิตอยู่ของตระกูลมู่”
แม้ว่าเหล่าผู้อาวุโสสูงสุดจะทราบเรื่องนี้มานานแล้ว แต่เมื่อเห็นอายุของกู้ชูหน่วนก็อดที่จะอุทานออกมาไม่ได้ “อายุยังน้อยกลับถึงยังระดับสี่แล้ว”
ผู้อาวุโสสูงสุดไป๋หลี่หมิงเยียนกล่าวว่า "ในร่างของหญิงผู้นี้มีความลับ"
ดวงวิญญาณของผู้แข็งแกร่งระดับเจ็ดอันยิ่งใหญ่ ใช่ว่าคนธรรมดาจะสามารถสั่นคลอนได้
แม้ว่าพวกเขาจะรวมกำลังกันก็ทำได้เพียงกดเอาไว้เท่านั้น แต่ว่านางไปเอาความสามารถมาจากที่ใดกัน?
บอกว่านางไม่มีความลับแต่พวกเขาล้วนไม่เชื่อ
“ปึงปึงปึง......”
ดวงวิญญาณยังคงพุ่งชนไม่หยุด โดยที่ต้องการที่จะหลุดพ้นจากพันธนาการของพวกเขา
กู้ชูหน่วนหลับตาลงแล้วใช้ความคิดของตนเองเรียกดวงวิญญาณนั้น ให้ดวงวิญญาณนั้นแนบเข้ากับหน้าผากของนาง
นางเพียงแค่ตั้งความหวังของท่าทีที่คิดจะลองดูเท่านั้น
สิ่งที่นางไม่คาดคิดก็คือดวงวิญญาณนั้นได้อยู่ภายใต้การควบคุมของนางจริงๆ
ได้ปรากฏแสงสว่างอันเจิดจรัสโดยรอบดวงวิญญาณ พลังอันแข็งแกร่งได้ถูกปลดปล่อยออกมาในทันใด พละกำลังอันทรงพลานุภาพเช่นนั้นได้กดผู้อาวุโสสูงสุดทั้งหลายเอาไว้โดยตรง
ทุกคนตื่นตกใจ ขณะที่ด้านหนึ่งรีบป้องกันร่างกายเอาไว้ อีกด้านหนึ่งนั้นได้ดูดวิทยายุทธเข้าอย่างต่อเนื่องไม่หยุด ต้องการที่จะกดดวงวิญญาณดวงนั้นอีกครั้งด้วยพลังของค่ายกลอันแข็งแกร่ง
กู้ชูหน่วนดึงดาบอ่อนออกมา รวบรวมเรี่ยวแรงกำลังทั้งหมดยกดาบขึ้นแล้วฟันลงไปอย่างแรง ต้องการที่จะตัดความสัมพันธ์ระหว่างทุกๆคนและดวงวิญญาณนั้นเพื่อทลายค่ายกล
ตามหลักแล้วนางเป็นเพียงระดับสี่ ไม่ว่าผู้ใดในที่นั้นก็มีความแข็งแกร่งสูงกว่ากู้ชูหน่วนมากมายนัก ยิ่งกว่านั้นยังมีค่ายกลปลุกเสกอันทรงพลังของตระกูลไป๋หลี่ด้วย
แต่ว่าดาบเล่มนี้เสียบลงไป ค่ายกลก็ได้แตกออกเป็นเสี่ยงๆ
ผู้คนของตระกูลไป๋หลี่ต่างก็ถูกสะเทือนจนบินกระเด็นกันออกไป
แล้วมองดวงวิญญาณนั้นกลายเป็นจุดแสงเส้นหนึ่ง เสียงชู่ว์ครู่หนึ่งกระแทกไปตรงหน้าผากของกู้ชูหน่วนและรวมเข้ากับร่างของนาง
ทั้งหมดนี้เปลี่ยนแปลงได้รวดเร็วเกินไป เร็วจนทุกคนไม่สามารถตอบสนองได้ทัน
ไป๋หลี่หมิงเยียนสูดอากาศอันเย็นเข้าแล้วกล่าวประโยคหนึ่งออกมา "ดวงวิญญาณนี้กลับสามารถรวมเป็นหนึ่งกับดวงจิตของนางซึ่งประสานกันทั้งภายในและภายนอกและได้ทลายค่ายกลของเรา?"
อะไรกัน?
นี่เป็นเพียงดวงวิญญาณดวงหนึ่งของผู้ที่ตายไปนานแล้ว และก็ไม่ใช่ดวงวิญญาณทั้งหมดด้วย แต่ก็กลับสามารถเป็นหนึ่งเดียวกับจิตวิญญาณของคน โดยประสานกันทั้งภายในและภายนอก?
หรือว่ามู่หน่วนจะรู้จักกับเจ้าของดวงวิญญาณนี้?
ดวงวิญญาณได้แนบอยู่ในร่างของนางแล้ว พวกเขาจะดึงมันออกมาได้อย่างไร?
ผู้อาวุโสสูงสุดอีกผู้หนึ่งกล่าวด้วยความขุ่นเคืองว่า “แม่หนูนักต้มตุ๋นเจ้าช่างกล้านัก ถึงกับกล้าทำลายเรื่องดีของเรา มอบดวงวิญญาณออกมานะ”
“ต้องการดวงวิญญาณหรือ? ได้สิ มาหยิบไปเองสิ”
เมื่อวิญญาณแนบเข้าไปในร่างของคนอื่นแล้ว คิดที่จะนำออกมายากเสียยิ่งกว่าขึ้นสวรรค์เสียอีก
เว้นเสียแต่ผู้ที่ถูกแนบร่างจะช่วยเหลือด้วยความสมัครใจ มิเช่นนั้น...
“นังสารเลว ไม่ฆ่าเจ้าก็ยากที่จะคลายความเกลียดชังในใจของข้าได้”
กู้ชูหน่วนยิ้มอย่างสบายๆโดยที่ไม่ได้สนใจคำขู่ของเขาเลย "ฆ่าข้าแล้วดวงวิญญาณนั้นก็นำออกมาไม่ได้"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์
คือตัวเองไม่มีเงิน แต่คิดจะเอาทุกอย่างด้วยราคาสูงเสียดฟ้า แล้วก็หาคำพูดให้คนอื่นจ่ายแทน ตัวเองหาประโยชน์จากคนใกล้ตัวแต่กลับเอาใจให้คนอื่นตลอดเนี่ยนะ...
แม่นางกู้เกินเยียวยาแล้วเด้อ 555...
เยี่ยเฟิงเป็นคนดีมาก แต่เขาทนงตัวเกินไป ชีวิตที่ผู้อื่นฝ่าฟันเพื่อแย่งชิงลมหายใจเขาไว้ แต่เขาก็ดิ้นรนกลับไปหาความตายอยู่เรื่อย...
ท่านอาจารย์พูดให้คิดดีมากเลย แต่อาหน่วนจะเข้าใจไหม นางดูมั่นหน้า มั่นใจเกิตเหตุแบบไม่สนสี่สนแปดใดใดเลย...
อยากให้กลับมาอัพเดทไวๆนะคะ ขอบคุณมากค่ะ...
สรุปเรื่องนี้มีตอนจบมั้ยค่ะ...
รอตอนจบอยู่นะคะ ใจบางไม่ไหวแล้วทรมาน...
รออัพเดทอยู่นะคะ...
เมื่อไหร่จะอัพต่อค่ะ...