กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ นิยาย บท 939

ชั่วขณะที่ประกายแสงสีเขียวและสีแดงแว๊บผ่าน มือของไป๋หลี่หมิงเยียนที่ซัดกลางกะโหลกศีรษะก็แข็งทื่อขึ้นมาในทันใด ราวกับว่ามีเรี่ยวแรงอยู่มากมายแต่ไม่สามารถใช้การได้

จอมมารก็มิได้โง่เง่าเช่นนั้น อาศัยช่องว่างนี้ก็คิดที่จะเจาะออกมา

น่าเสียดายที่ไป๋หลี่หมิงเยียนก็มิได้โง่ เขาใช่เรี่ยวแรงสะเทือน ความปวดเมื่อยและชาในมือรู้สึกน้อยลงมากมายนัก

แม้ว่าจะไม่มีฝ่ามือซัดกลางกะโหลกศีรษะของจอมมารกระจุย แต่จอมมารก็ถูกจับตัวกลับมาอีกครั้ง

ไป๋หลี่หมิงเยียนด้านหนึ่งกุมตัวจอมมาร อีกด้านหนึ่งมองไปยังธงใหญ่ทั้งแปดโดยรอบ

ธงใหญ่ทั้งแปดธงนี้ดูเหมือนจะเรียบง่ายสบายๆ แต่ว่าธงใหญ่แต่ละธงมีพลังที่ไม่มีที่สิ้นสุด อยู่ห่างมากมายเช่นนี้ก็ยังสามารถรู้สึกได้ถึงกลิ่นไอความอันตรายที่สามารถฆ่าคนให้ถึงแก่ชีวิตได้

ปี่หยกและวงแหวนอวกาศสีแดงล่องลอยอยู่เหนือธงทั้งแปด และถ่ายทอดพลังงานไปทางธงทั้งแปดธงอยู่อย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย

ในสถานที่ที่ผู้อื่นมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า สถานที่ที่มีธงใหญ่ทั้งแปดผืนล้อมเอาไว้ยังมีธงขนาดเล็กจำนวนนับไม่ถ้วนด้วย ธงเล็กแปรเปลี่ยนอย่างคาดเดาไม่ได้และหมุนเวียนไปไม่หยุด

แม้ไป๋หลี่หมิงเยียนจะรู้สึกประหลาดใจ แต่ก็ทั้งระวังตัวทั้งโลภมากและก็หัวเราะดังสนั่น

“ฮ่าๆๆ......คิดไม่ถึงว่าแม่สาวน้อยผู้หนึ่ง ในตัวกลับมีสมบัติล้ำค่ามากมายเช่นนี้ ค้นหาไปทั่วดินแดนวิญญาณเยือกแข็งเกรงว่าก็ไม่สามารถรวบรวมของล้ำค่าในตัวเจ้าได้กระมัง”

“หากข้าทายไม่ผิด ในวงแหวนอวกาศนั้นก็คงจะมีลมหายใจของยอดฝีมือระดับเจ็ดเหลืออยู่ด้วยถูกต้องหรือไม่?”

กู้ชูหน่วนเยาะเย้ยเสียงหนึ่งโดยที่คร้านที่จะตอบกลับต่อเขา

นางใช้ความคิดกระตุ้นวงแหวนอวกาศและปี่หยก

ธงทั้งแปดเปลี่ยนรูปร่างและโยกย้ายตำแหน่งโดยที่ค่ายกลได้ปรากฏหมอกวงกตขึ้น ท่ามกลางหมอกวงกตมีอาวุธลับอันแหลมคมแฝงอยู่ทั่วอย่างหนาแน่นและยิงไปยังไป๋หลี่หมิงเยียนดังพรึ่บพรับๆ

นี่คือไพ่ตายที่สำคัญที่สุดของนาง

เดิมทีไม่ต้องการนำออกมารวดเร็วเช่นนี้ แต่น่าเสียดายที่อาม่อตกอยู่ในมือของเขา

หากว่านางไม่แสดงไพ่ตายออกมาโดยตรงซึ่งเป็นการสังหารในท่าเดียวเพื่อสังหารไป๋หลี่หมิงเยียน เกรงว่าอาม่อจะตายอยู่ในมือของเขาอย่างอนาถ

นางไม่สามารถเสี่ยงได้และเสี่ยงไม่ได้ด้วย

อาวุธลับอันมากมายและรวดเร็วซึ่งคนทั่วไปไม่สามารถหลบเลี่ยงได้เลย เนื่องจากพื้นที่ที่ธงทั้งแปดปกคลุมนั้นขนาดเล็กเกินไปจริงๆ

ตั้งการทะยานออกจากขอบเขตที่ธงใหญ่ทั้งแปดล้อมไว้ก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้ ในผืนธงใหญ่ทั้งแปดล้วนสลักด้วยอักษรรูน และพลังของอักษรรูนเข้าใกล้ระดับเจ็ด

อย่างไรก็ตามอาวุธลับจะร้ายกาจเพียงใดก็ยากที่จะสามารถรั้งไป๋หลี่หมิงเยียนผู้ที่เป็นขั้นสูงสุดระดับหกได้

เขาสะบัดแขนเสื้อในขณะที่ตั้งใจจะทำลายอาวุธลับทั้งหมดทิ้งไปถึงได้ตระหนักว่า กำลังยุทธ์ในตัวเขาไม่รู้ว่าได้หายไปตั้งแต่เมื่อใด อ่อนแรงเสียจนแม้แต่พลังปราณที่แท้จริงก็ไม่มีเลยแม้แต่น้อย

ไป๋หลี่หมิงเยียนมองไปยังอักษรรูนอันแน่นขนัดบนธงใหญ่ทั้งแปดจึงได้ตระหนักถึงอะไรบางอย่าง

ไม่นานนักเขาอาศัยการเคลื่อนไหวอันคล่องแคล่วได้พุ่งแว๊บผ่านอาวุธลับอันหนาแน่นเหล่านั้นราวกับนกพิราบม้วนตัว

เนื่องจากเกรงว่าจอมมารจะถูกฆ่าด้วยอาวุธลับ ซึ่งจะส่งผลต่อการกลั่นพลังชั่วร้าย ไป๋หลี่หมิงเยียนจึงดึงจอมมารให้หลบออกไปพร้อมกัน

“ปึงๆๆ......”

“แปะๆๆ......”

"ชิ่วๆๆ...... "

อาวุธลับซัดออกไม่หยุดยั้ง เช่นไรไป๋หลี่หมิงเยียนก็ถูกอาวุธลับเหล่านั้นทำให้ลำบากไปบ้าง เสื้อผ้าบนกายก็ถูกกรีดทำลายไปหลายจุด

ตรงกันข้ามกับจอมมาร อาวุธลับเหล่านั้นราวกับว่ามีตาด้วยเช่นนั้น เพียงแค่ไล่ตามซัดเขาไม่หยุดและไม่ได้ทำอันตรายต่อจอมมารเลย

เป็นเวลาหลายปีเพียงใดแล้วที่ไม่มีผู้ใดสามารถทำร้ายเขาได้

แต่ในตอนนี้เขากลับถูกเจ้าเด็กเมื่อวานซืนเพิ่งเข้าสู่ระดับสี่จัดการเสียจนสาหัสเช่นนี้

ไป๋หลี่หมิงเยียนกล่าวว่าไม่โมโหนั้นไม่จริง

เขาตะโกนร้องเสียงดังเสียงหนึ่งขึ้น ทันใดนั้นธงใหญ่ทั้งแปดก็ขาดอากาศหายใจทันที ทั่วทุกที่เป็นหมอกหนาทึบที่ดำมืดหายใจไม่ออกไปทั่ว

หมอกหนามีฤทธิ์กัดกร่อน อาวุธลับสัมผัสเข้ากับกลิ่นไอหมอกหนาทึบจนหายใจไม่ออก และก็สึกกร่อนไปเลยโดยตรงจนกลายเป็นน้ำสีเงินเป็นแอ่งๆ

ในค่ายกลไป๋หลี่หมิงเยียนด้วยท่าทางยืนตัวตรง มือข้างไขว้หลังและอีกหนึ่งข้างหนึ่งวางอยู่บนไหล่ของจอมมารเพื่อคุมตัวเขาเอาไว้และมองไปยังกู้ชูหน่วนอย่างเย็นชา

อาวุธลับไม่มีแล้วแต่ว่าค่ายกลธงแปรเปลี่ยนไปอีกครั้ง เสียงลมคำรามอยู่ในค่ายกลธงและเสียงหวีดร้องมาก่อนค่อยหวาดกลัวทีหลังดังอยู่ไม่หยุด

เสียงคำรามเหล่านี้ราวกับผีร้ายในนรกที่พบเจอช่องว่างเพื่อหลีกหนีจากขุมนรก และหลั่งไหลทะลักออกมาอย่างบ้าคลั่งเพื่อฆ่าล้างไปทั่ว

ลมอันบ้าคลั่งแปรสภาพเป็นผีร้าย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์