“ฉันจะเด็ดหัวหมาแก่ตัวนี้มาให้เธออย่างแน่นอน”
ฉีเติ่งเสียนพูดกับอวี้เสี่ยวหลงด้วยน้ำเสียงที่เข้มขรึม แน่วแน่
“ไม่เป็นไร แค่อย่าให้คนพวกนั้นบรรลุเป้าหมายก็พอ จริงๆแล้ว ฉันไม่ได้อยากให้นายลงมือกับเขาซะเท่าไหร่ เขาก็แก่จนใกล้จะลงโลงแล้ว หากนายลงมือล่ะก็ ถึงแก่ชีวิตแน่นอน” อวี้เสี่ยวหลงกล่าว
“มีการแข่งขันศิลปะการต่อสู้ครั้งไหนไม่พนันด้วยชีวิตกัน?นอกจากเสียว่า อาจจะเป็นเพราะต้นกำเนิดที่แตกต่างกัน ทำให้เธอคิดมากและกังกลมากเกินไป ดังนั้น เลยอาจจะมองข้ามจุดสำคัญไป” ฉีเติ่งเสียนพูด
เมื่ออวี้เสี่ยวหลงได้ฟัง จึงคิดได้ขึ้นมา รู้สึกว่าที่เขาพูดมาก็มีเหตุผล
“อื้ม......ที่นายพูดก็มีเหตุผล ฉันควรที่จะกลับมาทบทวนอย่างละเอียดบ้างแล้ว” เธออดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ
“ตอนนี้นายก็เป็นถึงพระอัครสังฆราชแห่งพระเจ้าแล้ว เรียกได้ว่าเป็นโอกาสดี เราก็ใช้โอกาสนี้ในการพลิกเกมกลับอย่างสวยงามกันเถอะ”
“ฝั่งเมืองหลวง ตอนนี้สถานการณ์เป็นไปมาก บุคคลสําคัญหลายคนก็ถูกเราใช้โอกาสนี้เตะลงไปแล้วเรียบร้อย”
“ตระกูลจ้าวในตอนนี้คือมีความทุกข์ใจ แต่ยากจะพูดได้”
“เธออาจจะคิดว่าน่าเกรงขาม แต่จริงๆแล้ว ฉันก็ลำบากนะ!ฉันต้องติดหนี้นอกระบบถึงหกพันล้านดอลลาร์ ตอนนี้คืนไปยังไม่ถึงครึ่งเลย นอกจากนั้น ยังไปตกลงกับตาแก่พระสันตะปาปาว่าจะไปสร้างโบสถ์ที่เป็นเอกลักษณ์ที่หนานหยางอีก ถึงแม้ว่าจะให้ตระกูลเฉินช่วยฉันเรื่องงบ แต่คนที่จ่ายเยอะก็ยังเป็นฉันอยู่ดี......พวกนี้ เป็นเงินทั้งนั้น!”
“ฉันอยากช่วยนะแต่คงทำอะไรไม่ได้” อวี้เสี่ยวหลงพูด
“เธอสามารถให้โรงแรมเทียนตี้ร่วมหุ้นได้!” ฉีเติ่งเสียนย่นจมูกพูด
อวี้เสี่ยวหลงเลือกที่จะเมินเขาไปทันที“ถึงนายจะได้แค่งตั้งเป็นพระอัครสังฆราช มีศักดิ์ศรีมาก แต่ก็ต้องระวังตัว ประเทศตะวันตกเหล่านั้น ไม่ได้นับถือพระเจ้าไปซะหมด ความเชื่อก็ค่อนข้างที่จะละเอียดอ่อน ยิ่งกว่านั้น นิกายสุดโต่งบางนิกายก็เป็นศัตรูกับศาสนาศักดิ์สิทธิ์ และยังมีกองกําลังมืดลึกลับที่ซ่อนอยู่ซึ่งไม่ได้เป็นฝ่ายเดียวกับศาสนาศักดิ์สิทธิ์”
“แล้วนายยังเป็นชาวจีนคนแรกที่เป็นพระอัครสังฆราช แล้วยังได้สร้างพลังอันยิ่งใหญ่ให้กับศาสนาศักดิ์สิทธิ์ คนพวกนั้น เป็นไม่ได้ว่าอาจจะกำลังหมายหัวนายอยู่”
ฉีเติ่งเสียนกลับพูดด้วยความดีใจนิดๆ“มาเมื่อไหร่ ฉันกำลังร้อนเงินอยู่พอดี!”
อวี้เสี่ยวหลงหมดคำจะพูดไปสักพัก โอเค ถือว่าฉันไม่ได้พูดละกัน!
หลังจากนั้นไม่นาน หยางกวนกวนก็มาเรียกทุกคนไปกินข้าว
บนโต๊ะอาหาร มีเมนูหลากหลาย ผีพยาบาทก็สามารถที่จะทำอาหารที่ตัวเองชำนาญที่สุดอย่างเมนูเต้าหู้ออกมาได้
หยางกวนกวนหลายปีมานี้มาด้วยตัวคนเดียว จึงทำอาหารกินเองบ่อยๆ ดังนั้นฝีมือการทำอาหารถือว่าใช้ได้เลยทีเดียว
ฝีมือของผีพยาบาทนี้ไม่ต้องพูดถึง บางครั้งยังถูกคนครัวของเรือนจำโยวตูเชิญไปเป็นอาจารย์ เรียนทำอาหารกับเขาโดยตรง
“หืม?เต้าหู้นี้อร่อยมาก ทั้งลื่นทั้งนุ่ม แล้วยัง เคี้ยวออกมาเป็นรสชาติของเนื้อได้อีก?” อวี้เสี่ยวหลงกินเต้าหู้นิ่มไปหนึ่งคำ ก็อดที่จะชมออกมาอย่างไม่ได้
“นี่เป็นถึงเมนูพิฆาตของอาตมา!” ผีพยาบาทพูดด้วยความภาคภูมิใจ
“คุณไม่ได้จะหันนับถือศาสนาศักดิ์สิทธิ์แล้วหรอ?ทำไมถึงยังเรียกตัวเองว่าอาตมาอีก?” หยางกวนกวนสงสัย
ผีพยาบาทส่ายหน้า “นั้นแค่ล้อเล่น!ศาสนาพุทธ จะอยู่ในใจฉันโดยไม่มีการสั่นคลอนใดๆคลอดไป”
ปีศาจราตรีกลับรู้สึกหดหู่ใจ ไอ้นี่เพื่อที่จะประจบแล้วถึงกลับพูดว่าจะเปลี่ยนศาสนาแล้วไปนับถือศาสนาศักดิ์สิทธิ์แทน แต่การที่เขาประจบนี้จึงทำให้เขาต้องแลกมาด้วยค่าตอบแทนที่ค่อนข้างใหญ่ คือการไปสัก แถมประจบก็ไม่สำเร็จ ยัต้องเสียเวลาไปลบรอยสักออกอีก เจ็บแทบตาย เสียดายเลือดจริงๆ!
ผีพยาบาทแท้จริงแล้วนับถือศาสนาพุทธ หากเปลี่ยนศาสนา ก็จะสามารถแสดงความจริงใจได้ทันที
แต่เขาปีศาจราตรีไม่เชื่ออะไรทั้งนั้น การที่มานับถือศาสนาในทันทีดูยังไงก็ไม่เข้าท่า คิดไปคิดมา สักโทเทมซะยังจะดีกว่า
กับข้าวบนโต๊ะ เมนูเต้าหู้ของผีพยาบาทขายดีที่สุด แต่ละคนได้แต่แย่งกันกิน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง
ตั้งแต่ตอนที่ 217 ถ้าไม่อัพให้เต็มตอนก็คงต้องเลิกอ่านถาวรแล้ว...
อัพอีกวันไหนคะรับ...
ตอนละ6/7บรรทัด อัพใหม่ที...
ข้อความหายอีกแล้วครับ 280-284...
คนอัพไม่ดูเลยเหรอครับมันมาไม่กี่บรรทัดเอง...
ขาดตอนเลยครับ เนื้อหาไม่ครบแบบนี้...
ทำไมแต่ละตอนมันสั้นจัง...
253-264 ทำไมสั้นจังครับ...
ถ้าอัพมาแค่4, 5บรรทัดเลิกอัพเถอะ...
242 - 246 ข้อความขึ้นไม่ครบครับ...