มังกรผู้ทรงพลัง นิยาย บท 1032

“ฉันจะเด็ดหัวหมาแก่ตัวนี้มาให้เธออย่างแน่นอน”

ฉีเติ่งเสียนพูดกับอวี้เสี่ยวหลงด้วยน้ำเสียงที่เข้มขรึม แน่วแน่

“ไม่เป็นไร แค่อย่าให้คนพวกนั้นบรรลุเป้าหมายก็พอ จริงๆแล้ว ฉันไม่ได้อยากให้นายลงมือกับเขาซะเท่าไหร่ เขาก็แก่จนใกล้จะลงโลงแล้ว หากนายลงมือล่ะก็ ถึงแก่ชีวิตแน่นอน” อวี้เสี่ยวหลงกล่าว

“มีการแข่งขันศิลปะการต่อสู้ครั้งไหนไม่พนันด้วยชีวิตกัน?นอกจากเสียว่า อาจจะเป็นเพราะต้นกำเนิดที่แตกต่างกัน ทำให้เธอคิดมากและกังกลมากเกินไป ดังนั้น เลยอาจจะมองข้ามจุดสำคัญไป” ฉีเติ่งเสียนพูด

เมื่ออวี้เสี่ยวหลงได้ฟัง จึงคิดได้ขึ้นมา รู้สึกว่าที่เขาพูดมาก็มีเหตุผล

“อื้ม......ที่นายพูดก็มีเหตุผล ฉันควรที่จะกลับมาทบทวนอย่างละเอียดบ้างแล้ว” เธออดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ

“ตอนนี้นายก็เป็นถึงพระอัครสังฆราชแห่งพระเจ้าแล้ว เรียกได้ว่าเป็นโอกาสดี เราก็ใช้โอกาสนี้ในการพลิกเกมกลับอย่างสวยงามกันเถอะ”

“ฝั่งเมืองหลวง ตอนนี้สถานการณ์เป็นไปมาก บุคคลสําคัญหลายคนก็ถูกเราใช้โอกาสนี้เตะลงไปแล้วเรียบร้อย”

“ตระกูลจ้าวในตอนนี้คือมีความทุกข์ใจ แต่ยากจะพูดได้”

“เธออาจจะคิดว่าน่าเกรงขาม แต่จริงๆแล้ว ฉันก็ลำบากนะ!ฉันต้องติดหนี้นอกระบบถึงหกพันล้านดอลลาร์ ตอนนี้คืนไปยังไม่ถึงครึ่งเลย นอกจากนั้น ยังไปตกลงกับตาแก่พระสันตะปาปาว่าจะไปสร้างโบสถ์ที่เป็นเอกลักษณ์ที่หนานหยางอีก ถึงแม้ว่าจะให้ตระกูลเฉินช่วยฉันเรื่องงบ แต่คนที่จ่ายเยอะก็ยังเป็นฉันอยู่ดี......พวกนี้ เป็นเงินทั้งนั้น!”

“ฉันอยากช่วยนะแต่คงทำอะไรไม่ได้” อวี้เสี่ยวหลงพูด

“เธอสามารถให้โรงแรมเทียนตี้ร่วมหุ้นได้!” ฉีเติ่งเสียนย่นจมูกพูด

อวี้เสี่ยวหลงเลือกที่จะเมินเขาไปทันที“ถึงนายจะได้แค่งตั้งเป็นพระอัครสังฆราช มีศักดิ์ศรีมาก แต่ก็ต้องระวังตัว ประเทศตะวันตกเหล่านั้น ไม่ได้นับถือพระเจ้าไปซะหมด ความเชื่อก็ค่อนข้างที่จะละเอียดอ่อน ยิ่งกว่านั้น นิกายสุดโต่งบางนิกายก็เป็นศัตรูกับศาสนาศักดิ์สิทธิ์ และยังมีกองกําลังมืดลึกลับที่ซ่อนอยู่ซึ่งไม่ได้เป็นฝ่ายเดียวกับศาสนาศักดิ์สิทธิ์”

“แล้วนายยังเป็นชาวจีนคนแรกที่เป็นพระอัครสังฆราช แล้วยังได้สร้างพลังอันยิ่งใหญ่ให้กับศาสนาศักดิ์สิทธิ์ คนพวกนั้น เป็นไม่ได้ว่าอาจจะกำลังหมายหัวนายอยู่”

ฉีเติ่งเสียนกลับพูดด้วยความดีใจนิดๆ“มาเมื่อไหร่ ฉันกำลังร้อนเงินอยู่พอดี!”

อวี้เสี่ยวหลงหมดคำจะพูดไปสักพัก โอเค ถือว่าฉันไม่ได้พูดละกัน!

หลังจากนั้นไม่นาน หยางกวนกวนก็มาเรียกทุกคนไปกินข้าว

บนโต๊ะอาหาร มีเมนูหลากหลาย ผีพยาบาทก็สามารถที่จะทำอาหารที่ตัวเองชำนาญที่สุดอย่างเมนูเต้าหู้ออกมาได้

หยางกวนกวนหลายปีมานี้มาด้วยตัวคนเดียว จึงทำอาหารกินเองบ่อยๆ ดังนั้นฝีมือการทำอาหารถือว่าใช้ได้เลยทีเดียว

ฝีมือของผีพยาบาทนี้ไม่ต้องพูดถึง บางครั้งยังถูกคนครัวของเรือนจำโยวตูเชิญไปเป็นอาจารย์ เรียนทำอาหารกับเขาโดยตรง

“หืม?เต้าหู้นี้อร่อยมาก ทั้งลื่นทั้งนุ่ม แล้วยัง เคี้ยวออกมาเป็นรสชาติของเนื้อได้อีก?” อวี้เสี่ยวหลงกินเต้าหู้นิ่มไปหนึ่งคำ ก็อดที่จะชมออกมาอย่างไม่ได้

“นี่เป็นถึงเมนูพิฆาตของอาตมา!” ผีพยาบาทพูดด้วยความภาคภูมิใจ

“คุณไม่ได้จะหันนับถือศาสนาศักดิ์สิทธิ์แล้วหรอ?ทำไมถึงยังเรียกตัวเองว่าอาตมาอีก?” หยางกวนกวนสงสัย

ผีพยาบาทส่ายหน้า “นั้นแค่ล้อเล่น!ศาสนาพุทธ จะอยู่ในใจฉันโดยไม่มีการสั่นคลอนใดๆคลอดไป”

ปีศาจราตรีกลับรู้สึกหดหู่ใจ ไอ้นี่เพื่อที่จะประจบแล้วถึงกลับพูดว่าจะเปลี่ยนศาสนาแล้วไปนับถือศาสนาศักดิ์สิทธิ์แทน แต่การที่เขาประจบนี้จึงทำให้เขาต้องแลกมาด้วยค่าตอบแทนที่ค่อนข้างใหญ่ คือการไปสัก แถมประจบก็ไม่สำเร็จ ยัต้องเสียเวลาไปลบรอยสักออกอีก เจ็บแทบตาย เสียดายเลือดจริงๆ!

ผีพยาบาทแท้จริงแล้วนับถือศาสนาพุทธ หากเปลี่ยนศาสนา ก็จะสามารถแสดงความจริงใจได้ทันที

แต่เขาปีศาจราตรีไม่เชื่ออะไรทั้งนั้น การที่มานับถือศาสนาในทันทีดูยังไงก็ไม่เข้าท่า คิดไปคิดมา สักโทเทมซะยังจะดีกว่า

กับข้าวบนโต๊ะ เมนูเต้าหู้ของผีพยาบาทขายดีที่สุด แต่ละคนได้แต่แย่งกันกิน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง