มังกรผู้ทรงพลัง นิยาย บท 1034

สรุปบท บทที่ 1034 ห้องสารภาพบาป: มังกรผู้ทรงพลัง

ตอน บทที่ 1034 ห้องสารภาพบาป จาก มังกรผู้ทรงพลัง – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 1034 ห้องสารภาพบาป คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายนิยายโรแมนติกในเมือง มังกรผู้ทรงพลัง ที่เขียนโดย จาง หลงหู เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ฉีเติ่งเสียนเป็นพลเมืองที่ดีและปฏิบัติตามกฎหมายมาโดยตลอด เขารักษาความเร็วของรถให้อยู่ในระดับปานกลางจนไปถึงมหาวิหารเซียงซาน

ผู้มีประสบการณ์ตัวจริงจะสุขุมอยู่เสมอ

เหมือนเวลาโสเภณีไปซ่อง เป็นระเบียบเรียบร้อยเสมอ

เมื่อนักบวชแห่งมหาวิหารเซียงซานเห็นฉีเติ่งเสียนในชุดคลุมสีแดง พวกเขาก็รีบเข้าไปแสดงความเคารพ

ฉีเติ่งเสียนพูดด้วยท่าทีสงบ “อืม อืม ไปกันเถอะ ไปในโบสถ์กันก่อน บรรดาลูกศิษย์มากันหมดแล้วใช่ไหม เราเริ่มกันเลย!”

เมื่อเดินเข้าไปในมหาวิหารเขาก็เห็นว่าภายในที่นั่นมีคนนั่งอยู่อย่างแน่นขนัด ดูเหมือนว่าอิทธิพลของศาสนาศักดิ์สิทธิ์ในเซียงซานจะมีขนาดใหญ่มาก

ขณะเข้าไปในโบสถ์ ใบหน้าของฉีเติ่งเสียนดูสุขุม แต่ออร่าของเขากลับทำให้คนรู้สึกอบอุ่น ทำให้ทุกคนรู้สึกเหมือนกับกำลังอาบสายลมแห่งฤดูใบไม้ผลิเมื่อเห็นเขา

ฉีเติ่งเสียนยืนอยู่แถวหน้าสุดของโบสถ์และเริ่มเทศนา เขาอธิบายเนื้อหาของพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์โดยเน้นไปที่ผู้พิพากษาแซมสัน เพราะอย่างไรแล้วพระสันตะปาปาก็มอบตำแหน่งนี้ให้เขาและแน่นอนว่าเขาจะใช้ประโยชน์จากมัน

คำพูดของฉีเติ่งเสียนดังและทรงพลัง แต่ก็ยังทำให้คนรู้สึกว่าเขาดึงดูดและอ่อนโยน

“พระอัครสังฆราชคนนี้มีบางอย่างพิเศษ! พอได้ฟังคำเทศนาของเขา ฉันก็รู้สึกว่าจิตใจของฉันเปิดกว้างขึ้น” พระบิดามองฉีเติ่งเสียนและแอบตัดพ้อในใจ

“ไม่แปลกที่เขาได้เป็นพระอัครสังฆราชของเขตใต้ ส่วนฉันเป็นได้แค่พระบิดาของวิหารเท่านั้น เป็นเพราะฉันมีความศรัทธาและความเลื่อมใสต่อพระเจ้าผู้ศักดิ์ศสิทธ์ไม่เพียงพอ”

หากฉีเติ่งเสียนได้ยินเสียงความรู้สึกของเขา ฉีเติ่งเสียนจะต้องหัวเราะเยาะอย่างแน่นอน คุณขาดความศรัทธาและความเลื่อมใสงั้นเหรอ สิ่งที่ขาดคือเงินต่างหาก!

หลังจากการเทศน์จบลง บรรดาลูกศิษย์ต่างปรบมือ จากนั้นก็ลุกขึ้น หลับตา และอธิษฐาน

พระบิดาพูดกับฉีเติ่งเสียนว่า “พระอัครสังฆราชที่เคารพ วันนี้มีศิษย์หลายคนที่ต้องการสารภาพบาปและสวดภาวนา ได้โปรดอยู่ที่นี่สักครู่หนึ่ง”

ฉีเติ่งเสียนตอบว่า “มันเป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้ว!”

ความแข็งแกร่งทางกายภาพของฉีเติ่งเสียนไปถึงระดับเหนือมนุษย์แล้ว และจิตวิญญาณของเขาก็แข็งแกร่งพอๆ กัน มันไปถึงจุดที่คำพูดและการกระทำของเขามีอิทธิพลต่อจิตวิญญาณของผู้อื่น

ไม่มีอะไรดีไปกว่าการให้เขาเป็นพระบิดาเพื่อปลอบโยนลูกศิษย์

ฉีเติ่งเสียนเองก็ทำอะไรไม่ได้ เขาไม่ได้เต็มใจเข้าร่วมกับเรื่องของคริสตจักรเลยจริงๆ แต่ด้วยชื่อเสียงที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ เขาจึงต้องให้เกียรติคริสตจักร!

ไม่อย่างนั้นถ้าพระสันตะปาปาโมโหและเตะเขาออกจากคริสตจักร นั่นคงน่าอายไม่น้อย

แม้ว่าเขาจะเป็นพระอัครสังฆราชได้เพราะเงิน แต่เขาก็ไม่สามารถนั่งเฉยๆ ได้ เรื่องอะไรที่ควรทำเขาก็ทำอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง

ฉีเติ่งเสียนเข้าไปในห้องมืดเล็กๆ ที่มีแสงสลัว จากนั้นก็มายังด้านนอกห้องสารภาพบาป

ห้องสารภาพบาปเป็นตู้มืดเล็กๆ ลูกศิษย์ที่ต้องการสวดภาวนาหรือสารภาพผิดจะอยู่ด้านใน คุณพ่ออยู่ด้านนอก พวกเขาจะเปิดอกพูดเรื่องในใจและขอให้คุณพ่อให้อภัยในบาปของพวกเขา

“คุณพ่อที่เคารพ...ผมอยากสารภาพบาปกับท่าน ผมได้ทำบาป...”

ฉีเติ่งเสียนฟังเงียบๆ อยู่ข้างนอก จากนั้นก็อ้างเนื้อหาของพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์เพื่อเทศน์ศีลสารภาพกับลูกศิษย์

หลังจากเทศน์ลูกศิษย์ไปหลายคนติดต่อกัน ฉีเติ่งเสียนก็เริ่มรู้สึกเบื่อเล็กน้อย

ศิษย์คนที่เก้าเป็นคุณแม่ยังสาว

“คุณพ่อ ลูกอยากถามคุณพ่อว่าพระเจ้ามีจริงไหมคะ” ผู้เป็นแม่ถามด้วยน้ำเสียงสะอื้น

“ลูกควรเชื่อฟังคำสอนของพระเจ้าอย่างแน่วแน่ ทำไมถึงมีข้อสงสัยเล่า” ฉีเติ่งเสียนพูดอย่างสงบ

เขาเห็นคุณแม่ยังสาวผู้นี้มีหน้าตาซีดเซียวเต็มไปด้วยความโศกเศร้า

“ลูกควรเชื่อในพระเจ้าที่ลูกเชื่อ แล้วพระองค์จะให้คำตอบแก่ลูกอย่างแน่นอน” ฉีเติ่งเสียนพูดอย่างอ่อนโยน

“จริงเหรอคะ” น้ำตาของคุณแม่ยังสาวไหลเต็มหน้าและเธอก็รู้สึกหดหู่อย่างยิ่ง

ฉีเติ่งเสียนถอนหายใจก่อนจะค่อยๆ ยกเสื้อคลุมสีแดงของเขาขึ้นและพูดอย่างอ่อนโยน “อย่าสงสัยในความเชื่อและความศรัทธาของตัวเอง ลืมความคิดแย่ๆ ไปเสียให้หมด ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามพระประสงค์ของพระเจ้า!”

คุณแม่ยังสาวปาดน้ำตาแล้วยื่นมือออกไปกอดแสงสีแดงในความมืด

เธอสะอื้น “ฉันตั้งคำถามต่อพระเจ้า ฉันผิดไปแล้ว...คุณพ่อที่เคารพ พระเจ้าจะให้อภัยลูกไหม”

ฉีเติ่งเสียนตอบว่า “ลูกชายของลูกก็เป็นลูกของพระเจ้าเช่นกัน บาปของลูกจะได้รับการให้อภัย หลังจากที่ร่างของลูกหมดอายุขัย ลูกจะกลายเป็นแสงแห่งจิตวิญญาณและมุ่งไปยังแดนสวรรค์ของพระเจ้า...”

เขาเอื้อมมือไปลูบหัวคุณแม่ยังสาวเบาๆ จากนั้นก็ปล่อยเธอไป

คุณแม่ยังสาวรู้สึกว่าเสียงของพระอัครสังฆราชผู้นี้อ่อนโยนมาก เต็มไปด้วยแรงดึงดูดและความอบอุ่น ทุกคำพูดที่เขาเอ่ยออกมาเหมือนหยาดน้ำฝนที่ทำให้หัวใจอันแห้งแล้งของเธอรู้สึกอบอุ่น

“ขอบคุณค่ะคุณพ่อที่เคารพ พระอัครสังฆราช” คุณแม่ปาดน้ำตาและโค้งคำนับเบาๆ

“ทุกสิ่งเป็นพระประสงค์ของพระเจ้า” ฉีเติ่งเสียนพูดเบาๆ “ไปเถอะ”

หลังจากคุณแม่เดินออกจากห้องมืดเล็กๆ นี้ไป ใบหน้าของฉีเติ่งเสียนก็เย็นชาทันที เขาหายใจฮึดฮัดก่อนจะยิ้มเยาะ “ฉันมาเข้าร่วมศาสนาศักดิ์สิทธิ์ก็ดีเหมือนกัน พระเจ้าเป็นผู้ตัดสิน ส่วนฉันผู้เป็นพระอัครสังฆราชคนนี้ก็มีหน้าที่ส่งสวะพรรค์นี้ไปหาพระเจ้า!“

เขาถอดเสื้อคลุมสีแดงตัวใหญ่ออกแล้วเตรียมออกจากที่นั่น

“ท่านพระอัครสังฆราช ยังมีคนรอสารภาพบาปอยู่...” คุณพ่อแห่งศาสนาศักดิ์สิทธิ์ตามมาและเตือนเขา “ท่านจะไปไหน”

“ผมจะไปทำตามพระประสงค์ของพระเจ้า!” ฉีเติ่งเสียนเอ่ยเสียงเย็น

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง