ความรู้สึกของหยางกวนกวนไม่ผิด
เหลยเทียนซื่อโดดเดี่ยวจริงๆ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเขาแทบไม่เห็นคนที่คล้ายคลึงกับเขาเลย
แต่การปรากฏตัวของฉีเติ่งเสียนทำให้เขารู้สึกปลื้มปีติ ดังนั้นเขาจึงเชื่อใจผู้ชายคนนี้และฝากฝังเรือตระกูลเหลยทั้งหมดไว้กับเขา
หลังจากเหลยเสวี่ยเจียวได้ยินคำพูดของฉีเติ่งเสียน เธอก็ร้องห่มร้องไห้และพูดว่า “มันเป็นความผิดของนาย นายเอาแต่ยืนกรานว่าจะดื่มกับคุณปู่ นายเป็นคนทำร้ายเขา!”
ฉีเติ่งเสียนขี้เกียจจะต่อปากต่อคำกับผู้หญิงโง่เง่าคนนี้
แต่เหลยเจิ้นฉีกลับพูดว่า “มันไม่ใช่ความผิดของเขา ปู่ของเธอรู้ว่าตัวเองอยู่ได้ไม่พ้นวันนี้ เขาจึงเลือกจากไปด้วยวิธีนี้ แบบนี้ก็เหมาะกับนิสัยเขาดี!”
เหลยเจินเหลินค่อยๆ พูดขึ้นว่า “เป็นวีรบุรุษขณะมีชีวิตอยู่ ตายแล้วก็เป็นผีอาจหาญ จวบปัจจุบันยังนึกถึงเซียงอวี่ที่ไม่ยอมข้ามแม่น้ำไปยังฝั่งตะวันออก!”
คนหลายคนลุกจากโต๊ะและโค้งคำนับศพของเหลยเทียนซื่ออย่างจริงจัง
พ่อบ้านเหลยพูดด้วยสีหน้าสงบ “ท่านผู้อาวุโสจากไปแล้ว จากนี้ไปตระกูลเหลยต้องพึ่งพานายน้อยทั้งสอง ผมไม่สามารถทำอะไรได้มาก”
เหลยเจิ้นฉีพยักหน้าแล้วพูดว่า “เตรียมตัวจัดงานศพเถอะ”
ฉีเติ่งเสียนประสานมือคารวะคนทั้งสองแล้วพูดว่า “ผมไม่รบกวนแล้ว เดี๋ยวผมจะโทรหามหาวิหารเซียงซานและขอให้บาทหลวงจัดพิธีไว้อาลัย”
คนรุ่นเก่าในเซียงซานส่วนใหญ่แทบจะเป็นลูกศิษย์ของศาสนาศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมด เพราะตอนนั้นชาวตะวันตกมีอิทธิพลต่อคนเมืองนี้มาก
การจัดพิธีไว้อาลัยในโบสถ์เป็นเรื่องที่เหมาะสมมาก เมื่อถึงตอนที่ตระกูลเหลยประกาศว่าจะมอบเรือตระกูลเหลยให้ศาสนาศักดิ์สิทธิ์เป็นผู้ดูแลจะได้ไม่กะทันหันเกินไป
“กวนกวน เราไปกันเถอะ” ฉีเติ่งเสียนโบกมือเรียกหยางกวนกวน แล้วพูดอย่างใจเย็น
“อืม!” หยางกวนกวนพยักหน้า ประสานมือคารวะและคำนับร่างของเหลยเทียนซื่อ จากนั้นก็หันหลังและเดินตามฉีเติ่งเสียนออกจากบ้านตระกูลแหลย
ดูเหมือนว่าเหลยเจิ้นฉีและเหลยเจินหลินจะคาดเดาไว้แล้วว่าจะมีวันนี้ ทั้งสองหยิบชุดสูทที่เหลยเทียนซื่อสวมใส่เมื่อยังเป็นหนุ่มออกมา รวมถึงรูปขาวดำที่ทำไว้ก่อนหน้านี้ พวกเขาให้พ่อบ้านเหลยและคนรับใช้ที่บ้านช่วย ในขณะเดียวกันก็ขอให้เหลยเสวี่ยเจียวประกาศข่าวสู่โลกภายนอกและแจ้งให้ญาติสนิทมิตรสหายของตระกูลเหลยทราบ
“เฮ้อ ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง ชีวิตนี้พ่อลำบากมามากเหลือเกิน!” เหลยเจิ้นฉีถอนหายใจอย่างอดไม่ได้และพูดออกมาจากใจจริง
“ต่อจากนี้เราต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อจะได้เป็นคนแบบพ่อ” เหลยเจิ้นฉียิ้มและตบบ่าน้องชายของตน
ทั้งสองไม่ได้รู้สึกเศร้าเกินไปเพราะพวกเขาคิดไว้แล้วว่าวันนี้จะมาถึง อีกอย่างเหลยเทียนซื่อได้ไปสู่สวรรค์ด้วยวิธีที่กล้าได้กล้าเสียเช่นนี้ก็นับว่าคู่ควรกับความสุข
ชีวิตคนเรายากนักที่จะเจอคนที่รู้ใจ ก่อนจะสิ้นชีวิต เขาดื่มเหล้าอย่างหนำใจและเมามายจนเสียชีวิตต่อหน้าเพื่อนรู้ใจ เขาก็คงยิ้มได้อยู่ในยมโลก
หยางกวนกวนเดินไปตามทางกับฉีเติ่งเสียนและพูดว่า “ไม่คิดเลยว่าวันหนึ่งฉันจะได้เป็นพยานรู้เห็นในช่วงเวลาประวัติศาสตร์และได้เห็นบุคคลที่น่าทึ่งจากไปแบบนี้”
ฉีเติ่งเสียนพูดด้วยท่าทีสงบ “เกิดแก่เจ็บตายเป็นเรื่องปกติของโลกมนุษย์ ไม่ว่าวิทยายุทธจะสูงเพียงใดก็หลีกหนีจากวงจรนี้ไม่ได้ การฝึกศิลปะการต่อสู้ไม่ได้ฝึกเพื่อให้เป็นอมตะ แต่เป็นการฝึกจิตวิญญาณ”
“ในอดีต ตอนที่เทพแห่งการต่อสู้อย่าซุนลูถังรู้สึกว่าชีวิตของเขากำลังจะจบลง เขาเคยพูดเรื่องนี้กับลูกสาวของเขา”
“ลูกสาวของเขาสัมผัสได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ เธอจึงเชิญหมอจากเจอมณีมาตรวจเขา แต่หมอบอกว่าร่างกายของเขาแข็งแรงดี ไม่มีอะไรผิดปกติ”
“สองวันถัดมา ผู้อาวุโสซุนก็ขี่นกกระเรียนไปสู่สวรรค์”
“ขณะเผชิญหน้ากับความตาย เขาก็ยังมีท่าทีสงบ นี่คือคนที่เข้าใจจิตใจและความคิดของตัวเอง เป็นผู้เข้าใจความลึกลับของชีวิตและความตายอย่างแท้จริง!”
หยางกวนกวนครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง เหตุผลที่เธอฝึกศิลปะการต่อสู้ก็เพื่อแก้แค้น หลังจากแก้แค้นสำเร็จ เธอก็ยังตั้งใจฝึกต่อเพราะเธอต้องการที่จะแข็งแกร่งขึ้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง
ตั้งแต่ตอนที่ 217 ถ้าไม่อัพให้เต็มตอนก็คงต้องเลิกอ่านถาวรแล้ว...
อัพอีกวันไหนคะรับ...
ตอนละ6/7บรรทัด อัพใหม่ที...
ข้อความหายอีกแล้วครับ 280-284...
คนอัพไม่ดูเลยเหรอครับมันมาไม่กี่บรรทัดเอง...
ขาดตอนเลยครับ เนื้อหาไม่ครบแบบนี้...
ทำไมแต่ละตอนมันสั้นจัง...
253-264 ทำไมสั้นจังครับ...
ถ้าอัพมาแค่4, 5บรรทัดเลิกอัพเถอะ...
242 - 246 ข้อความขึ้นไม่ครบครับ...