โหยวหยางซือเป็นผู้ชายรูปร่างหน้าตาดี ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นคนที่มีความสามารถบางอย่าง
ฉีเติ่งเสียนหันไปมองเขาและเอ่ยเรียบๆ ว่า “งั้นเหรอ? นายคิดว่าตัวเองมีอิทธิพลโดดเด่นมากจนไม่จำเป็นจะต้องสนใจถึงการมีอยู่ของฉันเลยงั้นเหรอ”
หลัวเหลยเอ่ยโดยไม่รอคำตอบของโหยวหยางซือ “ถูกต้อง อาจารย์ฉีมีกำลังแข็งแกร่งก็จริง แต่การปกครองเซียงซานหลงเหมินไม่ใช่เรื่องที่จะพึ่งแค่กำลังเพียงอย่างเดียว”
“หลานชายของผมมีความสามารถโดดเด่นเป็นที่หนึ่ง บุคลิกมีเสน่ห์แข็งแกร่ง ให้เขาเป็นคนดูแลเซียงซานหลงเหมินน่าจะดีกว่าให้คนที่คุณบอกว่าชื่อสวี่ฉางเกออะไรนั่นดูแล”
“ยิ่งไปกว่านั้นนี่เป็นปัญหาของหลงเหมินของพวกเรา คนนอกอย่างคุณจะเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยทำไม? ที่นี่มีที่ว่างสำหรับความคิดเห็นของคุณด้วยหรือ”
โหยวหยางซือก็มีสีหน้าที่สงบไม่สะทกสะท้าน เขาเอ่ยช้าๆ ว่า “คุณปู่พูดถูก ปัญหาของหลงเหมิน ชาวหลงเหมินจะเป็นคนจัดการเอง อาจารย์ฉีไม่ได้เป็นคนของหลงเหมินอีกแล้ว แถมยังนับว่าเป็นสมาชิกไม่ได้ด้วยซ้ำ”
“คุณมีสิทธิอะไรถึงเข้ามามีส่วนร่วมในเรื่องใหญ่อย่างการปลดหรือแต่งตั้งนายหางเสือ?”
“บอกตามตรงว่าคุณไม่มีสิทธิมาควบคุมเรื่องนี้”
“ถ้าไม่ใช่เพราะประธานหลี่ให้ความสำคัญกับคุณ คุณคงไม่มีโอกาสได้พบกับพวกท่านผู้อาวุโสด้วยซ้ำ”
แววตาของฉีเติ่งเสียนเปลี่ยนไปเป็นเย็นชา เขาเอ่ยพลางยิ้มเยาะว่า “ต้อนรับฉันด้วยมื้ออาหารที่น่าประทับใจ แถมยังเชิญฉันดื่มชาเรียกน้ำย่อยที่หาดื่มได้ยาก แล้วตอนนี้ก็มาเล่นแง่กับฉัน?”
หลี่เหอถูโบกมือและบอกว่า “อาจารย์ฉีอย่าได้โกรธเลย ผมคิดว่าอาจารย์ฉียังเป็นพันธมิตรที่สำคัญมากของหลงเหมิน ถึงอย่างไรเราก็มีศัตรูร่วมกันไม่ใช่หรือ”
หลัวเหลยบอกว่า “ถึงไม่มีเขา โลกนี้ก็ยังหมุนได้เหมือนเดิม หลงเหมินอยู่แบบนี้มาหลายปีแล้ว ทำไมต้องสนใจคนนอกเพียงคนเดียวขนาดนี้ด้วย”
ฉีเติ่งเสียนเอ่ยด้วยสีหน้าที่เยือกเย็นว่า “ในเมื่อทุกคนคิดเช่นนี้ เช่นนั้นก็ช่างมันเถอะ แต่ถ้าไม่ใช่คนที่ฉันสนับสนุนเข้ารับตำแหน่งนายหางเสือหลงเหมิน ฉันก็จะไม่สนับสนุน!”
สีหน้าของหลัวเหลยอึมครึม เขาเอ่ยอย่างเยาะเย้ยว่า “งั้นผมจะคอยดูว่ามันจะเป็นยังไงถ้าไม่มีการสนับสนุนจากคุณ! ถึงเวลานั้นอย่าให้ถูกตอกหน้าจนหน้าบวมมองไม่เห็นคนอื่นล่ะ”
หลี่เหอถูถอนหายใจและบอกว่า “วันนี้คงไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมที่จะพูดคุยกันต่อ ทุกคนช่วยเห็นแก่หน้าฉันแล้วแยกย้ายกันไปก่อน! ในเมื่อเป็นแบบนี้ก็ค่อยกลับมาคุยกันทีหลัง!"
หลัวเหลยกับโหยวหยางซือไม่พูดอะไรต่อ ผู้อาวุโสที่เหลืออีกสองคนก็หยุดพูดเช่นกัน
ฉีเติ่งเสียนเองก็คร้านที่จะอยู่ที่นี่ต่อ หลัวเหลยผู้นี้คิดจะผลักดันหลานชายของเขาขึ้นสู่ตำแหน่ง ขัดขวางแผนการของเขา ทำให้เขาไม่พอใจเอามากๆ
ทว่าสิ่งที่หลัวเหลยพูดก็ถูกต้องแล้ว เรื่องนี้เป็นเรื่องของหลงเหมิน ตอนนี้เขาไม่ได้เป็นสมาชิกของหลงเหมินแล้วด้วยซ้ำ เขามีสิทธิ์อะไรถึงไปมีส่วนร่วมเรื่องการแต่งตั้งหรือถอดทอนนายหางเสือ?
“ช่างเถอะ ฉันเองก็ขี้เกียจจะมาสนใจเรื่องนี้ แต่ฉันต้องเอาฮาร์ดดิสที่ได้มาจากเซียวซิงออกไปขายให้เฉินปาเซี่ย ถ้าได้กินจากเขาไม่ถึงเจ็ดหรือแปดพันล้าน มันจะไม่จบ” ฉีเติ่งเสียนคิด
หยางกวนกวนคำนวณให้ฉีเติ่งเสียนอย่างคร่าวๆ แล้ว เงินสกปรกที่เฉินปาเซี่ยได้รับมาจากการร่วมมือกับเซียวซิงน่าจะอยู่ที่ประมาณหนึ่งพันล้าน ซึ่งส่วนใหญ่ได้มาจากการลักลอบขนของเถื่อน บางส่วนได้มาจากธุรกิจผิดกฎหมายรวมถึงจากการปั่นป่วนตลาดในทางที่ไม่ดี
ฉีเติ่งเสียนไม่ได้โลภมาก เขาเพียงแค่ต้องการเงินสกปรกทั้งหมดที่เฉินปาเซี่ยได้รับมา
มันมากและเบื่อที่จะขอ เพราะเฉินปาเซี่ยไม่มีทางให้แน่นอน
หลังจากออกมาจากวิลล่า เขาก็เตรียมจะมุ่งตรงไปที่บ้านของซุนอิ่งซู แต่แล้วกลับถูกหลี่เหอถูเรียกตัวไว้
“ผู้อาวุโสของสมาคมเป็นพวกหัวแข็งทั้งนั้น หากความคิดเห็นของทุกคนในเรื่องนี้ขัดแย้งกับความคิดเห็นของคุณ คงเป็นเรื่องยากที่จะทำให้สำเร็จ” หลี่เหอถูกล่าว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง
ตั้งแต่ตอนที่ 217 ถ้าไม่อัพให้เต็มตอนก็คงต้องเลิกอ่านถาวรแล้ว...
อัพอีกวันไหนคะรับ...
ตอนละ6/7บรรทัด อัพใหม่ที...
ข้อความหายอีกแล้วครับ 280-284...
คนอัพไม่ดูเลยเหรอครับมันมาไม่กี่บรรทัดเอง...
ขาดตอนเลยครับ เนื้อหาไม่ครบแบบนี้...
ทำไมแต่ละตอนมันสั้นจัง...
253-264 ทำไมสั้นจังครับ...
ถ้าอัพมาแค่4, 5บรรทัดเลิกอัพเถอะ...
242 - 246 ข้อความขึ้นไม่ครบครับ...