มังกรผู้ทรงพลัง นิยาย บท 119

ท่านผู้เฒ่าเฉียวตื่นขึ้นมา หายใจออกแรงๆ แล้วพูดว่า "ฉันเป็นอะไรไป"

“ท่านผู้เฒ่า เป็นลมเมื่อสักครู่นี้เพราะฉีเติ่งเสียน ฉีเติ่งเสียนชาติหมานั่นทำให้ผู้เฒ่าแบบนี้!” เฉียวชิงอวี่กล่าวทันที

ซุน โหยวเว่ยยิ้มให้ท่านผู้เฒ่าเฉียวแล้วพูดว่า "ช่วงนี้ท่านผู้เฒ่าใช้แรงเยอะเกินไปเลยทำให้เหนื่อย ปกติควรจะต้องให้ความสำคัญกับการพักผ่อนให้มากขึ้น ตอนนี้ท่านผู้เฒ่าไม่เป็นไรแล้ว"

เฉียวชิงอวี่ตะคอกด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา "เฉียวชิวเหมิ่ง ไม่ใช่ทำให้เฉียวกรุ๊ปสูญเสียสิ่งของเงินทองไปมากมาย ไม่อย่างนั้นทำไมคุณปู่ถึงเหนื่อยขนาดนี้ได้ยังไง!"

เฉียวชิวเหมิ่งนั้นรู้สึกโกรธมากจนพูดไม่ออกและใบหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปเป็นสีแดง

“ซุนโหยวเว่ยนั้นสมควรที่จะเป็นลูกศิษย์สายตรงของราชาแห่งการแพทย์ ในอนาคตการรับตำแหน่งนี้ ไม่เพียงแต่ติดเรื่องของเวลาก่อนที่เขาจะเข้ารับตำแหน่งราชาแห่งการแพทย์นี้"

"ครั้งนี้ต้องขอขอบคุณคุณซุนโหย่วเหว่ยด้วยใจจริง ไม่อย่างนั้นพวกเราก็คงไม่รู้จะทํายังไงจริงๆ"

“ใช่ๆ ทักษะทางการแพทย์ของซุนโหยวเว่ยนั้นน่าทึ่งมาก เพียงแต่เขาไม่เหมือนผู้คุมเรือนจำเล็กๆ จากชนบทที่พูดแต่เรื่องไร้สาระ”

ตระกูลเฉียวนั้นเริ่มยกย่องทักษะทางการแพทย์ของซุนโหยวเว่ยจนทำให้เขาพองจนเต็มแทบท้องฟ้า

ท่านผู้เฒ่าเฉียวนั้นลุกขึ้นนั่งและหายใจเข้าลึก ๆ สองสามครั้ง ทันใดนั้นใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนสีไป ทำให้เขารู้สึกว่ากำลังปวดหัวใจ จากนั้นเลือดสีดำพลันพุ่งออกมาเต็มปากจากปากของเขา และเขาก็หมดสติไปบนเก้าอี้ที่นั่งอยู่อีกครั้ง

ฉากนี้ทำให้ทุกคนในตระกูลเฉียวนั้นต่างหวาดกลัว

แม้แต่ซุนโหยวเว่ยก็ยังตกใจ เขารีบเดินไปข้างหน้าเพื่อตรวจสอบ แล้วพบว่าในสถาณการร์นั้นกำลังมีบางอย่างผิดปกติที่เกิดขึ้นกับท่านผู้เฒ่าเฉียว เขารีบใช้เข็มเงินฝังเข็มลงไปบนร่างกายหลายจุด แต่กลับไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ เลย

“อาการของท่านผู้เฒ่าเฉียวค่อนข้างแปลก ผม... ผมจะโทรหาอาจารย์ของผมให้มาหาที่นี่0เดี๋ยวนี้!” ซุนโหยวเว่ยกังวลว่าอาจมีบางอย่างเกิดขึ้น ดังนั้นเขาจึงรีบหยิบโทรศัพท์มือถือกดโทรออกหาซุนชิงเสวียนโดยไม่พูดอะไรสักคำ

หลังจากที่ซุนชิงเสวียนมาถึง เขาก็อดไม่ได้ที่จะแปลกใจ เขาไม่เคยเห็นโรคประหลาดประเภทนี้มาก่อน!

“นี่มันแปลกมาก”ซุนชิงเสวียนขมวดคิ้วและกำลังแมะชีพจรของท่านผู้เฒ่าเฉียวอย่างระมัดระวัง แต่ก็ยากที่จะค้นหาสาเหตุของโรคนั้นพบ

“ท่านอาจารย์ซุน ปู่ของผมนั้นอาการเป็นยังไงบ้าง” เฉียวชิวเหมิ่งถามด้วยความหวาดกลัว

ถ้าหากท่าผู้เฒ่าเฉียวนั้นกำลังประสบปัญหาจริงๆ เช่นเดียวกันกับในสถานการณ์นี้คนในตระกูลเฉียวที่อาจจะตำหนิฉีเติ่งเสียน โดยอ้างว่าฉีเติ่งเสียนนั้นเป็นคนที่ทำให้เขาโกรธแบบนี้

ซุนชิงเสวียนส่ายหน้าแล้วพูดว่า "โรคนี้ไม่มีสามารถรักษาได้ ผมทำอะไรไม่ได้!"

"หะ?!"

ทุกคนในตระกูลเฉียวนั้นต่างพากกันตกตะลึง นี่เป็นโรคร้ายที่แม้แต่ปรมาจารย์ "ราชาแห่งการแพทย์ก็ยังรักษาไม่ได้" ?

ซุนชิงเสวียนได้กล่าวว่า "พวกคุณไม่ต้องกังวล ผมรู้จักคนที่จะมีวิธีรักษาอย่างแน่นอน!"

“ใคร?” เฉียวชิ่วเหมิ่งรีบถามออกมาด้วยความสงสัย

“ปรมาจารย์ฉีที่เป็นนายกหวงนั้นสามารถรักษาได้! ผมกำลังจะเตรียมตัวไหว้แสดงความเคารพเขาในฐานะอาจารย์ เมื่อถึงเวลาเชิญเขามาพบก็ไม่มีปัญหา” ซุนชิงเสวียนพูดออกมาอย่างมั่นใจ

ทักษะทางการแพทย์ของซุนชิงเสวียนนั้นยอดเยี่ยมอยู่แล้ว แต่เขายังคงคิดว่าเขาไม่เก่งเท่าฉีเติ่งเสียน ในสถาการณ์ช่วงเวลาที่เร่งรีบของท่านผู้เฒ่าเฉียว ทำให้เขานึกถึงสาเหตุที่ฉีเติ่งเสียนบอกกล่าวโดยไม่ได้ตั้งใจและเขารู้สึกว่า เขาจะต้องรีบแก้ไขมันได้อย่างแน่นอน!

ซุนโหยวเว่ยรีบบอกว่า "ใช่ๆ อาจารย์ฉีจะสามารถรักษาท่านผู้เฒ่าเฉียวให้หายได้อย่างแน่นอน! เมื่อตออนที่นายกหวงป่วยหนัก ปรมาจารย์ฉีก็รักษาที่บริเวณงที่หน้าอก แล้วผลการรักษานั้นก็หายทันที ”

เมื่อทุกคนได้ยินเช่นนั้นก็พากันขนลุก มันวิเศษขนาดนั้นเลยเหรอ?

ไม่เพียงแต่นึกถึงคําพูดของอาจารย์ทั้งสองคน ถ้าอย่างนี้ปรอาจารย์ฉีคนนี้ต้องมีความพิเศษแน่ ๆที่ไม่เหมือนใคร

“ถ้าอย่างนั้นขออาจารย์ซุนได้โปรดเชิญปรมาจารย์ฉีให้มารักษาปู่ของผมที!” เฉียวชิวเหมิ่งรีบวิงวอน

“อย่ากังวลไปเลย ถึงแม้ว่าท่านผู้เฒ่าเฉียวจะหมดสติ แต่ชีวิตของเขาก็ไม่ควรตกอยู่ในอันตรายแบบนี้ แต่ยิ่งกว่านั้นผมยังไม่ประสบความสำเร็จในการเป็นลูกศิษย์ของปรมาจารย์ฉี เขาอาจไม่เห็นด้วยกับคำพูดของผมด้วย แต่ด้วยอารมณ์ของเขาค่อนข้างจะรุนแรงและแปลกมาก” ซุนชิงเสวียนกล่าว

แม้ว่าเขาจะพบกับฉีเติ่งเสียนเพียงแค่สองครั้ง แต่ซุนชิงเสวยีนก็รู้ดีว่าอีกฝ่ายมีอารมณ์ผิดปกติ ดังนั้นการพูดอย่างบุ่มบ่ามอาจจะไม่มีผลดีอะไร

ซุนชิงเสวียนซวนกล่าวว่า "สามวันต่อมาผมขอให้นายกหวงจัดการประชุมให้ผม ผมจะอยู่ในการประชุมนั้นในฐานะการเป็นลูกศิษย์ หลังจากเมื่อกลายเป็นลูกศิษย์แล้ว ผมก็จะเชิญปรมาจารย์ฉีให้มาแมะชีพจรและรักษาท่านผู้เฒ่าเฉียว!"

“ผมจะจ่ายยาตำหรับนี้และให้พวกคุณป้อนยาแก่ท่านผู้เฒ่าเฉียวตรงเวลาทุกวัน”

ขณะที่พูดซุนชิงเสวียนก็เริ่มสั่งยา

เมื่อทุกคนในตระกูลเฉียวได้ยินสิ่งที่เขาพูด ใจของพวกเขาก็หายวูบไปชั่วขณะ

“ผมไม่ได้คาดหวังว่าจะมีปรมาจารย์ทางการแพทย์ในโลกนี้ที่มีพลังมากกว่าอาจารย์ท่านนี้ได้ นับว่ามันเป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมจริงๆ!”

" บุคคลที่ทําให้ราชาทางการแพทย์ได้รับการยกย่องทางการแพทย์ เขาจะต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญในสาขาการแพทย์ เราต้องประจบสอพลอให้ดี!"

"ใช่แล้ว จึงได้ใช้โอกาสนี้เพื่อผูกมิตรกับปรมาจารย์ฉี ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีที่ได้รับพรจากความโชคร้ายอย่างไม่ต้องสงสัย"

“เรามีนามสกุลฉีเหมือนกัน แต่ทำไมจึงมีช่องว่างขนาดนี้ คนหนึ่งเป็นแพทย์ที่ทำให้ทุกคนอยากกราบไหว้และอีกคนเป็นแพทย์อัจฉริยะที่ทำให้อาจารย์ซุนอยากเป็นลูกศิษย์ของเขา”

ประเทศจีนทั้งประเทศมีประชากรมากกว่าหนึ่งพันล้านคน และอาจมีผู้คนหลายล้านคนที่ใช้นามสกุลฉี ไม่ต้องพูดถึงหลายสิบล้านคน

เมื่อซุนชิงเสวียนพูดไม่มีใครที่จะสามารถเชื่อมโยง "ปรมาจารย์ฉี" เมื่อมากับผู้คุมเรือนจําตัวเล็ก ๆ จากเรือนจําในเมืองหลวง

หลังจากที่ซุนชิงเสวียนเขียนใบสั่งยาเสร็จ ก็พูดว่า "ต้องต้มยาเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงครึ่งทุกวัน หลังจากที่ยาเย็นลงแล้ว โปรดมอบให้ท่านผู้เฒ่าเฉียวดื่ม แล้วเขาจะมีอายุยืนยาวขึ้น"

"เมื่อพิธีการประชุมไหว้ครูของผมเริ่มต้นขึ้น ผมจะเชิญพวกคุณมา ถึงตอนนั้นพวกคุณก็พาท่านผู้เฒ่าเฉียวมาด้วย"

“แม้ว่าพิธีการไหว้ครูของผมนั้นจะล้มเหลว แต่ผมก็ยังสามารถขอความช่วยเหลือจากปรมาจารย์ฉีได้”

“มีคนไข้อยู่ตรงหน้า คุณหมอใจดี เขาก็คงไม่ปฏิเสธไม่ลงหรอก”

ซุนโหยวเว่ยก็เกรงว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้นกับท่านผู้เฒ่าเฉียว ทุกคนในตระกูลเฉียวจะสร้างปัญหาให้เขา ดังนั้นเขาจึงรีบพูดอย่างรวดเร็วว่า "สิ่งที่อาจารย์ของฉันพูดนั้นเป็นเรื่องจริง โดยที่ปรมาจารย์ฉีลงมือทำ แม้ว่าเจ้าแห่งจะนรกจะมาเอาชีวิตเขาแล้ว ท่านผู้เฒ่าเฉียวจะถูกพรากไปไม่ได้ พวกเราทำได้ ทุกคนโปรดมั่นใจได้!”

ทุกคนในตระกูลเฉียวต่างก็พากันพยักหน้า

เฉียวกี๋วเทาก็โค้งคำนับซุนชิงเสวียนแล้วพูดว่า "ขอบคุณอาจารย์ซุน ผมหวังว่าอาจารย์ซุนจะตระหนักคำนึงถึงเรื่องนี้ ตระกูลเฉียวของพวกเรานั้นจะรู้สึกขอบคุณมาก!"

ซุนชิงเสวียนยิ้มและพูดว่า "ไม่ต้องกังวล โปรดวาใจ ผมจะช่วยพวกคุณชักชวนปรมาจารย์ฉีให้มารักษาอย่างแน่นอน"

หลังจากพูดจบแล้วซุนชิงเสวียนก็โบกมือ แล้วเดินออกจากบ้านของตระกูลเฉียวไปพร้อมกับซุนโหยวเว่ย

ฉีเติ่งเสวียนนั้นกำลังเดินกลับไปที่หมู่บ้านคฤหาสน์อวิ๋นติ่งรู้สึกไม่มีความสุขเล็กน้อย และมีความคิดที่จะโทรหาหลี่อวิ๋นหว่านเพื่อพูดคุย

“เอ๊ะ ผมเป็นปีศาจเหรอ ทำไมผมถึงต้องอยากคุยกับผู้หญิงคนนี้ที่ชักจูงฉันให้ชักดาบตอนที่ฉันไม่มีความสุขล่ะ”

"เมื่อก่อนผมไม่มีความสุขแล้ว แต่คิดแค่ว่าจะจับนักโทษจอมซนคนไหนมาแขวนคอแล้วทุบตีแกล้งหยุดลมหายใจเท่านั้นเพื่อคลายความโกรธเท่านั้น..."

"แม้ว่าหน้าอกของเธอจะใหญ่มาก แต่ขาของเธอก็ยาวและเธอก็ดูดี แต่รูปร่างแบบนี้ไม่ดี ไม่ดี! เธอยังคงเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเฉียวชิวเหมิ่ง!"

“อืม...เบอร์โทรศัพท์ของเธอคืออะไร ขาจะยาวแค่ไหนไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือเธอแค่อยากหาคนคุยด้วย”

ฉีเติ่งเสียนกำลังคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขารีบซุกมือถือของเขาเข้าไปในกระเป๋าเสื้อแล้ว และเขาก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาโดยไม่รู้ตัว

"แง่ว--"

ทันใดนั้นก็มีรถสปอร์ตคันเล็กก็หักเลี้ยวไปบนถนนแล้วขวางทางเขาไว้

“ฉีเติ่งเสียนไม่ได้เริ่มที่จะติดต่อผม!” กรจะของหน้าต่างรถเลื่อนลงเผยให้เห็นใบหน้าที่ละเอียดอ่อนผมสั้นที่ดูเท่และอินเทรนด์

“คุณหวง” ฉีเติ่งเสียนยิ้มอย่างสุภาพ “มีอะไรให้ฉันช่วยติดต่อคุณได้ไหม”

หวงฉิงเกอยิ้มและพูดว่า "ถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก็จะไม่สามารถติดต่อคุณได้?"

"คุณคนเดียว?"

“ขึ้นรถเร็วเข้า ฉันจะพาคุณไปดื่ม!”

“คุณช่วยฉันมามากแล้ว และฉันยังไม่ได้ชวนคุณไปดื่มด้วยซ้ำ ฉันอยากจะขอบคุณมาก!”

ฉีเติ่งเสียนคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วนำโทรศัพท์ใส่กลับเข้าไปในกระเป๋าของเขา และเข้าไปในรถของหวงฉิงเกอ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง