มังกรผู้ทรงพลัง นิยาย บท 1207

เป็นอย่างที่คิด ตู้ฉางหมิงผู้รับผิดชอบการประชุมในครั้ง ถูกการทะเลาะวิวาทจนทำให้ตื่นตระหนกไปไกลแล้ว

อย่างไรก็ตาม ถ้ายังไม่เข้าไปจัดการละก็ คนจากศาสนาศักดิ์สิทธิ์กับคนจากศาสนาพุทธจะต้องสู้กันแน่ๆ

คนจากศาสนาพุทธหลายคนต่างก็เป็นวรยุทธ์กันทั้งนั้น ทางด้านศาสนาศักดิ์สิทธิ์ก็มีฉีเติ่งเสียน ถ้ามีเรื่องกันขึ้นมาจริงๆ เกรงว่าจะบาดเจ็บกันถึงขั้นพิการมันจะแย่เอานะ

“ท่านพระอัครสังฆราช โปรดแสดงเคล็ดลับศักดิ์สิทธิ์ของท่านออกมาเถิด ให้พวกพระสงฆ์เหล่านี้รู้แจ้งซะว่าศาสนาศักดิ์สิทธิ์ของพวกเราเก่งกาจขนาดไหน!” พ่อบ้านของศาสนาศักดิ์สิทธิ์คนหนึ่งอดไม่ได้ที่ตะโกนออกมาดังลั่น

ฉีเติ่งเสียนหยิบคทาของตนเองออกมาด้วยสายตาที่เหี้ยมโหดพลางกล่าวว่า “หุบปากไปให้หมด! ไม่งั้นฉันจะให้พวกแกได้ลิ้มรสพลังของคำสาปพิฆาต!”

อย่างไรก็ตามทุกคนก็นับว่าเป็นคนของศาสนากันทั้งนั้น คนไม่น้อยเลยที่มีฝีมืออันเก่งกาจ แต่พอได้เห็นฉีเติ่งเสียนหยิบไม้คทาออกมา เหล่าพระสงฆ์ก็อดไม่ที่จะแสดงความกลัวออกมาทางใบหน้าของตน

“มีข่าวลือว่าท่านพระอัครสังฆราชถือคทาสู้กับศาสนานอกรีตอย่างพวกลัทธิบูชาแดร็กคิวล่าได้ด้วยตัวคนเดียวด้วยล่ะ เขาใช้แค่คำสาปพิฆาตก็เด็ดหัวพวกมันไปได้ตั้งหลายคนแนะ!”

“จริงหรอ? ก่อนหน้านี้ฉันคิดว่าเป็นเรื่องโกหกซะอีก...... คำสาปพิฆาตเนี่ยมันมีจริงหรอ?”

“บางทีมันอาจจะไม่ได้ชื่อนี้แต่แรกก็ได้ แต่ถูกท่านอัครสังฆราชเปลี่ยนมาอีกที คงจะเป็นเวทมนตร์คาถาอะไรสักอย่างในเคล็ดลับศักดิ์สิทธิ์ละมั้ง”

เหล่าผู้คนจากศาสนาศักดิ์สิทธิ์ก็อดไม่ที่จะตื่นเต้นขึ้นมา ในตอนนั้นเองที่ความอาฆาตพยาบาทของฉีเติ่งเสียนได้ลดลงไปมากทีเดียว

ตู้ฉางหมิงที่เดินมาจากระเบียงทางเดินอีกด้านหนึ่งกล่าวออกมาอย่างเย็นชาว่า “พระอัครสังฆราชฉี ท่าจะทำอะไรกันแน่? ทุกคนมาที่นี่เพื่อประชุมหารือเกี่ยวกับการพัฒนากิจการทางศาสนาในอนาคตนะ ไม่ได้มาเพื่อแสดงการต่อสู้กันสักหน่อย!”

ฉีเติ่งเสียนโบกคทาในมือของตนเองไปมาเบาๆ พลางพูดว่า “ฉันก็ไม่ได้มาแสดงการต่อสู้สักหน่อยนี่ อย่างมากก็แค่ใช้เวทมนตร์นิดหน่อย ฉันใช้เวทมนตร์มันจะไปเรียกว่าใช้กำลังต่อสู้ได้ไงจริงไหม?”

มุมปากของตู้ฉางหมิงกระตุกไม่หยุด มารดามันเถอะนี่มันคำแก้ตัวบ้าบออะไรกันเนี่ย? นี่มันเถียงข้างๆ คูๆ ไม่ใช่รึไง?

แต่ฉีเติ่งเสียนเองก็สามารถใช้เวทมนตร์คาถาที่เกี่ยวกับค้อนได้นี่ ไอ้นี่มันโกหกได้หน้าด้านๆ เสียจริง จะอย่างไรก็แล้วแต่ เหล่าผู้คนในศาสนาศักดิ์สิทธิ์แทบจะยกเขาขึ้นหิ้งกันแล้ว ถ้าเขาไม่แสร้งทำเป็นเก่งเช่นนี้ มันไม่เท่ากับว่าเขาไปหักหน้าของพระสันตะปาปาแล้วปล่อยเขาเผยความลับออกมารึไงกัน?

ที่เขาต้องคอยเสแสร้งเช่นนี้ เพราะเขาต้องการที่จะตอบแทนบุญคุณของพระสันตะปาปาด้วยใจจริง เพราะพระสันตะปาปาในใจของเขาท่านก็นับว่าเป็นตาเฒ่า...... ผู้อาวุโสที่น่าเคารพคนหนึ่ง——ต่อให้เขาจะโกหกก็ตาม

“ช่วงนี้มีคนจำนวนมากที่เดินทางมาเที่ยวที่เขาเสวียนหวู่ ห้องพักของโรงแรมก็มีจำนวนจำกัด ใครมาก่อนได้ก่อน ถ้าคุณมาช้าก็อาจจะไม่เหลือห้องดีให้พักแล้ว” ตู้ฉางหมิงกล่าวกับฉีเติ่งเสียนอย่างใจเย็นว่า “ท่านมีฐานะเป็นถึงพระอัครสังฆราช แต่กับกังวลเรื่องที่พักของตัวเองหรูหราหรือไม่หรูหรา ถ้ามีคนแพร่งพรายเรื่องนี้ออกไป ท่านไม่กลัวขายหน้าหรอ?”

ฉีเติ่งเสียนกลับออกไปแย้งว่า “คุณก็รู้ว่าฉันเป็นถึงพระอัครสังฆราช แต่กลับของห้องแบบนี้ให้ฉันงั้นหรอ?”

ตู้ฉางหมิงกลับตอบอย่างเฉยชาว่า “ถ้าท่านเก่งนัก สามารถออกไปหาที่อยู่ข้างนอกเอาเองได้น ผมไม่ได้ห้ามเสียหน่อย!”

ฉีเติ่งเสียนตอบอย่างยิ้มๆ ว่า “ได้!”

ที่เขารอมาตลอดก็คำนี้แหละ จากนั้นก็หันไปบอกกับเหล่านักบวชข้างกายว่า “พี่น้องทั้งหลาย ไป ออกไปอยู่กับฉันเถอะ!”

“เอ่อ...... ทำไมรู้สึกเหมือนว่าเขาเป็นพวกเด็กอันธพาลจากเซียงซานเลยนะ?” พ่อบ้านคนเมื่อกี้อดไม่ได้ที่จะถามออกมาเสียงเบา

“ทุกคนล้วนเป็นบุตรของพระเจ้าผู้ศักดิ์สิทธิ์ เราก็ควรที่จะเป็นพี่น้องกันไม่ใช่รึไง? หรือว่าพวกคุณอยากเป็นพวกศาสนานอกรีตกันล่ะ?” ความสามารถในการได้ยินของฉีเติ่งเสียนจะชักจะโดดเด่นเกินคนทั่วไปเกิดไปแล้ว เขาจึงได้หันกลับมาถามด้วยน้ำเสียงตำหนิติเตียน

ใบหน้าของพ่อบ้านคนนั้นแทบจะเปลี่ยนเป็นสีเขียวด้วยความหวาดกลัว เขารีบส่ายหัวพลางพูดว่า “ท่านอัครสังฆราช ผมไม่ได้มีความคิดเช่นนั้นเลย ท่านพูดถูก เราทุกคนล้วนเป็นบุตรของพระเจ้าผู้ศักดิ์และเป็นพี่น้องกัน!”

ตู้ฉางหมิงส่งเสียงเหอออกมาอย่างเย็นชา ไสหัวออกไปกันให้หมดนั่นแหละดี ช่วยเขาประหยัดเงินไปได้ตั้งเยอะ!

ถึงแม้ว่าใกล้ๆ นี้จะมีโรงแรมห้าดาวอยู่แห่งหนึ่งก็ตาม แต่ราคาของที่นั่นก็แพงมากเหลือเกิน

ถึงแม้ว่าลอร์ดเรียนจะไม่พอใจเท่าไหร่ก็นัก แต่ในเมื่อฉีเติ่งเสียนทำให้เรื่องมันกลายเป็นแบบนี้ไปแล้ว เขาก็ทำได้แค่กัดฟันทนเดินตามพวกเขาไปเท่านั้น ถ้าไม่ทำเช่นนั้นละก็ เขาจะไม่กลายเป็นคนทรยศของศาสนาศักดิ์สิทธิ์รึไงกัน?

หลังจากเดินทางมาถึงโรงแรมที่อยู่ห่างออกมาไม่ไกลมากนัก ฉ๊เติ่งเสียนก็หยิบแบล็กการ์ดที่เขาได้มาจากประธานหวังแห่งหลงเหมินฟิล์มออกมา แล้วตบมันลงบนโต๊ะเสียงดังปังแล้วพูดว่า “หนึ่ง สอง สาม สี่......เอิ่ม ขอห้องที่ดีที่สุดเก้าห้อง แล้วก็ขอห้องเพรสซิเดนท์สูทให้ฉันด้วยอีกห้อง!”

“โอเค อีกสักครู่ฉันจะส่งรูปให้นาย มันต้องมีภาพประกอบ มีรูปภาพเท่ากับเป็นความจริง คนจะได้ว่าอะไรไม่ได้ ถ้าไม่รูปไปเป็นหลักฐานใครเขาจะไปเชื่อ...... เอิ่ม คุณหน้าตาดีมาก”

จากนั้น ฉีเติ่งเสียนก็เซลฟี่หน้าตัวเองก่อนหนึ่งรูป หลังจากนั้นเข้าก็ออกไปหาเหล่านักบวชคนอื่นๆ ถึงห้องเพื่อถ่ายรูปให้พวกเขา

ในฐานะที่เขาเป็นผู้ชายชื่อชื่นชมอัลบั้มรวมภาพของเฉินหยูมานาน เขาย่อมมีการวิจัยเกี่ยวกับการถ่ายภาพที่เด่นไม่เหมือนใคร ภาพที่เขาถ่ายออกมาต่างก็เป็นภาพระดับสูงทั้งนั้น

เมื่อลอร์ดเรียนเห็นฉีเติ่งสียนเข้า เขากลับพูดด้วยสีหน้าเย็นชาว่า “มีอะไร?”

ฉีเติ่งเสียนปิดประตูลง แล้วพูดตอบด้วยรอยยิ้มแห้งว่า “ไม่มีอะไรหรอก ฉันก็แค่จะมาอัดนายสักหน่อยแค่นั้นเอง!”

เมื่อพูดจบ เขาก็ยกเสื้อคลุมสีแดงของลอร์ดเรียน แล้วนำมันขึ้นคลุมหัวของลอร์ดเรียนเอา จากนั้นก็กระหน่ำต่อยและเตะเขาอย่างต่อเนื่อง

“แกเป็นคนเอาความลับไปบอกคนอื่นใช่ไหม?”

“ชอบกอบโกยผลประโยชน์เข้าตัวนักใช่ไหม?”

“ไม่เห็นแก่หน้าพระอัครสังฆราชอย่างฉันใช่ไหม?”

ฉีเติ่งเสียนทุบตีลอร์ดเรียนไม่ยั้ง จากนั้นก็ถีบจนตัวของลอร์ดเรียนพลิกไปกับพื้น จนผ้าคลุมหัวสีแดงเปิดออก จนเห็นว่าเลือดกำเดาของของเขาไหลออกมา

ลอร์ดเรียนพูดด้วยความโกรธว่า “ฉันจะไปรายงานพระสันตะปาปาเรื่องที่นายทำกับฉันแน่!”

ฉีเติ่งเสียนได้ยินเช่นนั้นก็ไม่ได้หายโมโหขึ้นมา จึงเข้าไปเตะเขาอีกครั้ง แล้วพูดว่า “ก็ไปรายงานเลย!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง