ฉีเติ่งเสียนเตรียมออกไปทันที ซึ่งทำให้พระบิดาเฒ่าสับสนเล็กน้อย เขาเพิ่งจะมาถึง ทำไมถึงจะออกไปอีกแล้วล่ะ
ฉีเติ่งเสียนกล่าวว่า “ผมยังมีเรื่องต้องไปทำ ตำแหน่งพระอัครสังฆราชมีงานยุ่งมาก คุณคิดว่ามันง่ายเหรอ!”
พระบิดาเฒ่าครุ่นคิดเรื่องนี้และคิดว่ามันมีเหตุผล เขาจึงพูดว่า “พระอัครสังฆราชดูแลตัวเองด้วย!”
ขณะที่ฉีเติ่งเสียนกำลังจะเดินออกไป เขาก็ชนเข้ากับลูกน้องของเฉียวชิวเมิ่ง
“คุณฉี คุณจะไปไหนครับ กษัตริย์บอกว่าเธอถอนเงินออกมาจำนวนหนึ่งเพื่อต้องการให้คุณเพิ่มโควตาของอัศวินแห่งแสงให้มากขึ้น และให้ผมมาบอกคุณว่าถ้าคุณมาเมื่อไรให้รีบไปพบเธอโดยเร็วที่สุด” ลูกน้องของเฉียวชิวเมิ่งเข้ามาขวางเขาและพูดอย่างสุภาพ
ฉีเติ่งเสียนมีสีหน้านิ่งเฉย เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็กัดฟันกรอด เอาน่า มันเป็นวาสนาไม่ใช่คราวเคราะห์ ถ้าเป็นคราวเคราะห์ก็หลบไม่พ้น!
“ได้ ฉันจะไปพบเธอ” ฉีเติ่งเสียนพูดนิ่งๆ จากนั้นก็หันหลังกลับและเดินเข้าไปในวิหาร
เจียงชิงเย่ว์กำลังคุยกับเฉียวชิวเมิ่งอยู่ตามที่คาดไว้ ทั้งสองนั่งอยู่บนเก้าอี้ คุยกันเรื่องสัพเพเหระ คุยไปหัวเราะไป บรรยากาศดูกลมเกลียวมาก
แต่ฉีเติ่งเสียนกลับเห็นว่าท่าไม่ดีเท่าไร ในเมื่อเกาเม่ยเป็นคนประมาทเลินเล่อ ไม่แน่ว่าเธออาจจะพูดออกมาหมดทุกเรื่อง
แต่นิสัยในตอนนี้ของเฉียวชิวเมิ่งเปลี่ยนไปจากก่อนหน้านี้มากและความคิดของเธอก็ละเอียดอ่อนมากขึ้นด้วย ไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับเมื่อก่อนอีกต่อไป
“อ้าว ฉีเติ่งเสียนมาแล้วเหรอ” หลังจากที่เจียงชิงเย่ว์เห็นแฟนหนุ่มของตัวเอง เธอก็ชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็โบกมือให้เขาด้วยรอยยิ้ม
“เกาเม่ย ไม่ไปถ่ายละครเหรอ ทำไมมาวิหารได้” ฉีเติ่งเสียนถามอย่างช่วยไม่ได้ ในเมื่อจะยืดหัวก็โดนตัด หรือหดหัวก็โดนตัด ยังไงเรื่องมันก็ต้องเกิดไม่ช้าก็เร็ว สู้เผชิญหน้ากับมันเร็วๆ ไปเลยเสียดีกว่า เจ็บสั้นๆ ดีกว่าเจ็บยาวๆ
เจียงชิงเย่ว์ตอบว่า “ฉันปิดกล้องแล้วน่ะ ผู้กำกับหวังเป็นสิงห์ปืนไว นายน่าจะรู้ไม่ใช่เหรอ แล้วฉันก็กังวลเรื่องอาการบาดเจ็บของคุณหนูเฉียว ฉันเลยตั้งใจมาเยี่ยม!”
ความจริงแล้วเจียงชิงเย่ว์เป็นเด็กสาวจิตใจดี ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่ถูกบิดาที่ไร้ความเป็นมนุษย์ควบคุมในตลอดหลายปีที่ผ่านมา เพียงแต่ว่าหญิงสาวคนนี้มักจะสับสนอยู่บ่อยๆ ทำให้คนรู้สึกว่าไอคิวของเธอคงไม่สูงนัก...
หากมองผิวเผิน เธอจะเป็นเทพธิดาผู้เย็นชา แต่จริงๆ แล้วเธอเป็นคนมึนๆ และช่างพูดคนหนึ่ง
เฉียวชิวเมิ่งยิ้มจางๆ และพยักหน้าให้ฉีเติ่งเสียน “คุณหนูเจียงมาคุยเล่นกับฉัน ถือว่าฉันได้คลายเหงาด้วย เธอเล่าเรื่องสนุกๆ ในกองถ่ายให้ฉันฟังตั้งเยอะ ฉันคิดไม่ถึงเลยว่าการเป็นดาราจะลำบากขนาดนี้ แถมยังมีเรื่องน่าสนใจมากมาย...”
“ลำบากแล้วไง หนังเรื่องหนึ่งสร้างรายได้หลายสิบล้านถึงหลายร้อยล้าน ใครจะไม่อยากทำล่ะ” ฉีเติ่งเสียนพูดอย่างดูถูก
ทันใดนั้นความไม่พอใจก็ปรากฏบนใบหน้าของเจียงชิงเย่ว์ “ดูเหมือนว่านายจะไม่ชอบที่ฉันได้ค่าตัวสูงไปสินะ นายไม่พอใจที่ฉันหาเงินได้ใช่ไหม”
“แล้วก็นะ เงินน้อยนิดที่ฉันได้จากการถ่ายละครมันจะไปเทียบอะไรกับนายได้”
“นายแค่จับคนมาขู่ฆ่าก็ได้เงินเก้าหลักมาง่ายๆ แถมนายยังแบ่งให้ฉันแค่ห้าหลักเท่านั้น มันเกินไปจริงๆ!”
ฉีเติ่งเสียนไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ก็เกาเม่ยพูดเองว่าจะเอาห้าหลัก ไม่ใช่ว่าเขาใจดำแล้วให้เธอแค่ห้าหลักสักหน่อย!
เมื่อเห็นทั้งสองเถียงกัน เฉียวชิวเมิ่งก็อดไม่ได้ที่จะก้มหน้าและลอบถอนหายใจเบาๆ สีหน้าของเธอดูเศร้าและสับสน
เธอถึงขั้นเสียใจจนนอนไม่หลับอยู่บ่อยๆ ด้วยซ้ำ
ถึงใครจะพูดว่าในเมื่อทำไปแล้วก็อย่าเสียใจ แต่จะมีสักกี่คนบนโลกนี้ที่ทำได้ง่ายๆ อย่างหวังเสี่ยวโปล่ะ มีใครที่บอกว่าไม่เสียใจแล้วทำได้จริงๆ บ้าง
เห็นได้ชัดว่าเฉียวชิวเมิ่งรู้สึกผิดเพราะเรื่องในอดีต ใจเธอรู้สึกละอายต่อเขา แม้ว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองจะคลุมเครือ แต่ที่สุดแล้วมันก็ต้องคลุมเครือต่อไป
เธอไม่อยากต่อสู้เพื่อสิ่งใด และที่สำคัญเธออายที่จะต่อสู้
ความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนถูกทำให้หายไปอย่างเงียบๆ
ฉีเติ่งเสียนรู้สึกว่าตอนที่อาจารย์จางกับอาจารย์จื่อหยางทำนายดวงชะตาเขา พวกเขาต้องดูผิดแน่ๆ ที่บอกว่าเขามีดวงดาวให้โชคลาภคุ้มครอง เขาสามารถแก้ไขความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนได้ทุกอย่าง ครั้งก่อนที่เรือนจำโยวตู นับได้ว่าเป็นความสัมพันธ์ยุ่งเหยิงที่ถึงชีวิต สุดท้ายหลี่อวิ๋นหว่านก็จับพลัดจับผลูให้หลี่หลงอี้พ่อของเธอส่งกำลังมาโจมตี แถมฉีปู้อวี่ พ่อของเขายังถูกนโยบาย “ฉันต้องการทั้งหมด” ล้างสมองและแสดงพลังอย่างเต็มที่
ถ้าเอาฉากในวันนี้ไปเทียบกับที่เรือนจำโยวตู มันก็ต่างกันราวฟ้ากับเหวและเทียบอะไรไม่ได้เลย
“เฮ้อ ฉันทำเกินไปหรือเปล่านะ ฉันควรคลายปมในใจของเธอ แล้วให้เธอเลือกเองดีไหม” ฉีเติ่งเสียนอดคิดไม่ได้เมื่อมองแผ่นหลังของเฉียวชิวเมิ่ง
“ไม่ ไม่ ไม่ ไม่มากเกินไปหรอก ยังไงซะ ข้างนอกนั่นก็มีพวกชายชั่วมากเกินไป แล้วเธอก็ซื่อบื้อขนาดนี้ ถ้าเธอถูกชายชั่วคนอื่นทำร้ายจะทำยังไง”
ในตอนที่ภาพการกระทำวาบหวิวปรากฏขึ้นในหัวของฉีเติ่งเสียน เขาก็รู้สึกเจ็บที่เอวอย่างแรง เมื่อหันไปมองเขาก็เห็นว่าเจียงชิงเย่ว์กำลังมองเขาด้วยความโกรธเคือง
“มองพอรึยัง! นี่ตัดบัวยังเหลือใยอยู่ใช่ไหม!” เจียงชิงเย่ว์ถามด้วยความโมโห
ฉีเติ่งเสียนรอให้ร่างของเฉียวชิวเมิ่งเดินพ้นมุมไป แล้วเขาก็หันมาและกดท้ายทอยของเธอเพื่อให้เธอก้มหน้าลง ส่วนเขาก็เงยหน้าขึ้นจูบเธอและพูดอย่างอ่อนโยนว่า “ผมมีคุณเป็นแฟนแค่คนเดียว!”
เจียงชิงเย่ว์หน้าแดงด้วยความเขินอย่างแพ้ภัยตัวเอง
เพียงแต่ว่าพระอัครสังฆราชฉีต้องเงยหน้าเพื่อจูบเกาเม่ยที่สวมส้นสูง นี่มันน่าอายจริงๆ...
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง
ตั้งแต่ตอนที่ 217 ถ้าไม่อัพให้เต็มตอนก็คงต้องเลิกอ่านถาวรแล้ว...
อัพอีกวันไหนคะรับ...
ตอนละ6/7บรรทัด อัพใหม่ที...
ข้อความหายอีกแล้วครับ 280-284...
คนอัพไม่ดูเลยเหรอครับมันมาไม่กี่บรรทัดเอง...
ขาดตอนเลยครับ เนื้อหาไม่ครบแบบนี้...
ทำไมแต่ละตอนมันสั้นจัง...
253-264 ทำไมสั้นจังครับ...
ถ้าอัพมาแค่4, 5บรรทัดเลิกอัพเถอะ...
242 - 246 ข้อความขึ้นไม่ครบครับ...