หลังจากร็อบเบนพาคนจากกลุ่มอัศวินศักดิ์สิทธิ์มาถึงก็พบเห็นฉากอันยุ่งเหยิงอดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าเคร่งขรึมออกมา
ร็อบเบนอดที่จะถามไม่ได้ “ใครกันที่ต่อสู้กับพวกเขาในตอนนั้น น่าจะเป็นกลุ่มคนนอกรีตที่แข็งแกร่งมาก”
อีกด้านหนึ่งก็มีคนแปลคำพูดของร็อบเบน
“ฉันเอง” จิ่วเฮิงยกมือขึ้น พูดออกมาอย่างเกียจคร้าน
ร็อบเบนเองก็รู้สึกประหลาดใจเช่นเดียวกันเมื่อเห็นชายวัยกลางคนคนนี้ เขาเพียงแค่รู้สึกว่าคนคนนี้ให้ความรู้สึกเสมือนราชสีห์ สูงส่งและสง่างามแต่ ณ ตอนนี้กลับช่างดูอิดโรย
ร็อบเบนเพียงพยักหน้าน้อยๆแล้วโบกมือขึ้นแล้วพูดว่า “พวกนายแต่ละคนแยกออกไปหาหลักฐานกันก่อน ฉันขอคุยกับคุณชายท่านนี้สักหน่อย”
หลังพูดจบ เขาอดไม่ได้ที่จะมองไปทางฉีเติ่งเสียนและถามว่า“ฝ่าบาท พระองค์ทรงมีพละกำลังอันน่าทึ่ง ทั้งยังมีจิตวิญญาณของอาจารย์ชางซุนซือ เหตุใดถึงโดนพวกนอกรีตขโมยคทาได้เล่า”
“ฉันประมาทเกินไป ทำให้หลบไม่ทันนะสิ!”ฉีเติ่งเสียนถอนหายใจอย่างสิ้นหนทาง
จิ่วเฮิงยื่นไม้กางเขนในมือให้แก่ร็อบเบนหลังเห็นแล้วสีหน้าของเขาพลันเคร่งขรึมแล้วพูดว่า:“นี่เป็นของปลุกเสกของลัทธิบูชาแดร็กคิวล่าจริงๆ อีกทั้งยังเป็นของศิษย์ระดับสูงเท่านั้นที่สามารถเป็นเจ้าของได้!”
ฉีเติ่งเสียนยิ้มน้อยๆ ณ ตอนนี้ศิษย์คนแรกขอทายว่าคงยังถูกแขวนอยู่ในห้องมืดเล็กๆอยู่เป็นแน่
รอจนกลุ่มอัศวินศักดิ์สิทธิ์เดินวนไปแล้วหนึ่งรอบ ร็อบเบนถึงเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก:“เยเลน่า ลาเต๋อกัง พวกนายเจออะไรไหม”
ทางด้านลาเต๋อกังส่ายหัวไปมา เยเลน่ากลับวิ่งออกมาในมือนั้นถือหลอดทดลองเล็กๆหลอดหนึ่ง
เยเลน่าพูดด้วยท่าทีจริงจัง “หัวหน้า ฉันใช้วัตถุศักดิ์สิทธิ์ตรวจจับดูแล้ว ที่นี่ยังคงมีกลิ่นอายชั่วร้ายของลัทธิเทพอเวจีอยู่!”
ฉีเติ่งเสียนก็ไม่รู้ว่าเยเลน่าใช้วัตถุศักดิ์สิทธิ์ใดตรวจสอบ เพียงแต่หลังจากได้ยิน ใจของเขากลับเบิกบานนัก
ดีนี่ พวกนายค้นเจอเองแล้ว งั้นคงไม่ต้องให้พี่ชายคนนี้นำทางพวกนายไปพบมันแล้วล่ะ!
หลังจากได้ยินคำว่า“ลัทธินรก”สี่คำนี้ ร็อบเบนอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ จากนั้นขมวดคิ้วมุ่นแล้วพูดว่า : “ลัทธิเทพอเวจี? หลังจากเดเร็กหัวหน้าลัทธิเทพอเวจีหายตัวไป ลูกน้องของเขาหลายคนต่างถูกฆ่าด้วยการยิงหัวนิกายนอกรีตนี้ก็ล่มสลาย.......”
“ตอนนี้ลัทธิเทพอเวจีกับลัทธิบูชาแดร็กคิวล่ากลับร่วมมือกันแล้ว? พวกมันลงมือพร้อมกันเพื่อแย่งชิงไม้คทา”
ฉีเติ่งเสียนพูดขึ้น:“พวกมันน่าจะมาจากทั้งสองลัทธิ คนหนึ่งอาจเป็นคนของลัทธิเทพอเวจี และอีกคนอาจเป็นคนของลัทธิบูชาแดร็กคิวล่า”
จิ่วเฮิงไม่ทราบชื่อจริงของเจ่จือ ดังนั้นเขาจึงพูดว่า:“พวกมันมีทั้งหมดสามคน มีพวกนอกรีตอยู่คนหนึ่งระดับพลังแข็งแกร่งมาก แม้แต่ผมก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้”
หลังจากได้ฟังร็อบเบนก็ไม่ได้สนใจนัก พูดอย่างใจเย็นว่า:“พวกนอกรีตเหล่านี้นั้นล้วนสามารถรับพลังบางอย่างที่มิใช่ของตนเอง
ดังนั้นไม่น่าแปลกใจเลยที่พวกมันจะมีพลังอำนาจมากขนาดนี้”
หลังพูดจบร็อบเบนจึงพูดว่า:“ในเมื่อลัทธินอกรีตสองลัทธินี้ร่วมมือกัน เรื่องนี้จึงค่อนข้างยุ่งยากเสียแล้ว ต้องรีบแจ้งแก่ พระสันตะปาปา!”
ลาเต๋อกังหันหลังไปอีกทาง รายงานต่อพระสันตะปาปาเกี่ยวกับสถานการณ์ของกลุ่มอัศวินศักดิ์สิทธิ์ที่ได้พบเจอ
“ดูท่าไม้คทาคงถูกขโมยไปโดยพวกนอกรีตจริงๆ เจ้าหน้าที่เมืองหัวกั๋วของคุณคงค้นพบเบาะแสบางอย่างแล้ว ไม่เช่นนั้นล่ะก็ การเกิดเพลิงไหม้ในโบสถ์แห่งหนึ่งในเมืองจิงเต่า พวกเขาคงไม่ส่งทหารไปสอบสวน” ร็อบเบนพูดกับฉีเติ่งเสียน
“เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว ครั้งนี้ต้องโทษฉันที่ประมาทเกินไป ไม่งั้นพวกมันคงไม่มีโอกาส” ฉีเติ่งเสียนพูดออกมาพร้อมถอนหายใจ ดูโศกเศร้าใจแทบสลาย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง
ตั้งแต่ตอนที่ 217 ถ้าไม่อัพให้เต็มตอนก็คงต้องเลิกอ่านถาวรแล้ว...
อัพอีกวันไหนคะรับ...
ตอนละ6/7บรรทัด อัพใหม่ที...
ข้อความหายอีกแล้วครับ 280-284...
คนอัพไม่ดูเลยเหรอครับมันมาไม่กี่บรรทัดเอง...
ขาดตอนเลยครับ เนื้อหาไม่ครบแบบนี้...
ทำไมแต่ละตอนมันสั้นจัง...
253-264 ทำไมสั้นจังครับ...
ถ้าอัพมาแค่4, 5บรรทัดเลิกอัพเถอะ...
242 - 246 ข้อความขึ้นไม่ครบครับ...