มังกรผู้ทรงพลัง นิยาย บท 1346

อวี้เสี่ยวหลงมองไปที่ร็อบเบนแล้วพูดว่า : “หัวหน้าหลัวหากมีสิ่งใดต้องการให้พวกเราให้ความร่วมมือ สามารถบอกมาได้เลยนะคะขอเพียงไม่เกินความสามารถ”

ร็อบเบนพยักหน้าแล้วพูดว่า : “ลำบากท่านนายพลอวี้แล้ว เรื่องหลังจากนี้ก็มอบให้เรากลุ่มอัศวินศักดิ์สิทธิ์จัดการให้แทนเถอะ”

อวี้เสี่ยวหลงกล่าวว่า : “ฉันก็ไม่ได้อยากจะยุ่งเรื่องยุ่งยากพวกนี้หรอกนะ เพียงแต่เรื่องผิดกฎหมายเช่นนี้กลับมาเกิดขึ้นในประเทศของเรา”

จากการพูดคุยกันระหว่างร็อบเบนและอวี้เสี่ยวหลงนั้นก็ทำให้ร็อบเบนสามารถกำหนดทิศทางในการสืบหาได้ชัดขึ้น

ส่วนคนที่ได้วางเหยื่อล่อไว้อย่างฉีเติ่งเสียนนั้น แน่นอนว่าย่อมสามารถใช้แผนนี้ตรวจสอบได้ถึงความไม่ไว้วางใจในตัวผู้นำซึ่งก็คือตนเองได้จากการสืบสวนครั้งนี้

หลี่อวิ๋นหว่านในฐานะคนรู้ใจแล้วนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะพูดกับฉีเติ่งสียนว่า : “ดูท่าทุกคนภายในศาสนจักรของนายจะยังคงระแวดระวังนายอยู่ใช่ไหม หรือเป็นเพราะนิสัยที่ไม่ดีของนายหรือเปล่า”

ฉีเติ่งเสียนกลับพูดขึ้นมาว่า : “ไร้สาระน่า! พวกเขาเคยไปหัวกั๋วไหม พวกเขาเคยเห็นสภาพแวดล้อมที่ฉันได้สร้างออกมาไหม พวกเขาเคยเห็นความสุขของเหล่าผู้ศรัทธาเหล่านี้ไหม? พวกเขาเคยไปงานชุมนุมศาสนาหรือไม่เล่า ? ”

“หากเขาเคยมายังที่นี่จริงๆหรือพวกชนกลุ่มน้อยเหล่านั้นได้มาอยู่ภายใต้การปกครองของฉันละก็.....ฉันเชื่อว่า ทุกคนล้วนจะต้องอิจฉา! ในยุคนี้จงเป็นผู้ศรัทธาภายใต้การปกครองของฉันพระอัครสังฆราชฉี”

ในความเป็นจริงแล้วนั้นเหตุผลที่ร็อบเบนได้สงสัยในตัวของฉีเติ่งเสียนนั้น เป็นเพราะเขาได้รับการเตือนจากสมเด็จพระสันตะปาปา

อย่างไรก็ตาม ฉีเติ่งเสียนนั้นมักชอบใช้วิธีการนอกคอกโยนใส่หัวของผู้อื่น

ครั้งนี้ที่โดนขโมยคทาไปก็ย่อมสมเหตุสมผลที่เขาจะหวาดระแวง

แต่ในครั้งนี้นั้นฉีเติ่งสียนถือว่าจัดการได้อย่างหมดจดยิ่งนัก ทุกคนในเหตุการณ์ล้วนเป็นพยานว่าในวันนั้นดื่มมากเกินไป อีกทั้งนี่ก็เป็นความเคลื่อนไหวของพวกลัทธินอกรีตจริงๆ

แม้ว่า เจ่จือนักฆ่าหั่นแขนขาคนนี้จะไม่เชื่อในเทพเจ้าแห่งอเวจีอีกต่อไป แต่ครั้งหนึ่งเขาก็เคยเป็นผู้นำของลัทธิเทพอเวจีเบาะแสบางส่วนที่ทิ้งไว้ทำให้เป็นเรื่องง่ายสำหรับอัศวินศักดิ์สิทธิ์ที่จะตัดสินว่านี่คือฝีมือของลัทธิเทพอเวจี

“ใช่ไหมล่ะ โดยเฉพาะเศรษฐีพวกนั้นที่เก็บเกี่ยวผลประโยชน์แล้วเสร็จก็แทบส่งมาให้ถึงหน้าประตู ! ” หลี่อวิ๋นหว่านฟังคำโอ้อวดของฉีเติ่งเสียนแล้วอดไม่ได้ที่จะตอบรับพร้อมหัวเราะเยาะ

ถูกหลี่อวิ๋นหว่านเยาะเย้ยเช่นนี้ทำให้ฉีเติ่งเสียนจนใจ คนอะไรนี่กลับมารื้อสะพานเขาเสียได้!

ทันใดนั้น สีหน้าของหลี่อวิ๋นหว่านพลันเปลี่ยนเป็นเย็นชา เธอเอื้อมมือไปคว้าหูของฉีเติ่งเสียนและถามด้วยเสียงดุร้าย : "วันนั้นที่ชวนทุกคนมาดื่มเหล้า ไม่ใช่ว่าปูทางไว้เพื่อทำเรื่องอื่นใช่ไหม?!"

ฉีเติ่งเสียนพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง : “ฟ้าดินเป็นพยาน ฉันทำไปเพื่อเรื่องนี้เท่านั้น เหตุการณ์เหนือความคาดหมายเหล่านั้นมันเพียงแค่ฉันดื่มเยอะเกินไปจริงๆนะ ยังไงก็ตามเถอะพวกผู้ชายเวลาเมาขึ้นมาแล้วก็ยากที่จะหลบเลี่ยงความคิดที่แปลกๆ มันเป็นสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ ”

หลี่อวิ๋นหว่านอยากจะสับเขาสักทีสองทีแต่ก็ไร้หนทาง สำหรับเรื่องเหลวไหลพวกนี้เธอทำได้เพียงแต่โทษว่าเพราะดื่มมากเกินไปเท่านั้น

ฉีเติ่งเสียนรู้สึกว่า ณ เวลานั้นพึ่งผ่านเหตุการณ์เฉียดตายมาเสียแล้วแต่ไม่สำคัญอีกแล้ววันที่ขื่นขมได้ผ่านไปแล้ว วันที่หวานชื่นก็มาถึงเสียที

เมื่อเห็นว่าหลี่อวิ๋นหว่านต้องการคิดบัญชีย้อนหลัง ฉีเติ่งเสียนจึงทำได้เพียงใช้ความฉลาดอันแสนเจ้าเลห์นี้ ในที่สุดเขาก็หลบเลี่ยงอันตรายจากการถูกสับเป็นชิ้นๆได้แล้ว และอีกนัยหนึ่งเขาก็ทำให้หลี่อวิ๋นหว่านสับสนได้แล้ว

เมื่อเขากำลังจะก้าวเข้าไป สายจากร็อบเบนมาช่างได้ไม่ถูกจังหวะเสียเลยทำให้ฉีเติ่งเสียนไม่สบอารมณ์อย่างมาก

ช่างเถอะ โทรศัพท์จากหัวหน้ายังไงก็ต้องรับสาย ยังไงซะคนเขาก็อุตสาเดินทางมาไกลถึงเมืองจิงเต่าเพื่อช่วยคลี่คลายคดีอย่างไรก็ต้องให้ความเคารพสักนิด

“องค์มหาวิหารอวตาร ตอนนี้ฝ่าบาทได้เสด็จมาอย่างลับๆถึงเมืองจิงเต่าแล้ว” ร็อบเบนกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก : “ท่านโปรดตามผมมาทันทีเพื่อไปรับเสด็จฝ่าบาทด้วย”

ฉีเติ่งเสียนพอได้ฟังแล้ว ตาแก่......ฝ่าบาทมาแล้วหรอ งั้นก็ควรไปรับเสด็จอย่างเชื่อฟังดีกว่าไม่งั้นละก็หลังจากนี้ไม่อยากจะคิดว่ายังจะได้รับน้ำศักดิ์สิทธิ์ในอนาคตอีกหรือไม่

ฉีเติ่งเสียนจัดการตัวเองให้เรียบร้อย จากนั้นก็หาเสื้อคลุมนักบวชสีแดงแล้วสวมใส่มันเตรียมพร้อมออกไปรวมตัวกับร็อบเบนเพื่อไปรับเสด็จสมเด็จพระสันตะปาปา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง