หลังจากที่ฉีเติ่งเสียนได้เจอกับหลีต้าฟู่พวกเขาก็ได้รับไปหาฉีหยุนเฟิงทันที
เขาอยากที่จะปรึกษาหารือกับฉีหยุนเฟิง เกี่ยวกับเรื่องราวของวันพรุ่งนี้เพื่อที่จะใช้โอกาสนี้แนะนำเฮ่อตั่วเหลียนให้ได้เข้ารับตำแหน่ง
ในความเป็นจริงแล้ว เขาต้องมาพูดคุยกับฉีหยุนเฟิงให้ละเอียด ถ้าหากไม่มาในครั้งนี้ ฉีหยุนเฟิงก็อาจจะลงมือตามแผนการของวันพรุ่งนี้
แต่ทว่า จะดีกว่าหากมีความระมัดระวังและได้มาพูดคุยกันให้ชัดเจนในแต่ละขั้นตอนอย่างละเอียด อย่างน้องเพื่อที่จะได้ให้ฉีหยุนเฟิงได้เตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อม
ตอนนี้ตระกูลฉี ไม่ได้พึ่งพาอะไรตระกูลจ้าวแล้ว เมื่อจะทำอะไรก็ไม่ต้องเป็นกังวลอีกต่อไป
ฉีเติ่งเสียนก็รีบไปที่คลับแห่งหนึ่งเพื่อไปพบกับฉีหยุนเฟิงที่สนามกอล์ฟ แต่ที่ทำให้เขารู้สึกแปลกใจมากนั้นคือสวีเอ้าเสวี่ยก็อยู่ที่นั่นด้วยเช่นกัน
วันนี้สวีเอ้าเสวี่ยได้สวมเสื้อเชิ้ตโปโลรัดรูปที่ส่วนบนแขนยาวสีเขียว ด้านล่างสวมเป็นกระโปรงจีบสีขาวและได้สวมรองเท้าผ้าใบกีฬาสีขาว ทำให้เธอดูเด็กและเท่มากราวกับเป็นนักกีฬา
และเธอก็ยังได้สวมหมวกกันแดดอยู่บนศีรษะของเธอ ผมยาวสลวยนั้นได้รวบเป็นหางม้าไว้ด้านหลัง ในมือนั้นได้ถือไม้กอล์ฟไว้เพื่อที่จะกำลังตีลูกบอลออกไป
"ฝีมือการเล่นกอล์ฟของคุณสวีนี่ดีมากจริงๆ เมื่อเทียบกับฉันที่เป็นนักกอล์ฟเล่นกอล์ฟมามากกว่าสิบปีซะอีก"ฉีหยุนเฟิงได้กล่าวชมขึ้นมา
"ก็แน่สิ คนของบ้านฉันทุกคนเล่นเก่งหมด!"ฉีเติ่งเสียนได้เดินเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้มที่ภาคภูมิใจ
สวีเอ้าเสวี่ยได้สะดุ้งตกใจเป็นอย่างมากและตอนนั้นเธอก็ได้เหวี่ยงไม้กอล์ฟลงไปกระทบกับลูกกอล์ฟจนมีเสียงดังป๊อก ลูกกอล์ฟนั้นก็ได้ลอยออกไปไกลเป็นพันพันเมตร......
"ฉีเติ่งเสียน นายเป็นผีหรือยังไง!" สวีเอ้าเสวี่ยอดไม่ได้ที่จะโมโห จากนั้นก็ได้โยนไม่กอล์ฟที่อยู่ในมือลงไปที่พื้น
ฉีหยุนเฟิงได้มองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยความประหลาดใจที่สวีเอ้าเสวี่ยที่พูดคุยเกี่ยวกับธุรกิจกับเขาด้วยบุคคลิกที่ดูสงบนิ่งเมื่อสักครู่นี้ แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะรู้สึกอารมณ์เสียทันทีที่ได้เห็นลูกพี่ลูกน้องของตัวเอง แค่เหตุการณ์เมื่อกี๊ตอนนี้ได้เปลี่ยนไปขนาดนี้เลยหรอ? นี่เป็นเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงจริงๆ!
จากนั้นเขาก็ได้รู้สึกเห็นด้วยกับฉีเติ่งเสียนที่พูดว่าเขามีวิธีจัดการกับสวีเอ้าเสวี่ย นี่มันไม่ได้เป็นแค่การคุยโมโอ้อวด แต่มันเป็นแบบนั้นจริงๆ!
ฉีเติ่งเสียน ได้หยิบไม้กอล์ฟขึ้นมาแล้วพูดออกมาว่า:"นี่ฉันชมเธอชัดๆนะ เธอไม่ซาบซึ่งหรอ? ไม่เข้าใจเอซะจริงๆ!"
ใบหน้าของสวีเอ้าเสวี่ยได้แสดงสีหน้าที่ไม่พึงพอใจอย่างยิ่ง จากนั้นเธอก็ได้พูดขึ้นว่า:"ใครของให้นายมาชมฉัน นายคิดว่าจะมีสักคนไหมที่สนใจเสียงหมาเห่า?"
ฉีหยุนเฟิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาแล้วพูดว่า:"น้องชาย ฉันเหมือนว่าฉันจะรู้นะว่านายมาหาฉันด้วยเรื่องอะไร"
"อ๊ะ?"ฉีเติ่งเสียนถามขึ้น
"เมื่อสักครู่หลานอวี่ก็พึ่งมาหาฉัน มาพูดคุยเรื่องบางเรื่องกับฉัน ฉันคิดว่า พรุ่งนี้นายจะต้องก่อเรื่องอะไรแน่ๆใช่ไหม? " ฉีหยุนเฟิงถามขึ้น
ฉีเติ่งเสียนได้พยักหน้าตอบและพูดขึ้นว่า:"ใช่"
สวีเอ้าเสวี่ยยิ้มเยาะเย้ยแล้วพูดขึ้นว่า:"ไอ้หมาขโมย นายจะก่อเรื่องอะไรอีก? ไม้เท้าที่ขโมยไปก็สร้างความวุ่นวายไปทั่วเมืองแล้ว แม้แต่พระเจ้ายังต้องตกใจกับสิ่งนี้ ถ้าหากยังหาไม้เท้าไม่เจอฉันว่านายคงกินไม่ได้ทำได้แค่เดินวนไปรอบๆ
ฉีเติ่งเสียนพูดออกมาด้วยความแปลกใจ:"คิดไม่ถึงเลยว่าคนรักเก่าจะเป็นห่วงเขาถึงขนาดนี้ เรื่องพวกนี้คุณก็รู้หมดเลย"
สวีเอ้าเสวี่ยได้โกรธมากแล้วพูดขึ้นว่า:"นี่ใครสนใจนายกันห๊ะ! นี่ก็เป็นเพราะว่าเรื่องดีๆไม่มีออกมา มีแต่เรื่องแย่ๆแพร่กระจายไปทั่วต่างหาก!"
ฉีเติ่งเสียนพูดขึ้น:"เห็นได้ชัดว่าเธอเป็นห่วงฉัน พูดออกมาตรงๆก็ได้ ไม่มีใครหัวเราะเธอหรอก พวกเรานั้นเป็นเป็นพันธมิตรตัดยางต่อกันนะ!"
ฉีหยุนเฟิงไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูดจริงๆ แค่การกรีดยางนั้นเป็นเพียงธุรกิจที่ฉีเติ่งเสียนและสวีเอ้าเสวี่ย เคยทำธุรกิจสวนยางพาราร่วมกันมาที่หนานหยาง
สวีเอ้าเสวี่ยโกรธเกลียดมากจนเธอนั้นอยากรีบลุกขึ้นแล้วพุ่งเข้ามาบีบคอพวกที่ชอบพูดเรื่องไรสาระแบบนี้ แต่ท้ายที่สุดนั้นเธอคิดว่าตัวเองคงทำอะไรมากไม่ได้ ทำได้เพียงนั่งลงข้างๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง
ตั้งแต่ตอนที่ 217 ถ้าไม่อัพให้เต็มตอนก็คงต้องเลิกอ่านถาวรแล้ว...
อัพอีกวันไหนคะรับ...
ตอนละ6/7บรรทัด อัพใหม่ที...
ข้อความหายอีกแล้วครับ 280-284...
คนอัพไม่ดูเลยเหรอครับมันมาไม่กี่บรรทัดเอง...
ขาดตอนเลยครับ เนื้อหาไม่ครบแบบนี้...
ทำไมแต่ละตอนมันสั้นจัง...
253-264 ทำไมสั้นจังครับ...
ถ้าอัพมาแค่4, 5บรรทัดเลิกอัพเถอะ...
242 - 246 ข้อความขึ้นไม่ครบครับ...