มังกรผู้ทรงพลัง นิยาย บท 1385

ฉีเติ่งเสียนติดต่อฮิลด์ตามคำแนะนำที่หลานอวี่บอก แม้ว่าหลานอวี่จะถูกตบหน้า แต่ไพ่เด็ดของตระกูลรอธไชล์ดนั้นยังไม่สามารถจะทิ้งมันไปได้

โดนทุบตี ก็ต้องทนกล้ำกลืนฝืนไว้

ทว่าหลังจากที่เย่จีสงโทรไป ฮิลด์ก็วางไปในทันที แล้วได้โทรไปอีกรอบจากนั้นก็ถูกบล็อกไป

ชัดเจนว่าฮิลด์ถูกฉีเติ่งเสียนหลอก แล้วคิดว่าเขาถูกหลานอวี่นั้นเป็นพวกเดียวกันกับเขา......

ส่วนตระกูลเย่ ฮิลด์คิดว่าตระกูลนี้เป็นพวกโง่ ขนาดหลานอวี่หักหลังพวกเขาก็ยังไม่รู้ ได้แต่รอเวลาตายอย่างเดียว!

หมอก็ไม่สามารถช่วยตระกูลเย่ได้ เงินห้าพันล้านดอลลาร์ก็ไม่พอ!

แต่วันนี้พระอัครสังฆราชฉีนั้นพอใจอย่างมาก หลังจากที่กลับไปแล้วก็โอนค่าแรงให้กับปรมาจารย์จางไปสิบล้านดอลลาร์

เขานั้นสถานะเป็นถึงปรมาจารย์สวรรค์จึงสมควรกับเงินส่วนนี้แล้ว เงินก้อนนี้นั้นเขาสามารถทาสีรูปปั้นเทพเจ้าของลัทธิเต๋าด้วยทองคำเลยด้วยซ้ำ

หลังจากโอนเงินแล้ว ฉีเติ่งเสียนก็เลื่อนดูข่าว มีพาดหัวข่าวว่า “ปรมาจารย์ลัทธิเต๋าถูกยึดบ้าน”

เขาตกตะลึง นี่คงจะไม่ใช่ปรมาจารย์จางหรอกนะ?จึงกดเข้าไปดูแล้วเห็นว่านี่มันคือปรมาจารย์จางจริงๆ ด้วย?

ในวิดีโอนั้น ปรมาจารย์จางได้ยืนตะโกนด่าทออยู่หน้าที่ขายตั๋ว พูดแต่คำสาปแช่ง แล้วแทบทุกคำมีคำว่าแม่งผสมอยู่

ด้านล่างมีเหล่าคนมาคอมเมนต์ว่า “ผู้สูงส่งจากลัทธิเต๋าช่างมีศีลธรรมจริงๆ 666” “ปรมาจารย์สวรรค์ลงเขาไปแสวงบุญสองปีครึ่ง แต่กลับโดนยึดบ้านไป”

ฉีเติ่งเสียนคาดว่าที่ปรมาจารย์จางโดนยึคบ้านั้น น่าจะเกี่ยวกับที่เขาแสดงออกถึงความสัมพันธ์ในงานชุมนุมศาสนา เดิมทีเขาวางแผนจะร่วมมือกับคนระดับสูงและศาสนาพุทธในการทำให้ฉีเติ่งเสียนนั้นต้องอับอาย ทำให้คนศาสนาศักดิ์สิทธิ์นั้นมีปัญหา

แต่ฉีเติ่งเสียนนั้นเป็นสายลับสองหน้าระดับสูง ในมือเขามีตราประทับจิตรจุลนาคาของบรรพาจารย์ อย่างนั้นก็หมดหนทางที่จะไปตบหน้าฉีเติ่งเสียน ไม่อย่างนั้นคงเป็นการทำผิดต่อบรรพาจารย์แล้ว?

ดังนั้น ปรมาจารย์จางจึงทำได้แค่รักษาทัศนคติที่จะนิ่งเฉย เหล่านักพรตเต๋าที่มาร่วมงานต่างก็วางเฉย มองดูฉีเติ่งเสียนตบหน้าเหล่าคนจากศาสนาพุทธ

หากปรมาจารย์จางไม่ให้ร่วมมือ เบื้องบนก็ไม่พอใจแน่นอน นี่คงจะเป็นหลังจากที่เขาได้ออกจากภูเขาเสวียนอู่ก็ได้ยึดบ้านเขาไป ทำให้ปรมาจารย์สวรรค์ผู้ยิ่งใหญ่ต้องมาซื้อตั๋วเพื่อเข้าบ้านตัวเอง ช่างน่าหัวเราะเยาะจริงๆ

แต่ยังดีที่คนพวกนั้นรู้ถึงความหนักเบา ไม่กล้าที่จะไปลงมือกับภูเขาเสวียนอู่โดยตรง เพียงแค่ยึดอารามเล็กๆ เพื่อเป็นการเตือนเท่านั้น

จากนั้นฉีเติ่งเสียนก็ปิดข่าวลง เขาอดไม่ได้ที่จะขำ จากนั้นก็ผงกศีรษะ เจ้าพวกโง่เหล่านี้ช่างกล้านัก กล้าที่จะไปยึดบ้านของปรมาจารย์สวรรค์ ไม่กลัวว่าปรมาจารย์จางจะใช้วิชาเต๋ากับพวกเขาหรือ?ควรทราบว่าปรมาจารย์จางเพิ่งจะสังหารหมอผีสองคนในจิงเต่าไป อย่าคิดว่าเป็นนักพรตแล้วจะฆ่าคนไม่ได้ ดูคนที่นั่งบนโซฟานี่สิ ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับศาสนาพุทธเลย แต่เขานั้นฆ่าคนได้เก่งกว่าไปท่องพระธรรมคำสอนเยอะ

ในขณะที่กำลังพูด ฉีเติ่งเสียนก็ได้ยินเสียงคนพูดคุยกัน หนึ่งในนั้นคือหยางกวนกวน

“หลี่เหอถู!” หลังจากฉีเติ่งเสียนได้ยินเสียงก็รู้ทันทีว่าเป็นใคร

เหตุผลที่เขาประทับใจประธานสมาคมหลี่ก็เพราะสามารถด่าคนได้โดยไม่ต้องใช้คำหยาบ เขานั้นคืออัจฉริยะอย่างแท้จริง เรื่องนี้ตัวเองนั้นยังต้องศึกษาจากเอาอีกเยอะ

สุดท้ายฉีเติ่งเสียนนั้นเป็นคนหยาบ ต้องทำให้ได้แบบประธานสมาคมหลี่ถึงจะใช้ได้

ตอนนั้นเอง จิ่วเฮิงก็ได้ลืมตาขึ้นแล้วพลิกตัวขึ้นนั่ง แล้วพูดอย่างโมโหว่า “เจ้านักพรตเต๋าไร้จรรยาบรรณการต่อสู้ มาสู้กับฉันอีกซักสามร้อยรอบเถอะ!”

“……” ฉีเติ่งเสียนถึงกับหมดคำพูด “เจ้านักพรตเต๋ากลับมาบ้านแล้ว แต่บ้านดันถูกยึดไป”

ที่ปรมาจารย์จางเอาชนะจิ่วเฮิงได้ก็เพราะเขาโชคดี อีกทั้งเขาได้ดื่มน้ำศักดิ์สิทธิ์ไปหนึ่งหลอด ไม่อย่างนั้นเข้าคงถูกจิ่วเฮิงทุบตีจนหมดรูปแน่นอน

หลี่เหอถูรับชามาแล้วกล่าวขอบคุณ จากนั้นก็พูดกับฉีเติ่งเสียนว่า “คุณไปที่ไหนล้วนมีแต่เรื่องจริงๆ!ที่จิงเต่าช่วงนี้มีชีวิตชีวาขึ้นมั๊ย”

ฉีเติ่งเสียนเพิ่งมาจิงเต่าได้ไม่นาน สถานการณ์ในจิงเต่าก็เปลี่ยนไปราวกับพลิกฟ้าท้าดิน

ตระกูลเฮ่อที่ระส่ำระสายก็ตกอยู่ในกำมือของเขา ตระกูลฉีก็กลับไปแทงข้างหลังตระกูลจ้าวอย่างน่าประหลาดใจ......

“ฉันอยากอยู่อย่างสงบสุข แต่ระยะทางไปสู่เป้าหมายนั้นยังอีกยาวไกล” ฉีเติ่งเสียนยักไหล่แล้วพูดขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

ผ่านไปไม่นาน เฮ่อตั่วเหลียนก็มาถึง ทั้งยังพาไป๋หลิ่วและพ่อครัวมาสองคน

หลี่เหอถูเห็นไป๋หลิ่วที่ใส่แว่นดำ ก็ตกใจไม่น้อย จากนั้นพูดด้วยความประหลาดใจว่า “ผู้นี้คืออาจารย์ไป๋ พลังหางนกกระจอก?”

หลังจากที่ไป๋หลิ่วได้ยินเช่นนั้น ก็ประสานมือให้กับหลี่เหอถูพร้อมกับพูด “ประธานหลี่มีความทรงจำที่ดีมาก พบกันเมื่อหลายปีก่อนแต่ยังจำฉันได้ อย่างไรก็ตาม นามพลังหางนกกระจอก นั้นได้กลายเป็นอดีตไปแล้ว”

หยางกวนกวนกล่าว “ฉันอยากรับอาจารย์ไป๋มาเป็นที่ปรึกษา แล้วก็จะให้สั่งสอนลูกศิษย์ในการทำครัว แล้วก็ทานอาหารกันที่นี่เลย อย่างนี้จะสะดวกกว่า”

ฉีเติ่งเสียนพยักหน้า ไป๋หลิ่วถึงจะตาบอดไปแล้ว แต่พื้นฐานวิชาต่อสู้ก็ยังคงอยู่ จึงไม่มีปัญหาในการชี้แนะผู้อื่น

พูดแล้วในบรรดาคนที่ถูกเขาทำให้พิการไปอย่าง ไป๋หลิ่ว เย่เฉิง จานซิง เย่เฟย นั้น มีเพียงไป๋หลิ่วที่ใช้ชีวิตเปิดกว้างที่สุด

หลังจากไป๋หลิ่วได้ทักทายเหล่าคนเสร็จแล้ว ก็พาลูกศิษย์สองคนเข้าไปในครัว จากนั้นก็ให้คำแนะนำในการทำอาหาร

“โลกนี้ช่างเต็มไปด้วยเรื่องน่าประหลาดใจจริงๆ” หลังจากที่ฉีเติ่งเสียนพูดเสร็จก็หัวเราะขึ้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง