มังกรผู้ทรงพลัง นิยาย บท 1386

“เติมนมข้นจืดหนึ่งช้อนโต๊ะ……”

“กลิ่นหอมก็ตีขึ้นมาเลย?”

“เติมน้ำมันงาไปเล็กน้อย กินแล้วฟองออกปากแน่นอนเลยพี่น้อง!”

ฉี่เติ่งเสียนขยับหูเล็กน้อยก็ได้ยินเสียงไป๋หลิ่วที่ดังออกมาจากห้องครัว ทำให้เขาตัวสั่นอย่างหยุดไม่ได้

ให้หยางกวนกวนรับรองหลี่เหอถู ส่วนเขานั้นถึงกับต้องวิ่งไปดูที่ห้องครัว

เมื่อถึงครัวแล้ว ก็เห็นไป๋หลิ่วนั่งอยู่บนเก้าอี้ ชี้แนะลูกศิษย์ทั้งสองให้ผัดอาหารอยู่

“อาจารย์ฉี มีอะไรหรือ?” ไป๋หลิ่วถามพร้อมกับรอยยิ้มมุมปาก

“ไม่มีอะไร แค่สงสัยว่าอาจารย์ไป๋ทำอาหารรสเลิศออกมาได้อย่างไรกัน ดังนั้นจึงมาดูด้วยความอยากรู้” ฉี่เติ่งเสียนพูดพร้อมกับยิ้มเล็กน้อย

แน่นอนว่าเขาไม่สามารถพูดได้ว่าเขากลัวว่าไป๋หลิ่วจะทำอะไรกับนมข้นจืดแล้วทำให้เขาฟองออกปาก เขายังคงต้องสงวนท่าทีของตัวเองไว้

หลังจากที่ไป๋หลิ่วได้ยินเช่นนั้น รอยยิ้มบนหน้าก็กว้างขึ้นไปอีก แน่นอนว่าเธอนั้นไม่ได้ใส่ยาพิษอะไรลงไป ที่พูดเมื่อซักครู่ก็แค่อยากให้ฉี่เติ่งเสียนผวาขึ้นมาเฉยๆ

ตาสองข้างของเธอนั้นเป็นฉี่เติ่งเสียนที่ทำให้บอดไป แต่ในใจกลับไม่ได้แค้นเคือง พูดไปก็คงไม่มีใครเชื่อ

แม้ว่าฉี่เติ่งเสียนจะช่วยชีวิตเธอไว้ แต่มันคนละกรณีกัน เวลาที่ควรตอบแทนก็ต้องตอบแทนให้เหมาะสม

“ในเมื่ออาจารย์ฉีได้เห็นแล้ว รบกวนออกไปรอซักครู่ อีกไม่นานอาหารก็เสร็จแล้ว” ไป๋หลิ่วพูด

“อืม ได้เลย!” ฉี่เติ่งเสียนตอบรับแล้วก็หมุนตัวเดินออกมา

หลังจากที่ฉี่เติ่งเสียนเดินออกมาได้ไม่กี่ก้าว ก็ได้ยินไป๋หลิ่วพูดเบาๆ ว่า “ใส่สารเร่งเนื้อแดงอีกหน่อย แต่อย่าใส่เยอะ ไม่งั้นจะ……”

ฉี่เติ่งเสียนได้ยินเช่นนั้นก็อดตัวสั่นไม่ได้ รีบหมุนตัวกลับมาดู

ไป๋หลิ่วรีบปิดปากเงียบ พ่อครัวสองคนก็กำลังยุ่งอยู่กับการผัดอาหาร บนโต๊ะไม่มีสิ่งผิดปกติอะไร

“โอ้ว ไป๋หลิ่วคงไม่แค้นฉันจนถึงขั้นจงใจวางยาฉันหรอกมั๊ง?ทำไมพอเข้ามาก็เงียบอีกแล้วก็ไม่เห็นจะมีอะไร?” ฉี่เติ่งเสียนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเขินอาย

ดังคำที่ว่าอาหารนั้นคือสิ่งสำคัญของผู้คน และความปลอดภัยของอาหารนั้นสำคัญกว่าทุกสิ่งโดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่มะเร็งนั้นเพิ่มขึ้นและคนเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวนั้นเกิดขึ้นกับคนอายุน้อยลงเรื่อยๆ

ถึงเขาจะไม่สามารถกินอาหารพิเศษแบบคนอื่นๆ แต่ในตอนที่เลือกวัตถุดิบนั้นก็ควรที่จะระมัดระวัง?

ไป๋หลิ่วถาม “อาจารย์ฉีทำไมมาอีกแล้วล่ะ?ไม่เชื่อถือในฝีมือการทำอาหารของฉันเหรอ?ทำอย่างกับไม่เคยกิน”

ฉี่เติ่งเสียนหัวเราะขึ้นแล้วพูด “ช่วงนี้อยากเรียนทำอาหารพอดี ดังนั้นจึงอยากมาดูให้เยอะๆ อย่าใส่ใจเลย”

ไป๋หลิ่วกล่าว “อย่างนั้นฉันก็ยินดี หรือไม่อย่างนั้นคุณก็มาเป็นลูกศิษย์ฉันสิ!”

ฉี่เติ่งเสียนทำได้แค่ยิ้ม เขากับไป๋หลิ่วนั้นมีบุญคุณความแค้นต่อกัน ดังนั้นแน่นอนว่าจะไม่ไว้วางใจสิ่งที่เขาได้ยินแล้วออกไปดื่มชาอย่างสบายใจได้

ฉี่เติ่งเสียนจะคอยคุมให้ไป๋หลิ่วกับคนอื่นๆ ทำอาหารจนเสร็จ สำหรับจานสุดท้ายเป็นเมนูที่หยางกวนกวนสั่งมาโดยเฉพาะก็คือไก่ตุ๋นสองปีครึ่งต้มกับปลาหมึกสด

รอจนเมนูสุดท้ายทำเสร็จแล้วก็ไม่เห็นว่ามีปัญหาอะไร ฉี่เติ่งเสียนจึงถอนหายใจด้วยความโล่งใจออกมา

เขาก็ยังเข้าใจความคิดของไป๋หลิ่วที่ต้องการจะทำให้เขานั้นเป็นกังวลขึ้นมา

ฉี่เติ่งเสียนทำได้เพียงดูไป๋หลิ่วแต่ถึงมองออกแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ถ้าบอกว่ามองออกเธอก็คงไม่ยอมรับ อีกทั้งยังอาจจะทำให้เขาดูเหมือนคนใจแคบ

สุดท้ายแล้วเขาก็เป็นคนทำเธอตาบอด แต่เธอกลับยังสามารถมีอารมณ์ขัน มันไม่มีอะไรที่ล้ำเส้นเกินไปหรอก?

“เอ๋ หวงชงล่ะ?ทำไมไม่เห็นเจ้านั่นเลย?” ฉี่เติ่งเสียนกลับมาที่ห้องโถงแล้วถามขึ้น

“หลังจากที่เสร็จธุระเเล้ว เขาก็บอกว่าจะไปวัดเพื่อขอพร” หยางกวนกวนกล่าว

ฉี่เติ่งเสียนตะลึงแล้วกล่าว “ทำไมเขาถึงไปวัดเพื่อขอพรล่ะ?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง