มังกรผู้ทรงพลัง นิยาย บท 1388

ข่าวที่ได้รับจากหลี่เหอถูนั้นไม่ได้ผิดไปจากที่ฉีเติ่งเสียนได้คาดไว้

อยากให้หลงเหมินสนับสนุนหยางกวนกวนเปิดสำนักในจิงเต่า รวบรวมคนจากยุทธภพทางใต้นั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ

หากฉีเติ่งเสียนไม่ได้หาเรื่องให้หลงเหมินเยอะขนาดนั้นก็ยังพอคุยกันได้......แต่ก่อนหน้านี้ฉีปู้อวี่เพิ่งจะไปหาเรื่องหอพระจันทร์เต็มดวงมา ทั้งยังฆ่าคนไปด้วย ทุกคนต่างรู้สึกไม่ดีกับทั้งสองพ่อลูกเพิ่มขึ้นไปอีก

ฉีเติ่งเสียนไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องพวกนี้ พระสันตะปาปายังอยู่ที่จิงเต่า แม้ว่าจะเพิ่งมีเรื่องคทาที่เพิ่งจบไป แต่อย่างน้อยก็ต้องส่งเทพท่านนี้กลับก่อน！

เขาอยู่ที่จิงเต่านั้น พระอัครสังฆราชฉีย่อมมีแรงกดดันที่สูงมาก

อย่างน้อย ทุกวันก็ต้องหาเวลามาที่มหาวิหารจิงเต่าทำให้ตัวเองดูมีงานการทำ เพื่อหลีกเลี่ยงที่จะถูกพระสันตะปาปาจัดการ

ยังดีที่พระสันตะปาปาไม่ได้อยากอยู่ที่จิงเต่านาน กำลังเตรียมที่จะเดินทางกลับแล้ว

ฉีเติ่งเสียนถอนหายใจด้วยความโล่งอกที่ท่านจะไปแล้ว

“พระอัครสังฆราชฉี ครั้งนี้คุณก่อเรื่องใหญ่ไว้จริงๆ ทำเอาซะปั่นป่วนวุ่นวายไปหมด แต่ยังดีที่เรื่องจบไปแล้ว ฉันไม่อยากต้องมาเจอหรือได้ยินอะไรแบบนี้อีก เข้าใจมั๊ย？” พระสันตะปาปามองฉีเติ่งเสียนแล้วพูดเตือน

ถ้าหากเป็นคนอื่นที่พูดกับฉีเติ่งเสียนด้วยน้ำเสียงเช่นนี้ เขาต้องต่อยกลับไปแล้ว แต่ทำยังไงได้ พระสันตะปาปาเป็นหัวหน้าใหญ่ ซึ่งยังคงต้องให้เขามาคุ้มหัวอยู่

จากนั้นฉีเติ่งเสียนก็ผงกศีรษะ กล่าวว่า “พระองค์ ฉันเข้าใจแล้ว ฉันจะต้องระวังมากขึ้นและพยายามไม่ให้ถูกเอาเปรียบได้！”

แม้ว่าจะไม่มีหลักฐาน แต่พระสันตะปาปาก็รู้ว่าเรื่องที่จิงเต่านั้นฉีเติ่งเสียนล้วนแต่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย

ท้ายที่สุดแล้ววิชาต่อสู้ของคนคนนี้นั้นน่ากลัวอย่างยิ่ง จะมาถูกพวกนอกรีตขโมยคทาไปง่ายๆ ได้อย่างไร？แม้ว่าจะบอกว่าเมาก็ยังฟังไม่ขึ้นอยู่ดี！

ภาษาชาวเน็ตที่ว่า “ถ้าไม่มีหลักฐานก็อย่ามาพูดไร้สาระ” พระสันตะปาปาไม่มีหลักฐานจึงไม่สามารถพูดอะไรได้

ยิ่งไปกว่านั้น ในครั้งนี้นั้นได้รายได้มามหาศาล เงินกว่าสี่พันล้านดอลลาร์ คิดไปคิดมาแค่พึ่งเจ้าฉีเติ่งเสียนนี่ พระสันตะปาปาเองก็ได้เงินมาไม่น้อยกว่าร้อยล้านดอลลาร์

ถึงจะเป็นเศรษฐีจากยุโรปเองก็ตาม ก็ไม่สามารถหาเงินได้เยอะขนาดนี้！

แค่มองในจุดนี้ พระสันตะปาปาก็จะต้องคอยคุ้มครองคนที่เป็น......แหล่งรายได้ของตัวเองได้ อีกทั้งยังสามารถมาเป็นน้องชายคนเล็กของท่านเลยด้วยซ้ำ！

“เยเลน่า ลาเต๋อกัง คุณทั้งสองคนรออยู่ก่อน” พระสันตะปาปามองอัศวินศักดิ์สิทธิ์ เลือกสองคนในหมู่คนเหล่านี้ที่ฉีเติ่งเสียนคุ้นเคย

อัศวินศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองนับถือฉีเติ่งเสียนที่บรรลุ “เคล็ดลับศักดิ์สิทธิ์” พระสันตะปาปาตั้งแต่แรกก็ไม่ชอบคนทั้งสองแล้ว พอดีได้โอกาสทิ้งพวกเขาไว้ที่จิงเต่า

เพื่อเลี่ยงที่จะถูกทั้งสองคนนี้รบเร้าจะขอเรียนเคล็ดลับศักดิ์สิทธิ์จนท่าต้องปวดหัว

ทั้งเยเลน่าและลาเต๋อกัง สองคนนี้ได้ยินเช่นนั้นก็ไม่ได้เศร้าใจ แต่กลับดีใจแทน “ตามประสงค์ของฝ่าบาท！”

พระสันตะปาปาพูด “ฉันให้พระอัครสังฆราชฉีจัดตั้งกลุ่มอัศวินแห่งแสง เพื่อที่จะปกป้องศาสนาของเราในภาคใต้ พวกคุณทั้งสองต้องช่วยพระอัครสังฆราชฉีในการฝึกกลุ่มอัศวินแห่งแสงให้สามารถมาทำภารกิจศาสนาของเราได้”

ฉีเติ่งเสียนได้ยินเช่นนั้น นีมันไม่ใช่การตั้งกรรมธิการการเมืองหรอกเหรอ......

เห็นได้ชัดว่า แม้พระสันตะปาปาจะคุ้มครองฉีเติ่งเสียนก็จริง แต่ก็ยังไม่ไว้วางใจกลัวว่าเขาจะก่อเรื่องใหญ่ขึ้นมาอีก

เรื่องครั้งที่แล้วที่สมาคมหัวเมิ่นยังพอรับได้ แต่ในครั้งนี้ถึงขั้นลากตระกูลรอธไชล์ดมายุ่งด้วย หากทำพลาดอาจจะทำให้ทวีปยุโรปนั้นสั่นสะเทือนเลยทีเดียว！

การที่ทิ้งเยเลน่าและลาเต๋อกังสองคนไว้ที่จิงเต่า ทางหนึ่งก็เพื่อตัดความรำคาญของพระสันตะปาปาเอง อีกทางหนึ่งคือเป็นการคอยสอดส่องฉีเติ่งเสียน เลี่ยงไม่ให้เขาก่อเรื่องขึ้นแล้วจะทำให้พระสันตะปาปาตกที่นั่งลำบาก

“เข้าใจแล้วฝ่าบาท！พวกเราจะตั้งใจทำงาน ช่วยเหลือพระอัครสังฆราชฉีฝึกกลุ่มอัศวินแห่งแสง” เยเลน่าและลาเต๋อกังนำมือทาบอกแสดงความเคารพ

เยเลน่าเป็นคนประเทศเสวี่ย ตัวสูงขายาวผิวขาวหน้าตาดี ดูแล้วพอใช้ได้

แต่ลาเต๋อกังนั้นฉีเติ่งเสียนชื่นชมไม่ลงจริงๆ เขาดูเหมือนกับลูกผสมจากทวีปดำ ผิวสีคล้ำ หากเขาอยู่ข้างกาย กัปตันคงจะไม่ยินยอมที่จะทำธุรกิจกับเขาแน่

รอจนพระสันตะปาปาไปจนพ้นตาแล้ว ฉีเติ่งเสียนก็เปิดกล่องหนังออก แล้วหยิบขวดน้ำศักดิ์สิทธิ์ออกมา

หลังจากที่หยิบออกมาแล้ว ฉีเติ่งเสียนรู้สึกว่ามีอะไรไม่ถูกต้อง แล้วรีบเปิดขวดชิมไปหนึ่งอึก

หลังจากที่ได้ชิมไป ก็ได้กลิ่นหม้อเหล็กอย่างชัดเจน

“เห้ย！”

เขาโกรธจนพ่น “น้ำศักดิ์สิทธิ์” ในปากออกมา จากนั้นก็โยนหลอดที่หยิบมาชิมทิ้งไป

“แม่งเอ๊ย โดนหลอกเข้าจนได้！นี่มันน้ำล้างหม้อชัดๆ！！！” ฉีเติ่งเสียนอดไม่ได้ที่จะกรีดร้องออกมาจนตาแดงก่ำ

สิบเท้ายังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง

กรรมตามสนองเข้าจนได้

จนถึงตอนนี้เขาถึงได้เข้าใจว่าทำไมพระสันตะปาปาถึงได้รีบขึ้นเครื่องบินไป ถึงค่อยบอกให้ร็อบเบนเอากล่องหนังให้เขา เพื่อที่จะไม่ให้เข้ารู้ว่าโดนหลอก

เยเลน่าและลาเต๋อกังสองคนนี้อดไม่ได้ที่จะมองหน้ากัน แต่ยังดีที่ฉีเติ่งเสียนนั้นไม่ได้สบถเป็นภาษาต่างประเทศ

“พระอัครสังฆราช เมื่อซักครู่ท่านพูดอะไรหรือ？” เยเลน่าถามด้วยความสงสัย

“ฉันพูดว่าฟ้าผ่า หยาดฝนและน้ำค้างล้วนเป็นประสงค์ของพระองค์ พระสันตะปาปากลับใช้น้ำล้างหม้อมาหลอกกันได้……มาทุบตีฉันสิ ฉันควรขอบคุณในความเมตตาของท่าน” แต่ฉีเติ่งเสียนกลับพูดไม่ออก

เขาไม่อยากจะพูดเรื่องนี้อีก สุดท้ายราชาแห่งความเจ้าเล่ห์กลับถูกหลอกเงินไปกว่าสามสิบล้าน ช่างเป็นการเหยียดหยามเสียจริง！

เขาให้คนทั้งสองตามตัวเองมา แล้วไปที่มหาวิหารจิงเต่าเพื่อตั้งหลักก่อน