มังกรผู้ทรงพลัง นิยาย บท 1406

การผ่าตัดของหวงชงนั้นยังไม่จบลง เพียงแต่หมอได้ออกมาบอกอาการของเด็กคนนี้ให้กับฉีเติ่งเสียนและคนอื่นๆที่รออยู่ทราบเสียก่อน และเด็กคนนี้นั้นช่างโชคดียิ่งนัก

เพราะเขาได้สวมจี้โลหะเจ้าแม่กวนอินเอาไว้ ขึงทำให้กระสุนนั้นหยุดอยู่แค่ด้านบนจี้เท่านั้น ซึ่งถึงแม้ว่ากระสุนจะเจาะทะลุเข้าไปในจี้ก็ตามแต่ แต่นั้นก็ทำให้ช่วยชะลอความเร็วและความแรงของกระสุนลงไปอย่างมาก ถ้าไม่งั้นกระสุนนี้อาจจะยิงเข้าไปทะลุหัวใจจนระเบิดไม่เหลือชิ้นดีเลยก็ได้

ฉีเติ่งเสียนและหยางกวนกวนที่ได้ยินเช่นนั้น พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจ

ให้ตายเถอะ นี่มันคือการต่อสู้ระหว่างพระพุทธเจ้ากับพระเจ้าแห่งลัทธิเต๋าหรือไงกัน?

ปรมาจารย์แห่งเขาเสวียนหวู่ได้ทำนายดวงชะตาให้กับหวงชุน เด็กหนุ่มจึงไม่รีรอที่จะไปสักการะและบริจาคเงินและซื้อธูปที่วัด

แต่ยังไงเสีย เด็กหนุ่มก็ยังต้องเจอกับหายนะที่นองเลือดนี้จริงๆ แต่สิ่งที่ช่วยชีวิตเขาไว้ก็คือจี้โลหะเจ้าแม่กวนอิมงั้นหรอ...

“ไม่ว่ายังไง ถ้าเขาปลอดภัยก็ดีแล้ว!” เฮ่อตั่วเหียนที่ได้ยินเช่นนั้น ก็พนมมือและพูดอย่างนั้นซ้ำ ๆ

ฉีเติ่งเสียนนำมือตบเข้าไปที่บนศีรษะของเธอ และพูดด้วยความไม่พอใจ "ท่าทางของคุณนั้นไม่เคารพตำแหน่งสองเท่าของผมเอาซะเลย!"

เฮ่อตั่วเหลียนรีบเอื้อมมือไปแตะหว่างคิ้วของตัวเอง ทำเครื่องหมายกางเขนแล้วพูดว่า: "ขอพระเจ้าจงคุ้มครอง อาเมน!"

หยางกวนกวนยกมือข้างหนึ่งแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เข้มขึ้น "คำอวยพรของพระเจ้าช่างล้มเหลือ!"

ในตอนนี้คนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสที่สุดอย่างหวงชุนก็ปลอดภัยแล้ว ส่วนปรมาจารย์อีก 6 คนก็ได้พ้นขีดอันตรายแล้วเช่นกัน ซึ่งเหล่าแพทย์นั้นก็ได้พยายามกันอย่างสุดความสามารถ

ในปัจจุบันนี้คำที่กล่าวว่า "หมอขายเนื้อ" ไม่เกินจริงเลย และยังมีนางฟ้าในชุดขาวที่เสียสละและให้ความดูแลความใส่ใจกับเหล่าผู้ป่วยอย่างสุดความสามารถ สามารถพูดได้เลยว่าแพทย์ในจิงเต่ามีความเป็นมืออาชีพและดีกว่าโรงพยาบาลอ้ายคังเล็กๆ อะไรนั้นร้อยเท่าพันเท่า

จ้านเฟยและคนอื่น ๆ ก็พากันทยอยมาที่โรงพยาบาลเช่นกัน และเมื่อเห็นว่าหยางกวนกวนกับเฮ่อตั่วเหลียนก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกันนั้น สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที

“ขอโทษจริงๆ วันนี้ทุกอย่างมันเป็นความผิดที่มาจากผมเอง ผมไม่น่าลากอาจารย์จ้านซ้อมเป็นเพื่อนเลย ไม่งั้นเรื่องมันคงไม่กลายเป็นแบบนี้” จิ่วเฮิงกล่าวคำขอโทษออกมาอย่างความสำนึกผิดด้วยใจจริง

แต่ยังไงสุดท้ายแล้ว อาจารย์จ้านเฟยที่อยู่ตรงนั้นในฐานะผู้คุมสูงสุด ก็ควรต้องรับมือกับเหตุสุดวิสัยและคนที่ก่อเรื่องให้ได้ แต่จิ่วเฮิงที่ดันลากเขาเป็นคู่ซ้อม แถมยังมีการต่อสู้ลงไม้ลงมือจริงๆ ทำให้ทั้งสองฝ่ายมีความขัดแย้งชุลมุนวุ่นวายเกิดขึ้น

จ้านเฟยได้รับบาดเจ็บมากกว่าเขา แต่เขาเองก็ได้รับบาดเจ็บเหมือนกัน ซึ่งทำให้ทั้งสองคนไม่ได้ไปเข้างานเลี้ยงคืนนี้

ฉีเติ่งเสียนถอนหายใจออกมาและกล่าวขึ้น "ผมจะไม่โทษใคร เรื่องนี้ถือว่าเป็นความผิดของผม ผมเองก็ไม่ได้นำคำพูดของอาจารย์จางเทียนกลับมาคิด เพราะนึกว่าเหตุการณ์นองเลือดที่อาจารย์จางเทียนกล่าวถึงมันจะไม่ได้รุนแรงอะไร แต่คิดไม่ถึงเลยว่ามันจะอันตรายถึงชีวิต...และที่ยิ่งไปกว่านั้น เหตุการณ์นี้ได้คร่าชีวิตไปถึงสามชีวิต”

คงต้องขอบคุณที่หวงชุนที่เขาไปบริจาคเงินซื้อธูปและรับจี้โลหะเจ้าแม่กวนอิมจากวัดมา ไม่งั้นชะตาชีวิตของคงจบลงที่วันนี้จริงๆ

แต่ท่ามกลางความมืดมิด ก็ย่อมมีแสงสว่าง!

“ผู้เฒ่าจางนี่สุดยอดมาก สามารถมองเห็นได้ว่าจะมีเหตุการณ์หายนะนองเลือดนี้เกิดขึ้น แต่ก็ไม่รู้ว่าจะแก้ไขและทำให้มันไม่เกิดขึ้นด้วยวิธีไหน” จิ่วเฮิงพูดอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นัก เขาเคยให้อาจารย์จางเทียนช่วยจัดการกับมันครั้งหนึ่ง ในใจของเขาตอนนี้เต็มไปด้วยความขุ่นเคืองใจ

ฉีเติ่งเสียนตอบกลับ "เรื่องนี้อย่าเพิ่งบอกให้หนานเชียนรู้ รอให้หวงชุนจะดีขึ้นกว่านี้ก่อนค่อยบอก จะได้ไม่ต้องกังวลอะไรมากนัก"

หยางกวนกวนพยักหน้าเห็นด้วย เธอก็คิดแบบนั้นเช่นกัน

หมาป่าโลภกล่าว "ผมได้ให้หลานโยวใช้เส้นสายแกตามหาหลินถิงปู้แล้ว แต่ตอนนี้ยังหาไม่เจอ"

ฉีเติ่งเสียนกล่าว "คนๆนี้เป็นคนของเหยียนมู่หลง ถ้าหากเธอต้องการปกป้องคนของเธอ จะหาเจอง่ายๆได้ยังไง แต่ถึงแม้ว่าถ้าเธอจะไม่ส่งมอบมันออกมาก็ไม่เป็นไร เราแค่ฆ่าเธอซะ เพราะยังไงหลินถิงปู้ก็เป็นคนของเธอ!"

“ฝั่งเราสูญเสียชีวิตไปถึงสามชีวิต เพราะฉะนั้นเราก็จะเอาสามชีวิตจากพวกมันหมือนกัน”

“จะขาดไปแม้แต่ชีวิตเดียวก็ไม่ได้!”

ในขณะที่ฉีเติ่งเสียนพูดนั้น แววตาและรัศมีรอบๆตัวของเขานั้นเต็มไปด้วยความอำมหิตแทบจะฆ่าคนได้ และด้วยคำพูดที่หนักแน่นของเขา แม้แต่หมาป่าโลภก็ยังอดที่จะรู้สึกเดือดดาดขึ้นมาไม่ได้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง