“ฉันเคยเจอกับเฉินหยวนเป่ยแล้ว ถ้าหากเป็นไปตามที่เราคิด เขามาเพื่อบอกคุณว่ามีบุญคุณความแค้นกับท่านนายพลเหยียน”
หลี่เหอถูเอ่ยปากพูดความจริงเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ พร้อมกับตักเตือนว่า “ครั้งนี้สมาคมหงมีผู้มากฝีมือมาหลายคน เกรงว่าผู้มากฝีมือเกือบครึ่งต่างก็มาหมดแล้ว!”
เมื่อฉีเติ่งเสียนได้ยินแล้ว อดไม่ได้ที่จะตกใจเล็กน้อย แล้วหยิบแอปเปิ้ลที่ปอกเปลือกแล้วกินเข้าไปหนึ่งคำพูดว่า “อี๋ ลุงสวี่ก็มาด้วยเหรอ ”
สวี่ฉางเกอยิ้ม แล้วพูดว่า “ประธานหลี่กลัวว่าเขาจะกล่อมคุณไม่ได้ ก็เลยให้ผมพูดกับคุณครับ”
ฉีเติ่งเสียนคร่ำครวญ หลังจากนั้นชี้ไปที่หยางกวนกวนที่นอนป่วยอยู่บนเตียง พร้อมกับพูดว่า “เห็นแล้วใช่ไหม บาดเจ็บจนกลายเป็นแบบนี้”
หลี่เหอถูส่ายหน้า พูดว่า “ความหมายของผมหมายถึง ถ้าประนีประนอมกันได้ก็ทำ ไม่จำเป็นต้องทำให้สถานการณ์มันตึงเครียด ถ้าหากเป็นเช่นนี้ ทุกคนจะมองหน้ากันติดได้อย่างไร อีกทั้งยังทำให้เกิดความเสียหายด้วย”
สวี่ฉางเกอพูด “ครั้งนี้ผู้มากฝีมือของพวกเขามากันมากมายจริง ๆ ซึ่งในนั้นมีสองสามคนที่ทำให้ผมรู้สึกว่าฝีมือช่างลึกล้ำจริง ๆ ! ผมคิดว่าความจริงใจและท่าทางของพวกเขา ถ้าหากมีมากพอล่ะก็ น่าจะเจรจากันได้นะครับ ”
ฉีเติ่งเสียนยิ้มพูดว่า “ถ้าหากว่าพวกเขาจริงใจกันจริง ๆ ล่ะก็ ผู้มากฝีมือมากกว่าครึ่งคงไม่มากันมากขนาดนี้หรอก”
“ไม่ไม่ไม่ ถึงอย่างไรคุณก็เป็นผู้มากฝีมากยอดเยี่ยมขนาดนี้ อีกทั้งฝีมือยังร้ายกาจมาเสมอ เขาให้ความสำคัญกับคุณถึงได้เรียกคนมาเยอะขนาดนี้ ” ลี่เหอถู ปฏิเสธความคิดของฉีติ่งเสียน
เมื่อได้ฟังหลี่เหอถูอธิบายมากมายขนาดนี้ ฉีเติ่งเสียนรู้สึกว่าคำพูดเหล่านี้ก็มีเหตุผล
“ถ้างั้นลองคุยก่อนก็ได้ ไม่สำเร็จค่อยว่ากัน ! ” ฉีเติ่งเสียนยิ้มและพูดอย่างไม่ใส่ใจ
ทัศนคติของเขาในการไม่ไยดีต่อเจ้าชายและการวางตัวต่อนายพลไม่ใช่สิ่งที่เขาสามารถสร้างขึ้นมาแบบสุ่มๆ ได้ แต่เป็นพลังอำนาจที่เหมือนว่าไม่มีอยู่จริง ถึงอย่างไรหมัดของเขาก็แข็งเกินไปอยู่ดี
สวี่ฉางเกอพูด “หากเจราจาได้พยายามอย่าลงมือนะครับ ผู้มากฝีมือของพวกเขาเยอะมากจริง ๆ พวกเราไม่สามารถสนับสนุนคุณได้ ถ้าหากว่าลงมือจริง ๆ ล่ะก็ สำหรับคุณแล้ว ไม่ง่ายเลย ! ”
ฉีเติ่งเสียนพูดว่า “ลุงสวี่วางใจเถอะ ผมก็ไม่ได้เป็นคนที่เต็มไปด้วยความปะทะ แตะนิดแตะหน่อยก็ปะทะเลยอะไรแบบนั้น หากพวกเขาเต็มใจที่จะเจรจาด้วยเงื่อนไขที่สมเหตุสมผล แน่นอนว่าผมจะไม่ไร้เหตุผล”
หลี่เหอถูพูดว่า “ถ้างั้นคุณเตรียมตัวได้เลยเ เก้าโมงเช้าวันมะรืน ไปดื่มชาตอนเช้าที่หมู่บ้านชิงเฟิงกัน”
เมื่อพูดจบ สวี่ฉางเกอและหลี่เหอถูทั้งสองได้ออกจากโรงพยาบาลไป แต่ฉีเติ่งเสียนกลับตกอยู่ในสภาวะแห่งความเงียบงัน
เขาไม่ได้เป็นกังวลความปลอดภัยของตนเองหรือว่าอะไร แต่กำลังครุ่นคิดเรื่องบางเรื่องอยู่
เมื่อถึงตอนเช้าของวันที่สอง ฉีเติ่งเสียนถึงได้ออกจากโรงพยาบาล และไปที่ห้องโถงศิลปะการต่อสู้ทันที
จ้านเฟยกำลังรำไทเก๊กอย่างช้า ๆ เมื่อเขาเห็นฉีเติ่งเสียนมา ก็รีบยกมือคำนับทันทีแล้วพูดว่า “ท่านฉีเติ่งเสียน”
ฉีเติ่งเสียนพูดว่า “สถานการณ์ในห้องโถงศิลปะการต่อสู้เป็นอย่างไรบ้าง”
“อารมณ์ไม่ค่อยสู้ดีเท่าไหร่ เป็นไปทางลบมากกว่า ถ้ายังไม่ออกกฎที่เหมาะสม จิตใจของคนอาจจะฟุ้งซ่านได้ ” จ้านเฟยพูดอย่างครุ่นคิด
“ไม่ต้องรีบ พรุ่งนี้ก็จะมีกฎแล้ว ! ” เมื่อฉีเติ่งเสียนได้ยินก็พยักหน้า เพราะว่าสิ่งเหล่านี้เป็นไปตามที่เขาคาดไว้
ห้องโถงศิลปะการต่อสู้ถึงอย่างไรทางนี้ก็มีคนตาย อีกทั้งยังมีคนบาดเจ็บตั้งมากมาย ถ้าหากว่าไม่ทำให้มันกลับมาดีขึ้นล่ะก็ ใครจะยอมเข้ามาที่ห้องโถงศิลปะการต่อสู้นี้อีกล่ะ ห้องโถงศิลปะการต่อสู้แห่งนี้จะต่างจากสิ่งไร้ประโยชน์อย่างไรงั้นเหรอ ตอนนี้ยังว่าง ไม่สู้ผลักฝ่ามือกันสักหน่อยดีกว่า “ฉีเติ่งเสียนชวนเชิญจ้านเฟย”
“ก็ดีนะ !” จ้านเฟยเอ่ยปากรับคำ
ทั้งสองยืนตรงข้ามกัน จากนั้นประสานแขนเข้าด้วยกัน และเริ่มผลักไปมา สำหรับปรมาจารย์เช่นพวกเขามีคำอธิบายและความลับมากมายนับไม่ถ้วนในการผลักมือ แต่มันไม่ง่ายอย่างที่คิด
ถึงแม้จะเป็นการออกแรงเพียงเบา ๆ แต่เพียงหนึ่งแรง “ฟัง” ไม่งั้นคนทั้งคนจะถูกผลักออกไปทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง
ตั้งแต่ตอนที่ 217 ถ้าไม่อัพให้เต็มตอนก็คงต้องเลิกอ่านถาวรแล้ว...
อัพอีกวันไหนคะรับ...
ตอนละ6/7บรรทัด อัพใหม่ที...
ข้อความหายอีกแล้วครับ 280-284...
คนอัพไม่ดูเลยเหรอครับมันมาไม่กี่บรรทัดเอง...
ขาดตอนเลยครับ เนื้อหาไม่ครบแบบนี้...
ทำไมแต่ละตอนมันสั้นจัง...
253-264 ทำไมสั้นจังครับ...
ถ้าอัพมาแค่4, 5บรรทัดเลิกอัพเถอะ...
242 - 246 ข้อความขึ้นไม่ครบครับ...