เช้าวันต่อมา ฉีเติ่งเสียนและจิ่วเฮิงมานั่งกินมื้อเช้าด้วยกัน เมื่อมองไปบนโต๊ะก็พบว่ามีเนื้อวัวทั้งตัวที่ถูกแยกชิ้นส่วนวางไว้อยู่
ทั้งสองคนก้มหน้าก้มตากินอย่างจริงจัง ผ่านไปไม่นานเนื้อวัวที่ว่าก็หายไปทั้งตัว......
ฉีเติ่งเสียนเรอออกมา ก่อนจะพูด "จิ่วเฮิง คุณนี่กินเก่งจริงๆ วัวตัวใหญ่ขนาดนี้ ยังกินเร็วกว่าผมซะอีก แถมยังกินเยอะกว่าด้วย!"
จิ่วเฮิงคว้าเอาส่วนหัวของวัว ก่อนจะบีบอย่างแรงจนกระดูกส่วนหัวแตกเป็นชิ้นๆ จากนั้นก็ดูดกินอย่างเอร็ดอร่อย
"ถ้าไม่กินเยอะจะมีแรงไปต่อยตีได้ยังไงล่ะ? การต่อสู้น่ะเผาผลาญพลังงานเยอะมาก เพราะฉะนั้นต้องกินให้เยอะหน่อย ยิ่งได้โปรตีนมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี" จิ่วเฮิงดูดกระดูกส่วนหัวของวัวอย่างแรงหนึ่งที ก่อนจะเงยหน้าหัวเราะ
ฉีเติ่งเสียนนั่งมองจิ่วเฮิงจัดการเนื้อวัวทั้งตัวจนสะอาดไม่เหลือซาก และยังตามด้วยหมั่นโถวอีกหลายลูก มีโปรตีนแล้ว คาร์โบไฮเดรตก็จำเป็นด้วยเช่นกัน
ถ้าพวกนักกินจุทั้งหลายได้เห็นสองคนนี้กินแล้วล่ะก็ คาดว่าคงตะลึงจนตาค้าง......
เนื้อวัวทั้งตัวไม่พอ ไหนจะยังมีหมั่นโถวอีกหลายลูก......
"เนื้อวัวแบบนี้น่ะต้องต้มในน้ำซุปใสถึงจะได้รสชาติที่หอมและดั้งเดิมที่สุด!" จิ่วเฮิงพูดในขณะที่กระดูกวัวบางส่วนยังอยู่ในปาก
"ผมว่าเอาไปย่างดีที่สุด โดยเฉพาะเนื้อวัวสไลด์ที่ปรุงรสเสร็จแล้วก็เอาไปย่าง รอให้เนื้อเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลสวยแล้วก็กัดเต็มๆคำ นึกถึงลายเส้นกล้ามเนื้อสวยๆบนเนื้อแล้วก็......ฮ่า แบบนี้ต่างหากถึงเรียกว่ารสชาติแห่งสวรรค์" ฉีเติ่งเสียนพูดด้วยท่าทีตั้งแง่ในรสนิยมของจิ่วเฮิง
ถ้ายังต้องให้พระมาสอนว่าเนื้อต้องกินยังไง แบบนั้นจะเป็นนักชิมที่ดีได้ยังไง ถือว่าชีวิตล้มเหลวสุดๆ!
จิ่วเฮิงได้ฟังก็ชะงักไป ก่อนจะพูด "ถ้างั้นเดี๋ยวให้ไหลฟูเตรียมเนื้อวัวบาร์บีคิวไว้แล้วกัน พวกเรากลับมาจะได้กินให้จุใจไปเลย แต่คงต้องเอาวัวสองตัวนะ"
"อย่าตายที่นั่นก็แล้วกัน มีพวกฝีมือสูงส่งเต็มไปหมด ไม่แน่ว่าผมจะปกป้องคุณได้" ฉีเติ่งเสียนหัวเราะ
"ดูถูกกันอยู่หรือไง? ผมเองก็นับว่ามีฝีมือระดับเทพนะ! ก็แค่พวกหมูหมากาไก่ สับให้เละก็จบ" จิ่วเฮิงพูดอย่างเหยียดหยาม
ถึงแม้คำพูดของจิ่วเฮิงจะฟังดูบ้าบิ่นมาก แต่ในใจเขาเองก็ระมัดระวังมากเช่นกัน
เห็นเขาบ้าคลั่งแบบนี้แต่ความจริงแล้วเป็นคนเอาใจใส่มาก ถ้าโดนรูปลักษณ์ภายนอกของเขาหลอก ก็เท่ากับเสียเปรียบมาก
หลังจากที่ทั้งสองคนกินมื้อเช้ามื้อใหญ่เสร็จ ก็นั่งดื่มชาพูดคุยกันต่อ ท่าทางดูผ่อนคลายกันมาก
"ได้ยินว่าช่วงนี้คุณลองฝึกฟันแทงไม่เข้าอยู่ใช่ไหม? รวบรวมพลังทั้งหมดให้ไหลเข้าสู่สมอง ทำให้สมองกระจ่างแจ้ง เรื่องแบบนี้คิดดูแล้วก็น่าเหลือเชื่อนะ" จิ่วเฮิงอดไม่ได้ที่จะถาม
"เปล่า ผมไม่อยากเป็นเหมือนคุณ" ฉีเติ่งเสียนตอบหน้าตาย
ตอนนั้นจิ่วเฮิงเคยเค้นพลังและลมปราณเข้าสู่สมองจนตัวเองเกือบตาย
จิ่วเฮิงเมินเฉยที่โดนฉีเติ่งเสียนแซะ ก่อนจะยิ้มพลางพูด "โครงสร้างร่างกายมนุษย์นี่ลึกลับจริงๆ พลังพวกนี้น่ะ พอมันตื่นตัวก็จะวิ่งไปทั่วตามหลอดเลือด ไม่ต่างอะไรกับพวกหนูตัวเล็กๆเลย......แต่มันกลับวิ่งผ่านเข้าจุดอวี้เจิ่นไม่ได้ แปลกดีไหมล่ะ?"
"จุดอวี้เจิ่นเป็นจุดเชื่อมระหว่างหัวกับร่างกายของมนุษย์ มีกลไกการทำงานที่ลึกลับ มีอีกชื่อหนึ่งว่าประตูแห่งความเป็นความตาย มันจะถูกทำลายลงง่ายๆได้ยังไง?" ฉีเติ่งเสียนพูด
ในขณะที่พูด ใต้ร่มผ้าของเขาก็ปรากฏก้อนเล็กๆวิ่งไปตามจุดตันเถียน วิ่งไปตามแนวเส้นเอนที่กระดูกสันหลังของเขา
ก้อนเล็กๆเหล่านี้วิ่งขึ้นมาจนถึงจุดอวี้เจิน
แต่พอถึงอวี้เจิน ก้อนเล็กๆพวกนั้นก็ไม่สามารถไปต่อได้อีก เพราะผ่านตรงนี้ไปจะเป็นสมอง
สมองของมนุษย์มีหลอดเลือดและเส้นประสาทนับไม่ถ้วน และยังเป็นจุดศูนย์รวมพลังหยางทั้งหกอีกด้วย เพราะฉะนั้นถ้าสมองได้รับการบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยก็อาจจะทำให้เกิดผลร้ายแรงได้ เช่น ลมบ้าหมู เลือดออกในสมอง หรือสมองลีบ
ผู้ฝึกยุทธ์บ้าคลั่งทั้งหลายที่พยายามจะทำลายจุดอวี้เจินและส่งพลังเข้าสู่สมอง สุดท้ายมักจะกลายเป็นบ้า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง
ตั้งแต่ตอนที่ 217 ถ้าไม่อัพให้เต็มตอนก็คงต้องเลิกอ่านถาวรแล้ว...
อัพอีกวันไหนคะรับ...
ตอนละ6/7บรรทัด อัพใหม่ที...
ข้อความหายอีกแล้วครับ 280-284...
คนอัพไม่ดูเลยเหรอครับมันมาไม่กี่บรรทัดเอง...
ขาดตอนเลยครับ เนื้อหาไม่ครบแบบนี้...
ทำไมแต่ละตอนมันสั้นจัง...
253-264 ทำไมสั้นจังครับ...
ถ้าอัพมาแค่4, 5บรรทัดเลิกอัพเถอะ...
242 - 246 ข้อความขึ้นไม่ครบครับ...