มังกรผู้ทรงพลัง นิยาย บท 1411

รีสอร์ตชิงเฟิงแห่งนี้ถูกจองไว้แล้ว ภายในได้รับการตกแต่งอย่างดีและคนจากสมาคมหงก็มาพักอยู่ที่นี่ชั่วคราว

หลังจากที่ฉีเติ่งเสียนและจิ่วเฮิงเข้าไปด้านในก็มีคนมาต้อนรับพวกเขาทันที หลังจากสอบถามชื่อเสียงเรียงนามของทั้งสอง พวกเขาก็ถูกพาไปยังห้องประชุมทันที

มีสมาชิกสมาคมหงหลายคนอยู่ที่นั่น หลังจากได้เห็นการปรากฏตัวของบุคคลผู้เป็นศัตรูมานานนมอย่างฉีเติ่งเสียน พวกเขาก็แสดงความเกลียดชังออกมาอย่างอดไม่ได้

จิ่วเฮิงกล่าวว่า “ว่ากันว่าในสมาคมหงมีปรมาจารย์อยู่ยั้วเยี้ย ดูเหมือนว่าสิ่งที่พวกเขาพูดจะเป็นเรื่องจริง! ไม่คิดเลยว่าครั้งนี้สมาคมหงจะส่งปรมาจารย์มามากมายขนาดนี้”

ฉีเติ่งเสียนพูดว่า “ทำไม กลัวเหรอ ถ้าคนพวกนี้รุมเข้ามาพร้อมกัน เราสองคนคงถูกเล่นงานจนเละตุ๊มเป๊ะ!”

จิ่วเฮิงแสยะยิ้มและพูดว่า “เราไม่ใช่หุ่นไม้ไร้ขาสักหน่อย เราวิ่งไม่ได้หรือไง ฉันไม่เชื่อหรอกว่าฝีเท้าของพวกนั้นจะแกร่งกว่าของเรา”

ขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกัน พวกเขาก็ถูกพามาถึงจุดหมาย เมื่อมองดีๆ ก็เห็นประธานสมาคมเฉินหยวนเป่ยนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้แบบโบราณด้านหน้าสุด

นอกจากเก้าอี้ไม้แบบโบราณตัวนี้ ทั้งสองด้านก็เป็นโซฟาทั้งหมด ดูเหมือนว่ามีเพียงเก้าอี้ไม้ตัวนี้เท่านั้นที่จะเน้นย้ำถึงตัวตนและสถานะของเฉินหยวนเป่ยได้

เหยียนมู่หลงนั่งอยู่ไม่ไกลจากเฉินหยวนเป่ย แต่เขาไม่เห็นหัวหน้ากลุ่มอันธพาลอย่างหลินถิงปู้

หลังจากที่ฉีเติ่งเสียนและจิ่วเฮิงเดินเข้ามา ปรมาจารย์กลุ่มใหญ่ก็หลั่งไหลเข้ามาในห้องโถงอันกว้างขวาง ลองนับดูคร่าวๆ ก็พบว่ามีมากกว่ายี่สิบคน

ในหมู่คนพวกนั้นมีปรมาจารย์พลังมืดหลายสิบคน ปรมาจารย์ฮั่วจิ้งเจ็ดถึงแปดคน มีสองคนที่หายใจเข้าอย่างยาวนานราวกับว่าพวกเขากำลังหายใจออกจากจุดตันเถียนหรือเป็นปรมาจารย์ที่กำลังฝึกตันจิ้ง

หากคนทั่วไปเห็นฉากนี้ เกรงว่าพวกเขาคงหวาดกลัวจนแข้งขาอ่อน

แต่ฉีเติ่งเสียนเป็นคนระดับไหน มีฉากไหนบ้างที่เขายังไม่เคยเห็น ตั้งแต่เขาเดินเข้ามา สีหน้าของเขาก็ไม่แสดงอารมณ์และไม่ไหวติงต่อผู้อื่นเลย

จิ่วเฮิงก็ยิ่งไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน ถึงจะมีระเบิดอยู่รอบตัวเขา เขาก็คงไม่แม้แต่จะขมวดคิ้วด้วยซ้ำ

“อาจารย์ฉี ได้พบคุณดีกว่าได้ยินเพียงชื่อเสียง แค่ได้ยินชื่ออันยิ่งใหญ่ของคุณ หูของผมก็แทบจะด้าน!” เฉินหยวนเป่ยยืนขึ้นพร้อมรอยยิ้ม จากนั้นก็ประสานมือแสดงความเคารพให้ฉีเติ่งเสียน

ฉีเติ่งเสียนเองก็ยกมือทั้งสองขึ้นคารวะและพูดกับเฉินหยวนเป่ยว่า “ท่านคือหัวหน้านายหางเสือเฉิน...ประธานสมาคมเฉิน ผมเองก็อยากพบคุณมานานแล้ว!”

เขาเผลอไปนึกถึงหัวหน้านายหางเสือที่เสียชีวิตใน BGM ของเขาคนนั้น และคนที่อยู่ข้างหน้าเขาก็บังเอิญสกุลเฉินเหมือนกัน

เฉินหยวนเป่ยเหลือบมองจิ่วเฮิงและถามว่า “แล้วท่านผู้นี้คือ?”

“อามิต...เอ้ย! อาเมน ผมคือจิ่วเฮิง หัวหน้าของอัศวินแห่งแสงในนามของพระอัครสังฆราชฉี” จิ่วเฮิงยกมือขึ้นและคารวะเฉินหยวนเป่ย

เฉิยหยวนเป่ยแค่ยิ้มรับและผายมือไปทางโซฟาด้านซ้ายแล้วพูดว่า “ท่านทั้งสองเชิญนั่งเถิด!”

หงเซิงซูอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ เขาพูดว่า “ฉันก็คิดว่าอาจารย์ฉีจะกล้าหาญพอๆ กับจ้าวจื่อหลง ที่แท้ก็ต้องชวนคนมาให้กำลังใจตัวเองด้วย!”

เมื่อปรมาจารย์จากสมาคมหงทั้งหลายได้ยินเช่นนั้น พวกเขาก็ระเบิดหัวเราะ

เฉินหยวนเป่ยยกมือขึ้น ซึ่งทำให้ทุกคนหยุดหัวเราะและพูดว่า “ท่านทั้งสองโปรดอย่าถือสา เชิญดื่มชา!”

ฉีเติ่งเสียนไม่ได้กังวลว่าประธานสมาคมหงผู้ยิ่งใหญ่จะวางยาเขา เขาจึงหยิบถ้วยชาขึ้นมาจิบและเอาลิ้นเดาะปากอย่างพูดไม่ถูกว่ารู้สึกอย่างไร เพราะอย่างไรแล้วฉีเติ่งเสียนก็เป็นคนหยาบกระด้าง เขาไม่รู้เรื่องจำพวกการชิมชาหรือเรื่องที่มีวัฒนธรรมหรอก

จิ่วเฮิงยิ่งไม่เข้าใจในความงดงามยิ่งกว่าอีกคน เขาดื่มชาทั้งหมดภายในอึกเดียวและถึงขั้นกลืนใบชาลงไปด้วย

“อาจารย์ฉีคิดว่ายังไง!”

ฉีเติ่งเสียนตะลึงหลังจากได้ยินสิ่งนี้ หลังจากนั้นเขาก็ระเบิดหัวเราะก่อนจะยืนขึ้นและมองไปที่เหยียนมู่หลง

ทุกคนคิดว่าเขามีความสุขขนาดนี้เพราะเงื่อนไขนั้นดีไม่เบา ทุกคนจึงอดไม่ได้ที่จะยิ้มเยาะและคิดว่าฉีเติ่งเสียนก็เป็นคนฉลาดที่เข้าใจสถานการณ์อยู่เหมือนกัน

แต่วินาทีต่อมา ฉีเติ่งเสียนก็ส่ายหน้าด้วยความผิดหวังและพูดว่า “เหยียนมู่หลง นี่เป็นวิธีแก้ปัญหาที่เธอคิดขึ้นมาเหรอ ให้สมาคมหงมาสะสางความแค้นให้?”

“เธอคนก่อนหน้านี้เป็นคนทะนงตัวและหยิ่งผยอง เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในห้ามังกรของหัวกั๋ว”

“ไม่คิดเลยว่าตอนนี้เธอจะปอดแหกจนมีสภาพแบบนี้”

“น่าเสียดาย น่าขำจริงๆ!”

“แล้วมาดตอนที่เธอเผชิญหน้ากับฉันที่หน้ามหาวิหารจิงเต่าในวันนั้นล่ะ งัดออกมาสักนิดไม่ได้เลยเหรอ!”

ใบหน้าของเหยียนมู่หลงบูดบึ้งจนไม่น่ามอง แน่นอนว่าเธอไม่เต็มใจก้มหัว แต่เรื่องนี้มันใหญ่เกินไป ถ้าเกิดฉีเติ่งเสียนปลุกเร้าความคิดเห็นของสาธารณชนหรือทำการแก้แค้นอย่างรุนแรง นั่นไม่ใช่สิ่งที่เธออยากเห็น ดังนั้นเธอจึงยอมเสียน้ำใจด้วยการขอให้สมาคมหงออกหน้าเจรจาให้

และสมาคมหงก็ให้เกียรติเธอมากจริงๆ พวกเขายินดีลบล้างความแค้นกับฉีเติ่งเสียนเพื่อแลกกับการคืนดีของเขากับเหยียนมู่หลง!

ไม่มีใครอยากขัดใจกองกำลังอย่างสมาคมหง โอกาสที่จะเปลี่ยนความเป็นปรปักษ์ให้กลายเป็นมิตรภาพคงเป็นสิ่งที่ทุกคนถวิลหาแม้ในยามหลับฝัน

แต่ฉีเติ่งเสียนไม่สนใจ เขาแค่อยากฆ่าคนเพื่อใช้ชีวิตแลกชีวิต!

ชีวิตไม่เคยเป็นเครื่องมือสำหรับการประนีประนอม แต่มันเป็นสิ่งที่มีเพียงหนึ่งเดียว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง