หลี่เหอถูก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา หลังได้เจอหน้าแล้วก็จากไป คาดว่าคงไปพบเฉินหยวนเป่ยเพื่อประนีประนอม
ครั้งนี้ฉีเติ่งเสียนจัดการเหยียนมู่หลงต่อหน้าสมาคมหง ถือเป็นการตบหน้าสมาคมเสียฉาดใหญ่แต่แล้วจะทำอะไรได้เล่า ?
หากเป็นคนอื่นสมาคมหงคงจัดการจำกัดไปแล้ว! แต่คนคนนี้กลับเป็นฉีเติ่งสียนเสียนี่ พลังเช่นนี้ ผู้ใดสามารถกำจัดเขาได้กัน?
เขากับจิ่วเฮิ่งสามารถฝ่าวงล้อมของยอดฝีมือสมาคมหงออกมาได้ หากต้องการหาโอกาสสังหารเขาอีกครั้งเช่นนั้นคงยากเสียแล้ว
ยังไงซะ ฉีเติ่งเสียนไม่ใช่ท่อนไม้เสียหน่อย ไม่มีทางที่ฉีเติ่งเสียนจะรอเฉยๆ ให้ยอดฝีมือพวกนั้นลงมือหรอก
“ทำไม เธอยังอยากจะเทศนาฉันอีกหรอ?” ฉีเติ่งเสียนมองอวี้เสี่ยวหลงแวบหนึ่ง เห็นเธอยังไม่ไปจึงอดถามออกมาไม่ได้
“ไม่ใช่ซะหน่อย ฉันกลับรู้สึกว่าทำได้ดีมาก ฆ่าคนก็ต้องชดใช้ด้วยชีวิต เป็นไปตามกฎของสัจธรรม!” อวี้เสี่ยวหลงตอบกลับ
ฉีเติ่งเสียงถอนหายใจแล้วพูดอย่างช้าๆ ว่า : “เธอว่า โลกที่เราใช้ชีวิตอยู่ตอนนี้เหตุใดถึงเปลี่ยนเป็นเช่นนี้เล่า ?”
อวี้เสี่ยวหลงยิ้มแล้วพูดว่า : “ฉันจะเล่านิทานให้นายฟังสักเรื่องหนึ่ง”
“โอ้ เล่าสิ ? ” ฉีเติ่งเสียนยิ้มแสดงออกว่าเริ่มสนใจขึ้นมาบ้างแล้ว
อวี้เสี่ยวหลงพูดต่อ : “ท่ามกลางบริษัทใหญ่แห่งหนึ่ง จางซานเป็นเพียงพนักงานธรรมดาคนหนึ่งแต่เพราะโชคดี เขากับเพื่อนของเขาหลี่ซื่อ หวังอู่ ได้เริ่มสร้างสหภาพการค้าขึ้นมา”
“สหภาพการค้าเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วภายใต้การสนับสนุนของทุกคน จนกระทั่งมันสามารถส่งผลกระทบต่อองค์กร”
“จากนั้น องค์กรจึงได้เปลี่ยนชื่อ จางซานกลายเป็นประธานใหญ่ขององค์กรและสมาชิกของสหภาพก็กลายเป็นผู้บริหารระดับสูง”
“ทางองค์กรนั้นต้องการที่จะพัฒนาและเปิดรับคนรุ่นใหม่ แต่จางซานไม่วางใจที่มอบอำนาจของผู้บริหารระดับสูงนี้ให้แกคนนอก เช่นนั้นก็ทำได้เพียงต้องหาจากคนในสหภาพ?”
“จางซาน หลี่ซื่อ และหวังอู่ต่างก็อายุมากแล้ว รู้ว่าอย่างไรก็ต้องหาคนมารับหน้าที่นี้แทน เช่นนั้นสามารถหาใครได้เล่า? ใครที่หลังจากได้รับตำแหน่งแล้วยังสามารถรักษาผลประโยชน์ของพวกเขาทั้งสามได้”
“จางซานครุ่นคิด อืม……เช่นนั้นก็มองหาเด็กๆ จากครอบครัวของพวกพ้องเก่าๆ เหล่านั้นละกัน! อย่างไรซะเด็กพวกนั้น พวกเขาก็เห็นมาตั้งแต่เล็กจนโตทั้งยังเป็นลูกของเหล่าเพื่อนเก่าที่ต่อสู้มาด้วยกัน มีความสามารถหรือไม่นั้นค่อยว่ากัน ขอเพียงแค่ไม่ส่งผลกระทบต่อผลประโยชน์ของพวกเขาก็พอ”
“งั้นนายคิดว่ายังไง ภายในองค์กรเช่นนนี้หากพนักงานธรรมดาทำผิด จะปฏิบัติเหมือนเวลาผู้บริหารทำผิดหรือไม่ ?”
หลังฉีเติ่งเสียนได้ฟัง เขาเปิดปากแล้วปิดปากอยู่เช่นนั้นซ้ำๆ เขาขี้เกียจเกินกว่าจะพูด ไม่อยากพูด และพูดไม่ได้ หากพูดออกไปต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่
“เหล่าพนักงานต่างก็เชื่อฟัง เพียงคิดว่าเงินเดือนสามสี่พันต่อเดือนก็ไม่เลว คุ้มค่าที่จะอดทนต่อความยากลำบาก”
“จนกระทั่งวันหนึ่ง มีข่าวลือของบริษัทอื่นแพร่กระจายออกมาว่า เงินเดือนของพวกเขาสูงกว่าที่นี่ถึงสิบเท่า ค่าใช้จ่ายภายในบริษัทต่างๆ ก็สามารถนำมาเบิกจ่ายได้ แม้กระทั่งว่าแค่พวกเขาไปเข้างานจากนั้นก็พักผ่อนตามสบายได้แล้ว มีแนวคิดที่ว่าคนเราไม่ได้เกิดมาเพื่ออดทนกับความลำบาก แต่เกิดมาเพื่อหาความสุข…..”
อวี้เสี่ยงลงนั่งไขว้ขา หยิบดาบแล้วเช็ดด้วยผ้าขาว พูดอย่างช้าๆ
ฉีเติ่งเสียนถามต่อ : “หลังจากนั้นละ ?”
อวี้เสี่ยวหลงตอบ : “หลังจากนั้นจางซานก็ถูกพนักงานของตัวเองลากลงจากตำแหน่งแล้วถูกตบหน้าเสียฉาดหนึ่ง สุดท้ายก็ถูกคนตีจนตาย”
ฉีเติ่งเสียนส่งเสียง อ่อ ออกมาคำหนึ่ง บนใบหน้าปรากฏรอยยิ้มมีความสุขแล้วพูด : “ที่แท้แล้วที่เธอเล่ามาเป็นเรื่องของพี่ข่าจือแห่งทวีปดำหรือนี่ ?”
อวี้เสี่ยวหลงพูดขึ้น : “ฉันก็ไม่กล้าพูดถึงคนอื่นหรอก ถ้าหากโดนเข้าใจผิดขึ้นมาจะทำยังไงละ ?”
ฉีเติ่งเสียนพูด : “นิทานของเธอน่าฟังดีนะ ต่อไปถ้ามีเวลาก็มาเล่าให้ฉันฟังเพิ่มสักสองสามเรื่อง !”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง
ตั้งแต่ตอนที่ 217 ถ้าไม่อัพให้เต็มตอนก็คงต้องเลิกอ่านถาวรแล้ว...
อัพอีกวันไหนคะรับ...
ตอนละ6/7บรรทัด อัพใหม่ที...
ข้อความหายอีกแล้วครับ 280-284...
คนอัพไม่ดูเลยเหรอครับมันมาไม่กี่บรรทัดเอง...
ขาดตอนเลยครับ เนื้อหาไม่ครบแบบนี้...
ทำไมแต่ละตอนมันสั้นจัง...
253-264 ทำไมสั้นจังครับ...
ถ้าอัพมาแค่4, 5บรรทัดเลิกอัพเถอะ...
242 - 246 ข้อความขึ้นไม่ครบครับ...