ฉีเติ่งเสียนก็ถือว่าได้พบกับจั่วเฉินอย่างทางการแล้ว ก่อนหน้านั้น แม้แต่เสิร์ชหาข้อมูลเขาก็ขี้เกียจที่จะทำ
และนี่ก็ยังเป็นครั้งแรกที่ได้พบกับจั่วเฉิน
ในภาพภายนอก เขาสวมชุดสูทสีดำ ผมขาวครึ่งหัว รูปร่างผอมเพรียว และสวมแว่นตาไร้ขอบ ดูสุภาพเรียบร้อยมาก
จั่วเฉินกล่าวด้วยเสียงที่ดังกังวานต่อมวลชนที่มาเข้าร่วมในการกล่าวสุนทรพจน์ว่า “ผมจะปฏิบัติตามคำสัญญาที่ให้ไว้กับชาวผึ่งไหลอย่างแน่นอน และชาวผึ่งไหลทุกคนต้องได้รับโอกาสที่จะได้รับความยุติธรรม ไม่ว่าจะฐานะใดก็ตาม”
“ได้รับการศึกษาที่ดี รวมทั้งสามารถมีทางเลือกด้านการรักษาและที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพได้”
“รัฐบาลจะลงเรือลำเดียวกับประชาชน และจะไม่เคยทิ้งใครไว้ข้างหลัง”
“หากมีใครล้มลง เราจะยื่นมือช่วยพวกเขาให้สามารถลุกขึ้นได้อย่างแน่นอน!”
เขามองไกลออกไป และพูดเสียงดัง “ทรัพยากรที่มีค่าที่สุดในโลกคือความไว้วางใจ! เพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากผู้อื่น เราจำเป็นต้องทำตามคำมั่นสัญญาของเรา และต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการปกป้องความไว้วางใจนี้”
“เราควรปฏิบัติต่อทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน แต่เราก็ควรแสวงหาจุดยืนร่วมกันโดยสงวนความแตกต่างไว้ด้วย”
“ภายใต้เงื่อนไขข้อแรกนี้ รัฐบาลจะสนับสนุนกลุ่มชาติพันธุ์ทั้งหมดและอนุรักษ์วัฒนธรรมอันดีงามของพวกเขาไว้ด้วย”
“เราจะทำหน้าที่ในการสืบถ่ายทอดวัฒนธรรมให้ดี เพื่อให้คนรุ่นใหม่ได้รับอิทธิพลจากประวัติศาสตร์อันยาวนาน นี่คือรากฐานของเรา!”
“เราไม่สามารถสูญเสียรากฐานทางวัฒนธรรมของเราได้ มิฉะนั้นคนรุ่นใหม่จะไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง”
ฉีเติ่งเสียนฟังมาถึงตรงนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะพยักหน้าเล็กน้อย จุดนี้จั่วเฉินพูดได้ชัดเจนมาก
เขานั่งบนโซฟาและตั้งใจฟังสิบกว่านาทีนี้จนจบ อดไม่ได้ที่จะชื่นชม “จั่วเฉินคนนี้เป็นคนที่มีวัฒนธรรมมากนะ พูดน้ำไหลไฟดับ อ้างอิงคัมภีร์ และทุกคำพูดก็ยังสามารถพูดให้ตรงประเด็นได้ด้วย”
ซุนอิ่งซูพูดกลับ “ฉันแค่อยากจะรู้ว่าการแสดงความสามารถของเขาในครั้งนี้คุ้มค่ากับเงินที่ฉันให้ทุนไว้หรือไม่!”
ฉีเติ่งเสียนพูดไม่ออกบอกไม่ถูก นี่คือนักลุงทุนจริงๆ จุดที่ให้ความสนใจของเธอแตกต่างไปจากเขาอย่างสิ้นเชิง อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเรื่องปกติ หากจั่วเฉินได้ตำแหน่งนี้ หัวกั๋วก็จะรู้สึกขอบคุณซุนอิ่งซูเป็นอย่างมาก และการค้าขายของเธอในหัวกั๋วก็จะมั่นคง!
“เมื่อคืนคุณสุดยอดมาก” ซุนอิ่งซูโน้มตัวไปกระซิบ
“อย่าพูด ผมกำลังฟังสุนทรพจน์อยู่!” ฉีเติ่งเสียนอดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วและพูดอย่างไม่พอใจ
คุณนายซุนผู้อ่อนโยนและเอาใส่ใจเชื่อฟังโดยอัตโนมัติ และฟังสุนทรพจน์ของจั่วเฉินกับเขาไปอย่างเงียบๆ หลังจากสุนทรพจน์จบลง ฉีเติ่งเสียนพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่าและยกย่องจั่วเฉินค่อนข้างมาก
ฉีเติ่งเสียนพูด “เห็นได้ว่าจั่วเฉินได้รับการตอบรับที่ดี เขาให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการสืบทอดวัฒนธรรมของชาติ ไม่แปลกใจเลยที่สามารถตีสนิทกับประเทศของเราได้”
ซุนอิ่งซูพูด “จริงๆ แล้วชาวหัวกั๋วที่อาศัยอยู่ในต่างประเทศให้ความสำคัญกับวัฒนธรรมดั้งเดิม แต่คนในประเทศของคุณกลับไม่เห็นคุณค่าของมันเลย”
ฉีเติ่งเสียนไม่อยากพูดแขวะว่าวัฒนธรรมประเทศของเขาถูกโคกูรยอแย่งไปมากเพียงใดแล้ว แต่ก็รู้สึกไม่ดีที่จะพูดแขวะ ตัวเขาเองไม่ได้ให้ความสำคัญ แต่คนอื่นกลับสือทอดอย่างไร้ยางอาย แล้วคุณจะทำอะไรได้?
เมื่อประมาณบ่ายสอง คุณนายกลุ่มธุรกิจได้ขับรถออกไป บอกว่าต้องการพบปะกับรัฐบาลผึ่งไหลเพื่อหารือเกี่ยวกับทางการบางอย่าง
“แม้ว่าฉันจะหล่อหลอมจิตใจถึงระดับนี้ แต่ก็ยังคงรู้สึกกลัวและไม่สบายใจ”
“นี่คือสิ่งที่ไม่สามารถควบคุมได้ด้วยตัวเอง ก็เหมือนกับคนส่วนใหญ่มักจะอ้างว่าสามารถเอาชนะไทสันได้ แต่เมื่อไทสันยืนอยู่ตรงหน้าจริงๆแล้วจะเข้าใจว่ามันน่ากลัวแค่ไหน”
ฉีเติ่งเสียนถอนหายใจ เก็บหมัดลง นั่งขัดสมาธิ และตั้งใจใคร่ครวญอย่างช้าๆ
เมื่อถึงระดับที่ทำลายความว่างเปล่าและหยั้งเห็นพระเจ้าได้ แสดงว่ามาถึงขีดจำกัดของความสามารถทางกายภาพแล้ว ซึ่งสามารถพูดได้ว่าความสามารถทางกายภาพนี้มาถึงขั้นที่อยู่เหนือคนทั่วไปแล้ว หากอยากสูงขึ้นอีกระดับนั้นเป็นไปไม่ได้แล้ว แม้แต่ระดับวัชระกาย ตำนานเล่าว่าจิตวิญญาณนั้นได้รับการนำทางเป็นหลัก หลังจากที่มาถึงระดับนี้ จิตวิญญาณจะมีอำนาจเช่นเดียวกับเทพเจ้า
“ไม่แปลกใจเลยที่จ้าวซวนหมิงกลืนสารีบุตรของพระผู้มีชื่อเสียงจากทุกราชวงศ์ สารีบุตรนั้นมีสนามแม่เหล็กพิเศษ ซึ่งสามารถเสริมความแข็งแกร่งให้กับจิตวิญญาณของเขาเองได้” ฉีเติ่งเสียนคิด
ไม่รู้เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วที่เขาพยายามขนส่งเลือดลมเพื่อทำลายกำแพงความเป็นความตายของจุดยวี่เจิ่น บรรลุปราณวิญญาณเข้าสู่สมอง สร้างอารยธรรมให้กับหยางทั้งหก และบรรลุวัชระกายได้
เขาระมัดระวังอย่างมากในทุกขั้นตอน ไม่เช่นนั้น ก็จะเหมือนจิ่วเฮิงที่หมดสติไปอย่างกะทันหันแน่นอน หากไม่มีใครช่วยผลักมวลปราณวิญญาณออกไปด้วยเทคนิคการนวด เขาอาจจะตายทันที
ฉีเติ่งเสียนถือโอกาสนอนพักผ่อน รวดหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเพื่อปรับอารมณ์ความคิด และดูรูปถ่ายที่เฉินหยูส่งมา
เฉินเลี่ยออกจากผึ่งไหลตั้งแต่เช้านี้แล้ว และตอนนี้น่าจะอยู่บนเครื่องบินไปหนานหยางแล้ว
“ส่งรูปถ่ายมาให้ผมเยอะหน่อยสิ ไม่แน่นะบางทีเลือดอันเร่าร้อนของผมอาจจะเดือดพล่านแล้วอาจสามารถทำลายจุดยวี่เจิ่นได้หมดเปลือกเลยก็ได้ บรรลุวัชระกายและสามารถเอาชนะผู้มีฝีมือสูงของโลกนะ?” ฉีเติ่งเสียนส่งข้อความถึงเฉินหยู
เฉินหยูส่งรูปสาวสวยจู๋ใหญ่ให้เขาโดยตรง ซึ่งทำให้เขาหงุดหงิดและลบมันออกไปอย่างรวดเร็ว
จากนั้น เขาได้รับข้อความจากแฟนสาวคนเดียวของเขา โดยบอกว่าจะไปผึ่งไหลกับสวีเค่อ เพื่อเข้าร่วมพิธีมอบรางวัลเทศกาลภาพยนตร์
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง
ตั้งแต่ตอนที่ 217 ถ้าไม่อัพให้เต็มตอนก็คงต้องเลิกอ่านถาวรแล้ว...
อัพอีกวันไหนคะรับ...
ตอนละ6/7บรรทัด อัพใหม่ที...
ข้อความหายอีกแล้วครับ 280-284...
คนอัพไม่ดูเลยเหรอครับมันมาไม่กี่บรรทัดเอง...
ขาดตอนเลยครับ เนื้อหาไม่ครบแบบนี้...
ทำไมแต่ละตอนมันสั้นจัง...
253-264 ทำไมสั้นจังครับ...
ถ้าอัพมาแค่4, 5บรรทัดเลิกอัพเถอะ...
242 - 246 ข้อความขึ้นไม่ครบครับ...