หลังจากที่กลุ่มคนพกอาวุธเหล่านี้สกัดพวกเขาทั้งสองไว้ พวกเขาก็เริ่มต้นด้วยการยืนยันว่าคนทั้งสองเป็นชาวหัวกั๋ว จากนั้นก็ทำการค้นตัวและกวาดของมีค่าทั้งหมดที่ติดตัวไปจนเกลี้ยง
ฉีเติ่งเสียนและจิ่วเฮิงทำหน้าตาชาๆ แกล้งแสดงท่าทางหวาดกลัว คนพกอาวุธพวกนี้จึงคิดว่าคนทั้งสองน่าจะเป็นพวกที่หลบหนีมาจากที่ไหนสักแห่ง
“จับพวกมันกลับไปที่เขตของเรา ลองดูว่าพวกมันจะติดต่อญาติในประเทศให้ส่งเงินมาได้หรือเปล่า ถ้าติดต่อไม่ได้ก็ให้พวกมันโทรเอาเอง”
“ถ้าโทรไม่ได้ผล ก็จับตัดไตขายทำเงินซะเลย”
“ฮ่าๆ —”
กลุ่มคนพกอาวุธหัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์ การกระทำเช่นนี้สำหรับพวกเขาถือเป็นเรื่องปกติที่ทำได้ง่ายราวกับเป็นกิจวัตรประจำวัน!
ฉีเติ่งเสียนและจิ่วเฮิงถูกเจ้าหน้าที่พกอาวุธจับขึ้นรถบรรทุกไปโดยตรง ทั้งสองพบว่าบนรถบรรทุกยังมีคนอื่น ๆ อีกหลายคนที่มีท่าทางเหมือนสูญเสียคนสำคัญในชีวิต ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลที่เกิดจากการถูกทำร้าย
เมื่อคนเหล่านั้นเห็นฉีเติ่งเสียนและจิ่วเฮิง ก็เพียงแค่เหลือบมองอย่างไร้ความรู้สึก ก่อนจะก้มหน้าลงต่อไป
รถบรรทุกแล่นไปบนถนนที่ขรุขระจนโยกไปมา และมาถึงเขตสวนอุตสาหกรรมที่ขึ้นชื่อเรื่องอาชญากรรมในอวี้สือกั๋วสถานที่แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นโดยแก๊งอาชญากรรมขนาดใหญ่เพื่อใช้กักขังผู้คนที่ถูกหลอกลวงหรือถูกลักพาตัวมา โดยบังคับให้ทำงานหลอกลวงทางโทรศัพท์ หากใครไม่ให้ความร่วมมือหรือมีผลงานไม่ดี ก็มักจะมีจุดจบที่น่าสยดสยอง
การตัดไต ตัดมือ ปล่อยเลือด หรือควักลูกตา ถือว่าเป็นโทษสถานเบา บางคนถูกยิงเสียชีวิตทันที ส่วนคนที่มีลักษณะภายนอกดูดีหน่อยก็มักจะถูกขายตัวออกไป
กล่าวโดยสรุป สถานที่นี้คือสวรรค์ของอาชญากรแต่เป็นนรกบนดินของคนธรรมดา
ฉีเติ่งเสียนและจิ่วเฮิงถูกพาเข้าเขตนี้อย่างราบรื่น พวกเขาถูกนำไปยังอพาร์ตเมนต์ที่ไม่มีหน้าต่าง สภาพแวดล้อมมืดและชื้นจนที่นอนเริ่มขึ้นรา เรียกได้ว่าไม่ใช่สถานที่ที่เหมาะสมสำหรับการอยู่อาศัยของมนุษย์
แต่ถึงอย่างนั้น ในเมื่อมาถึงแล้ว ก็ต้องทำใจยอมรับสถานการณ์ที่เป็นไป
ฉีเติ่งเสียนตั้งใจจะพักผ่อนสักหน่อย วางแผนใช้เวลาสองสามวันแรกเพื่อสังเกตสถานการณ์ แต่ไม่ทัขทันที่จะได้พักขณะที่กำลังนอนอยู่ ก็ได้ยินเสียงคนถูกทำร้ายดังขึ้น
“พวกแกไม่ได้กินข้าวหรือไง?!” เสียงของจิ่วเฮิงตะโกนดังลั่น เต็มไปด้วยพลัง
ฉีเติ่งเสียนเปิดประตูออกไปดู ก็พบว่าจิ่วเฮิงกำลังถูกกลุ่มคนพกอาวุธล้อมอยู่กลางทางเดิน คนพวกนั้นทั้งต่อยทั้งเตะ บางคนถึงขั้นใช้พานท้ายปืนทุบหัวเขา
แต่ที่น่าแปลกคือ จิ่วเฮิงกลับทำหน้าเหมือนกำลังสนุก แถมยังด่ากลับพวกนั้นไม่หยุด ทำให้กลุ่มคนพกอาวุธยิ่งโกรธหนัก ลงมือหนักกว่าเดิม
ถ้าเป็นคนธรรมดา คงถูกซ้อมจนตายไปแล้ว แต่จิ่วเฮิงเป็นพวกมาโซคิสต์ที่ฝึกวิชาพยัคฆ์คำรามครอบระฆังทองถึงขั้นที่แม้จะโดนคลาร์กซัดเต็มแรงก็ยังไม่เป็นอะไร แล้วจะกลัวแค่การถูกซ้อมธรรมดาได้อย่างไร?
ยิ่งกว่านั้นไปกว่านั้น ในชีวิตประจำวัน จิ่วเฮิงยังชอบขอให้ฉีเติ่งเสียนช่วยซ้อมเขาเล่น ๆ บ่อย ๆ เอาแผ่นไม้หนาสองสามชั้นทุบใส่ตัวจนแตกกระจาย ไม่หยุดจนกว่าไม้จะพัง
“พวกมันกลัวแก แต่ฉันไม่กลัวพวกแกเว้ย!” จิ่วเฮิงตะโกนเสียงดัง พร้อมกับยั่วโมโหพวกนั้นต่ออย่างไม่ลดละ
กลุ่มคนพกอาวุธลงมือหนักขึ้นเรื่อย ๆ บางคนถึงขั้นเอาเหล็กเส้นมาฟาดใส่จิ่วเฮิงจนเขาต้องม้วนตัวนอนขดกับพื้น
“ผิดไปแล้ว! ฉันผิดไปแล้ว!”
จิ่วเฮิงรู้สึกว่ายั่วยุมากพอ แล้สตัวเองก็สนุกจนพอใจ หากขืนยังยั่วอารมณ์พวกมันต่อไป เกรงว่าพวกนั้นอาจยิงเขาจริง ๆ เขาจึงรีบยอมรับผิดทันที
พวกคนพกอาวุธจึงยอมปล่อยเขาไป แต่ก่อนจะไปก็ยังรู้สึกไม่สะใจ เลยใช้พานท้ายปืนกระแทกเขาอีกสองครั้ง
“ไม่เคยเจอคนหนังหนาขนาดนี้มาก่อนเลย!” พวกเขาสบถใส่ ก่อนจะเดินจากไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง
ตั้งแต่ตอนที่ 217 ถ้าไม่อัพให้เต็มตอนก็คงต้องเลิกอ่านถาวรแล้ว...
อัพอีกวันไหนคะรับ...
ตอนละ6/7บรรทัด อัพใหม่ที...
ข้อความหายอีกแล้วครับ 280-284...
คนอัพไม่ดูเลยเหรอครับมันมาไม่กี่บรรทัดเอง...
ขาดตอนเลยครับ เนื้อหาไม่ครบแบบนี้...
ทำไมแต่ละตอนมันสั้นจัง...
253-264 ทำไมสั้นจังครับ...
ถ้าอัพมาแค่4, 5บรรทัดเลิกอัพเถอะ...
242 - 246 ข้อความขึ้นไม่ครบครับ...