มังกรผู้ทรงพลัง นิยาย บท 1743

หลังจากที่กลุ่มคนพกอาวุธเหล่านี้สกัดพวกเขาทั้งสองไว้ พวกเขาก็เริ่มต้นด้วยการยืนยันว่าคนทั้งสองเป็นชาวหัวกั๋ว จากนั้นก็ทำการค้นตัวและกวาดของมีค่าทั้งหมดที่ติดตัวไปจนเกลี้ยง

ฉีเติ่งเสียนและจิ่วเฮิงทำหน้าตาชาๆ แกล้งแสดงท่าทางหวาดกลัว คนพกอาวุธพวกนี้จึงคิดว่าคนทั้งสองน่าจะเป็นพวกที่หลบหนีมาจากที่ไหนสักแห่ง

“จับพวกมันกลับไปที่เขตของเรา ลองดูว่าพวกมันจะติดต่อญาติในประเทศให้ส่งเงินมาได้หรือเปล่า ถ้าติดต่อไม่ได้ก็ให้พวกมันโทรเอาเอง”

“ถ้าโทรไม่ได้ผล ก็จับตัดไตขายทำเงินซะเลย”

“ฮ่าๆ —”

กลุ่มคนพกอาวุธหัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์ การกระทำเช่นนี้สำหรับพวกเขาถือเป็นเรื่องปกติที่ทำได้ง่ายราวกับเป็นกิจวัตรประจำวัน!

ฉีเติ่งเสียนและจิ่วเฮิงถูกเจ้าหน้าที่พกอาวุธจับขึ้นรถบรรทุกไปโดยตรง ทั้งสองพบว่าบนรถบรรทุกยังมีคนอื่น ๆ อีกหลายคนที่มีท่าทางเหมือนสูญเสียคนสำคัญในชีวิต ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลที่เกิดจากการถูกทำร้าย

เมื่อคนเหล่านั้นเห็นฉีเติ่งเสียนและจิ่วเฮิง ก็เพียงแค่เหลือบมองอย่างไร้ความรู้สึก ก่อนจะก้มหน้าลงต่อไป

รถบรรทุกแล่นไปบนถนนที่ขรุขระจนโยกไปมา และมาถึงเขตสวนอุตสาหกรรมที่ขึ้นชื่อเรื่องอาชญากรรมในอวี้สือกั๋วสถานที่แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นโดยแก๊งอาชญากรรมขนาดใหญ่เพื่อใช้กักขังผู้คนที่ถูกหลอกลวงหรือถูกลักพาตัวมา โดยบังคับให้ทำงานหลอกลวงทางโทรศัพท์ หากใครไม่ให้ความร่วมมือหรือมีผลงานไม่ดี ก็มักจะมีจุดจบที่น่าสยดสยอง

การตัดไต ตัดมือ ปล่อยเลือด หรือควักลูกตา ถือว่าเป็นโทษสถานเบา บางคนถูกยิงเสียชีวิตทันที ส่วนคนที่มีลักษณะภายนอกดูดีหน่อยก็มักจะถูกขายตัวออกไป

กล่าวโดยสรุป สถานที่นี้คือสวรรค์ของอาชญากรแต่เป็นนรกบนดินของคนธรรมดา

ฉีเติ่งเสียนและจิ่วเฮิงถูกพาเข้าเขตนี้อย่างราบรื่น พวกเขาถูกนำไปยังอพาร์ตเมนต์ที่ไม่มีหน้าต่าง สภาพแวดล้อมมืดและชื้นจนที่นอนเริ่มขึ้นรา เรียกได้ว่าไม่ใช่สถานที่ที่เหมาะสมสำหรับการอยู่อาศัยของมนุษย์

แต่ถึงอย่างนั้น ในเมื่อมาถึงแล้ว ก็ต้องทำใจยอมรับสถานการณ์ที่เป็นไป

ฉีเติ่งเสียนตั้งใจจะพักผ่อนสักหน่อย วางแผนใช้เวลาสองสามวันแรกเพื่อสังเกตสถานการณ์ แต่ไม่ทัขทันที่จะได้พักขณะที่กำลังนอนอยู่ ก็ได้ยินเสียงคนถูกทำร้ายดังขึ้น

“พวกแกไม่ได้กินข้าวหรือไง?!” เสียงของจิ่วเฮิงตะโกนดังลั่น เต็มไปด้วยพลัง

ฉีเติ่งเสียนเปิดประตูออกไปดู ก็พบว่าจิ่วเฮิงกำลังถูกกลุ่มคนพกอาวุธล้อมอยู่กลางทางเดิน คนพวกนั้นทั้งต่อยทั้งเตะ บางคนถึงขั้นใช้พานท้ายปืนทุบหัวเขา

แต่ที่น่าแปลกคือ จิ่วเฮิงกลับทำหน้าเหมือนกำลังสนุก แถมยังด่ากลับพวกนั้นไม่หยุด ทำให้กลุ่มคนพกอาวุธยิ่งโกรธหนัก ลงมือหนักกว่าเดิม

ถ้าเป็นคนธรรมดา คงถูกซ้อมจนตายไปแล้ว แต่จิ่วเฮิงเป็นพวกมาโซคิสต์ที่ฝึกวิชาพยัคฆ์คำรามครอบระฆังทองถึงขั้นที่แม้จะโดนคลาร์กซัดเต็มแรงก็ยังไม่เป็นอะไร แล้วจะกลัวแค่การถูกซ้อมธรรมดาได้อย่างไร?

ยิ่งกว่านั้นไปกว่านั้น ในชีวิตประจำวัน จิ่วเฮิงยังชอบขอให้ฉีเติ่งเสียนช่วยซ้อมเขาเล่น ๆ บ่อย ๆ เอาแผ่นไม้หนาสองสามชั้นทุบใส่ตัวจนแตกกระจาย ไม่หยุดจนกว่าไม้จะพัง

“พวกมันกลัวแก แต่ฉันไม่กลัวพวกแกเว้ย!” จิ่วเฮิงตะโกนเสียงดัง พร้อมกับยั่วโมโหพวกนั้นต่ออย่างไม่ลดละ

กลุ่มคนพกอาวุธลงมือหนักขึ้นเรื่อย ๆ บางคนถึงขั้นเอาเหล็กเส้นมาฟาดใส่จิ่วเฮิงจนเขาต้องม้วนตัวนอนขดกับพื้น

“ผิดไปแล้ว! ฉันผิดไปแล้ว!”

จิ่วเฮิงรู้สึกว่ายั่วยุมากพอ แล้สตัวเองก็สนุกจนพอใจ หากขืนยังยั่วอารมณ์พวกมันต่อไป เกรงว่าพวกนั้นอาจยิงเขาจริง ๆ เขาจึงรีบยอมรับผิดทันที

พวกคนพกอาวุธจึงยอมปล่อยเขาไป แต่ก่อนจะไปก็ยังรู้สึกไม่สะใจ เลยใช้พานท้ายปืนกระแทกเขาอีกสองครั้ง

“ไม่เคยเจอคนหนังหนาขนาดนี้มาก่อนเลย!” พวกเขาสบถใส่ ก่อนจะเดินจากไป

และที่น่ากลัวที่สุดคือ ถ้าถูกจับได้ระหว่างหนี โทษที่จะได้รับนั้นจะเลวร้ายกว่าที่พวกเขาคาดคิด

เขายังพูดต่อว่า “พวกนายเองก็อย่าคิดจะหนีเชียว…เว้นแต่ว่าจะมีแผนที่ปลอดภัยแบบร้อยเปอร์เซ็นต์จริง ๆ ไม่อย่างนั้น ถ้าถูกจับได้ พวกนายจะไม่มีวันทนได้กับสิ่งที่จะเกิดขึ้น”

จิ่วเฮิงที่ยืนฟังอยู่เอ้ยถามด้วยความสงสัย “แล้วถ้าถูกจับได้จะโดนอะไรเหรอ?”

ชายคนนั้นส่ายหน้าแล้วพูดว่า “สิ่งที่พวกนายจินตนาการว่าน่ากลัวที่สุด ยังเบากว่าความจริงเป็นร้อยเท่า! อยู่ให้เงียบ ๆ ทำตัวดี ๆ เข้าไว้ ถ้าทำผลงานดี อาจจะมีโอกาสรอดก็ได้”

หลังพูดจบ เขาก็เดินกระเผลกจากไป เห็นได้ชัดว่าขาข้างซ้ายของเขาเคยบาดเจ็บหนักจากการใช้ชีวิตที่นี่

“อยู่ในที่แบบนี้ ชีวิตมันแย่ยิ่งกว่าตายจริง ๆ” จิ่วเฮิงถอนหายใจ

“ถึงแม้บางคนอาจจะสมควรโดน แต่ก็ไม่ควรถูกปฏิบัติแบบนี้ และที่เลวร้ายยิ่งกว่านั้นคือ คนที่ทำร้ายพวกเดียวกันดันเป็นคนจากหัประเทศด้วยกันซะเอง!”

ฉีเติ่งเสียนพูดขึ้นว่า “พรุ่งนี้พวกเราคงถูกเรียกไปอบรม สอนวิธีโกงเงินคนอื่น…เอาเถอะ ถือว่าเล่น ๆ ไปก่อน ในสองสามวันนี้ก็ลองสังเกตให้รอบ ๆ หาให้เจอว่าคลังอาวุธของพวกมันอยู่ที่ไหน จากนั้นเราค่อยลงมือ”

เขาคิดว่า หากจัดการกับเรื่องนี้ได้ ก็ถึงเวลาที่จะกลับไปเผิงไหลเพื่อเผชิญหน้ากับคลาร์กอย่างเด็ดขาด เพราะตั้งแต่เขาอาละวาดที่ก่าก่ง เพราะตั้งแต่เขาได้สังหารอย่างไม่ปรานีในก่าก่ง ความรู้สึกที่ยังไม่สมบูรณ์นั้นดูเหมือนจะได้รับการเติมเต็มแล้ว

จิ่วเฮิงหัวเราะพลางพูดว่า “ดี ลองใช้ชีวิตดู ฉันจะลองดูซิ ว่าคนที่ฉลาดอย่างฉันจะหลอกเงินคนอื่นได้สักกี่คน”

ฉีเติ่งเสียนฟังแล้วอดกลอกตาไม่ได้ “นี่เรียกว่าฉลาดเหรอ?”

วันต่อมา ฉีเติ่งเสียนและจิ่วเฮิง รวมถึงคนใหม่อีกหลายคน ถูกพวกคนพกอาวุธพาไปยังห้องประชุม มีคนมาสอนพวกเขาถึงวิธีการใช้คำพูดหลอกลวงเหยื่อเพื่อโกงเงินในการทำงานแก๊ง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง