มังกรผู้ทรงพลัง นิยาย บท 1925

เป็นเพราะเรื่องความรักและความเกลียดแค้นระหว่างฉีเติ่งเสียนเหล่านี้ แม้แต่สวีเอ้าเสวี่ยตัวเธอเองต่างก็พูดไม่ชัดเจน ตัดไม่ขาด ใจว้าวุ้น

เดิมทีเธอคิดว่าหลังจากที่เธอเองล้มเหลวจะยิ่งโกรธแค้นยิ่งขึ้น แต่ว่ากลับไม่ใช่ ตรงกันข้ามเธอได้สงบลง และเริ่มมองย้อนกลับไปประสบการณ์ของตนเองหลายปีผ่านมามานี้

อันที่จริงในใจของเธอก็ได้ยอมรับฉีเติ่งเสียนแล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่าเริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ หรือบางทีอาจจะเริ่มขึ้นตอนที่เธอกำลังหมดหวัง เขาได้ปกป้องชีวิตนี้ของเธอไว้

หรือบางทีอาจจะเป็นการที่ได้ทำตามสัญญาตอนที่อยู่จิงเต่าครั้งนั้น รู้สึกผ่อนคลายที่ได้ปล่อยวางอารมรณ์เหล่านั้น

เอาเป็นว่าซับซ้อนมาก

แต่ว่าความรักเดิมทีก็เป็นสิ่งที่ซับซ้อนอยู่แล้ว มักจะไม่ได้มีคำตอบมากมายมากขนาดนั้น

ชีวิตคนเราต้องการคำตอบมากมายขนาดนั้นมีประโบยชน์อะไรกันล่ะ

ซึ่งความจริงแล้วชีวิตคนที่มีคำตอบมากมาย กลับเหมือนเฟิงกวนเซี่ยเป่ยซีดจาง มักจะให้คนรู้สึกเสียใจมากเกินไป

ทิ้งความเศร้าโศกที่แก้ไขไม่ได้ ความสับสนที่ยังคงหลงเหลืออยู่ นอนท่ามกลางสายฝนยามค่ำคืน จิบไวน์อ่อน ๆ สองสามแก้ว แต่กลับมัวเมาคามรุ่งโรจน์ในชีวิตนั้นได้

ฉีเติ่งเสียนไม่ค่อยคุ้นชินกับสภาพที่สวีเอ้าเสวี่ยเป็นอยู่ตอนนี้จึงไม่รู้ว่าต้องพูดอะไร หลังจากนั้นเขาได้นึกถึงคำสอนที่ว่า “การเงียบดีกว่ามีเสียง”ของท่านอาจารย์หลี่อวิ๋นหว่านที่เคยสั่งสอนโดยไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ

ดังนั้นเขาจึงเอนกายไปด้านหน้า ก้นกลม ๆ ที่กลิ้งไปกลิ้งมาหลบอยู่ใต้ผ้าห่มที่อยู่ข้างหน้าแสดงให้ถึงการกระเด้งและเสน่ห์ที่น่าทึ่ง

สวีเอ้าเสวี่ยก้มโค้งไปข้างหลังอย่างเงียบ ๆ ทำให้ตำแหน่งที่นูนขึ้นมาเห็นได้โดดเด่นยิ่งขึ้น

สิ่งที่ท่านอาจารย์หลี่สอนไม่มีผิดจริง ๆ ด้วย เพียงแต่ถ้าหากท่านอาจารย์หลี่รู้ว่าลูกศิษย์ของตนเองนำสิ่งที่เธอสอนไปใช่กับผู้หญิงคนอื่น ที่แน่นอนมากกว่าครึ่งเธอจะรู้สึกหึงหวงและโกรธมาก

ครั้งที่สองสุกงอมอย่างเห็นได้ชัดเพราะว่าทั้งสองต่างคุ้นเคยกับร่างกายของซึ่งกันและกันเป็นอย่างดี พวกเขาเข้ากันได้เป็นอย่างดีจนไม่ต้องพูดมากอะไร

ฉีเติ่งเสียนยืนยันความคิดตัวเองอีกครั้ง สวีเอ้าเสวี่ยผิวสวยและขายาวมากจริง ๆ

“พอแล้ว ฉันเหนื่อยแล้ว อยากพักผ่อนแล้ว !” ความเงียบของคืนนี้ช่างยาวนาน แต่สุดท้ายสวีเอ้าเสวี่ยก็ทำลายความเงียบนี้ลง

ทั้งสองคนคิดเหมือนกันโดยมิได้นัดหมายว่าคืนนี้ทั้งสนุกสนานและมีช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมมาก ซึ่งถือเป็นมติมหาชนที่หายาก

เช้าวันที่สองฉีเติ่งเสียนได้ลืมตาขึ้นเห็นสวีเอ้าเสวี่ยยืนอยู่ที่ระเบียง สายลมยามเช้าพัดชุดนอนของเธอปลิวไสว ชุดกระโปรงทีเดิมทีทั้งหลวมทั้งนุ่มนวลนั้นพอดีกับรูปร่างที่โค้งเว้าและสง่างามของเธอ ทำให้ใจคนนั้นเต้นแรงตั้งแต่แรกเห็น

นอกระเบียงโรงแรมมีทะเลที่ไม่สิ้นสุด เธอจ้องมองไปที่ไกล ๆ และดูเหมือนว่าเธอพบว่ามันยากที่จะหลุดพ้นจากความสับสนที่ไม่ค่อยได้เห็น

“นี่สวีเอ้าเสวี่ยผมว่าคุณไม่ต้องเป็นสาวฮิปสเตอร์มากขนาดนั้นก็ได้ ตื่นเช้าขึ้นมาก็ยืนดูทะเลอยู่ที่ระเบียงงั้นเหรอ ดูผมมันไม่ดีเหรอครับ หน้าตาผมนี่เป็นที่หนึ่งในเรือนจำโยวตูเลยนะ” ฉีเติ่งเสียนถาม เขาได้แสดงความไร้ยางอายของตนเองอย่างเต็มที่

สวีเอ้าเสวี่ยหันหน้ามายิ้มให้ รอยยิ้มเช่นนี้ หลังจากที่อยู่จงไห่แทบจะไม่ค่อยได้ปรากฏบนใบหน้าของเธอเลย

“ล่ามของอาฉีเขาเคยบอกว่า เขาเป็นหนุ่มที่หล่อที่สุดในเรือนจำโยวตู” สวีเอ้าเสวี่ยกล่าว “ คำพูดของคุณมันดูไร้ยางอายนิดหน่อย”

ฉีเติ่งเสียนหยักไหล่กล่าวว่า เอาเถอะ ตอนนี้กำปั้นไอ้บ้าฉีหนักกว่าเขาเมื่อก่อนมาก เขาทำได้แค่อดทน ถึงตอนนี้จะพูดได้ไม่เต็มปาก แต่ว่าเขาก็ไม่ได้สนใจที่จะไปต่อสู้กับตำแหน่งหัวหน้าใหญ่ของทุกคนหรอก

ฉีเติ่งเสียนกล่าวว่า “คุณคิดดีแล้วหรือยังครับ” จะทำเรื่องที่หนานหยางต่อไปหรือว่ากลับไปที่เมืองหลวงงั้นเหรอ

สวีเอ้าเสวี่ยพยักหน้าเล็กน้อยแล้วตอบว่า “ตอนนี้ฉันไม่ได้คิดอะไรเลย ฉันเหนื่อยมาก อยากพักผ่อนสักหน่อย รอให้ผ่านช่วงนี้ไปได้ก่อน ค่อยว่ากันเถอะนะ!”

“ฮิปสเตอร์นี่สมควรตายจริง ๆ !”

ฉีเติ่งเสียนแอบคิดในใจว่าอยากสั่งสอนสวีเอ้าเสวี่ยสักหน่อย ดูสิว่าเธอยังจะเหมือนผู้ปลงตกและลมแผ่วเบาแบบเมื่อก่อนนั่นไหม

แต่ว่าเขาก็รู้ดีว่านี่อาจจะไม่มีประโยชน์อะไร ดูเหมือนว่าท่าทีของเธอต้องการเดินออกไป บางทีอาจจะกลับมา หรือบางทีก็อาจจะไม่กลับมา

สวีเอ้าเสวี่ยได้เข้าร่วมการทำงานที่จะสร้างหนานหยางขึ้นมาใหม่เป็นลำดับต่อไป เธอถึงกับโยนรากฐานเหล่านั้นที่อยู่ในมือของเธอด้วยตัวเองมอบให้กับฉีเติ่งเสียนเขาจัดการ

“รอให้จัดการเรื่องของหนานหยางที่นี่เสร็จเรียบร้อยแล้ว สู้ที่จะตามผมไปนครรัฐวาติกันด้วยกันจะดีกว่า บางทีบรรยากาศที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยพระพุทธศาสนา อาจจะสามารถทำให้ความยุ่งเหยิงในใจของคุณทุเลาลงได้” ฉีเติ่งเสียนพูดกับสวีเอ้าเสวี่ยเช่นนี้

ศาสนาอาบาถูกกำจัดให้สิ้นซากที่หนานหยาง ในสายตาผู้คนที่นครรัฐวาติกัน หลังจากผู้นำทางศาสนาที่ลึกลับผู้นั้นถูกฉีเติ่งเสียนฆ่าตาย ศาสนาชั่วร้ายนี้ล่มสลายลงตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา และไม่ก่อให้เกิดภัยคุกคามอีกต่อไป

ด้วยเหตุนี้ฉีเติ่งเสียนจึงมีความดีความชอบเป็นอย่างยิ่ง พระสันตะปาปาได้ทรงเชิญให้เขากลับไปที่นครรัฐวาติกันเพื่อรายงานผลงานและได้พระราชทานรางวัลและให้เขาได้มีสิทธิ์เข้าร่วมในพิธีอันยิ่งใหญ่แห่งนครรัฐวาติกันแก่เขา

เมื่อสวีเอ้าเสวี่ยได้ฟังก็อดไม่ได้ที่จะครุ่นคิดเพียงครู่หนึ่ง เธอพยักหน้าอย่างครุ่นคิดแล้วกล่าว่า “ก็ดีเหมือนกันค่ะ ฉันอยู่ที่หนานหยางก็ไม่มีความหมายอะไร”

ในใจฉีเติ่งเสียนเกิดความรู้สึกไร้สาระ ความคิดของฮิปสเตอร์——

เธออยู่ใกล้แต่กลับเหมือนอยู่ไกล

ราวกับว่ารั้งตัวเธอไว้ไม่ได้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง