มังกรผู้ทรงพลัง นิยาย บท 1951

ซุนซิงเฉินเหลือบตามองอาจารย์สวี่กับฉีเติ่งเสียนอย่างคร่าวๆ แล้วสายตาก็วกกลับไปจ้องที่กู่ฉงเฟิง

ฉีเติ่งเสียนโดนเมินเข้าเต็มๆ จนอดรู้สึกหมดคำพูดไม่ได้ อย่างน้อยพี่คนนี้ก็เป็นคนที่อัดคลาร์กตายกับมือไหม? ขอความเคารพกันสักหน่อยได้ไหมล่ะ?

แต่ก็นั่นแหละ จังหวัดซีเทียนเป็นพื้นที่ไกลปืนเที่ยง ต่อให้ฆ่าคลาร์กไป ก็คงไม่มีใครสนใจนักหรอก

ซุนซิงเฉินยิ้มพลางพูดขึ้นว่า “ไม่ทราบว่ารองท่านนายน้อยกู่มาถึงจังหวัดซีเทียนคราวนี้ มีธุระอันใดหรือครับ? สมาคมพระจันทร์เต็มดวงของพวกคุณปกติไม่ค่อยจะโผล่มาให้เห็นกันบ่อยๆ แบบนี้ไม่เหมือนสไตล์ของสมาคมเลยนะครับ!”

กู่ฉงเฟิงตอบทันที “ก็แค่มาเดินเล่นดูนั่นดูนี่ มาดูว่ามีใครกล้าท้าทายอำนาจของสำนักหลงเหมินหรือเปล่า ถ้ามีล่ะก็ ก็คงต้องลงมือสั่งสอนเสียหน่อย”

คำพูดนี้ทำให้บรรยากาศรอบตัวตึงเครียดขึ้นในทันที ทุกคนรู้กันดีว่า ตระกูลซุนมีใจคิดเป็นกบฏมานานแล้ว ตั้งใจจะแยกสาขาสำนักหลงเหมินในจังหวัดซีเทียนออกไปเป็นอิสระ!

เพียงแต่ว่า ยังไม่มีใครกล้าฉีกหน้ากันโต่งๆ แค่นั้นเอง

เมื่อกู่ฉงเฟิงพูดออกมาแบบนี้ บรรยากาศก็ยิ่งตึงเครียดจนเหมือนจะมีประกายไฟแล่นในอากาศ

ฉีเติ่งเสียนได้แต่ยิ้มบางๆ ดูแล้ว กู่ฉงเฟิงไม่ใช่แค่ชอบวางท่าใส่เขาคนเดียว แต่ใครหน้าไหนมาก็ไม่เว้น แล้วแน่นอนว่า มีข้อยกเว้นหนึ่งเดียวเท่านั้นคือฉีปู้อวี่ ไม่มีใครกล้าแสร้งต่อหน้าเขาได้แน่

ซุนซิงเฉินชะงักไปเล็กน้อย “อ้อ! อย่างนี้นี่เอง! แล้วใครกันล่ะที่กล้าท้าทายอำนาจของสำนักหลงเหมิน?!”

กู่ฉงเฟิงยักไหล่ “ฉันก็ยังไม่รู้หรอกสิ ถึงได้ต้องมาดูเอง ถ้ารู้แล้วน่ะนะ ป่านนี้ฉันคงพากลุ่มยอดฝีมือจากสมาคมพระจันทร์เต็มดวงมาเป็นกองทัพแล้ว ไม่ปล่อยให้ใครบางคนกระโดดโลดเต้นอยู่แบบนี้หรอก จริงไหม?”

เหตุที่หลี่เหอถูยังไม่เรียกระดมยอดฝีมือจากแต่ละสาขามารวบกำลังปราบกบฏในจังหวัดซีเทียน ก็เพราะว่าที่นี่ตั้งอยู่บนที่ราบสูง ผู้ที่ไม่คุ้นกับสภาพอากาศอาจเกิดอาการแพ้ความสูงได้

หากต้องเสียยอดฝีมือไปเพราะปัญหาเรื่องอากาศ ก็เท่ากับเป็นการบั่นทอนกำลังหลักของสำนักหลงเหมินครั้งใหญ่ และแน่นอนว่าตระกูลจ้าวจะต้องฉวยโอกาสนี้เข้ามาแทรกแน่ๆ

หลี่เหอถูเพิ่งจะจัดระเบียบภายในสำนักหลงเหมินได้สำเร็จ ไล่คนของตระกูลจ้าวที่แฝงตัวอยู่ภายในออกไปจนหมด หากตอนนี้มีเรื่องวุ่นวายอีก การจัดระเบียบภายในใหม่อีกครั้งก็คงไม่ง่ายขนาดนั้นแล้ว

ภูมิประเทศที่เป็นต่อ ทำให้ตระกูลซุนไม่เกรงกลัวต่อกำลังของสำนักหลงเหมิน แถมยังมีตำหนักปู้หลุนหนุนหลัง! และอาจารย์เจียยางแห่งตำหนักปู้หลุนก็เป็นถึงคุณชายใหญ่ของตระกูลซุน!

“นายไม่รู้ แต่ฉันเหมือนจะรู้แล้วล่ะ!” ทันใดนั้น ซุนซิงเฉินก็ทำท่าตบมือราวกับนึกอะไรบางอย่างออก

เขาหันไปมองอาจารย์สวี่กับฉีเติ่งเสียน แล้วถอนหายใจเบาๆ “แต่จะว่าไป นายพามาแค่สองคนนี้ จะไปทำอะไรได้ล่ะ? ตัวประกอบชัดๆ!”

กู่ฉงเฟิงชะงักเล็กน้อย แล้วหันไปมองฉีเติ่งเสียนด้วยสายตาล้อเลียนนิดๆ

แน่นอนว่ามันคือการแซวฉีเติ่งเสียนโดนดูถูกซะเสียฟอร์มขนาดนี้ ดูไม่มีออร่าขนาดคนอย่างซุนซิงเฉินยังมองข้าม!

แต่ฉีเติ่งเสียนกลับยังคงสีหน้าเรียบเฉย แม้ในใจจะหงุดหงิดไม่น้อย แต่ก็ไม่แสดงออกให้เห็น พูดตามตรง เขาน่ะชินแล้ว! และเขาก็สนุกกับสถานการณ์แบบนี้ไม่น้อย เพราะถ้าคนอื่นไม่คิดว่าเขาอ่อนแอจนเหยียบได้ง่ายๆ เขาจะได้ใช้คาถาอวาดา เคดาวราได้ยังไงล่ะ?!

ทว่าตำแหน่งพระอัครสังฆราชของฉีเติ่งเสียน ที่ฟังดูยิ่งใหญ่ขนาดไหนก็ตาม พอมาอยู่ในเขตจังหวัดซีเทียน ก็ไม่ต่างอะไรกับกระดาษแผ่นหนึ่ง เพราะที่นี่ผู้คนส่วนใหญ่นับถือพุทธ ซึ่งเป็นนิกายภายใน การที่เขาเป็นตัวแทนจากศาสนาตะวันตกในดินแดนแบบนี้ มันจึงแทบไม่มีน้ำหนักเลยแม้แต่น้อย

บทที่ 1942 ตระกูลซุนแห่งซีเทียน 1

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง