มังกรผู้ทรงพลัง นิยาย บท 22

“ฮ่าฮ่าฮ่า เรื่องนี้ให้ผมจัดการเถอะครับ!”

เสียงของจังเซ่าเจี๋ยดังขึ้น พร้อมกับก้าวเท้าเข้ามาในบ้านเฉียวอย่างรวดเร็ว

พั่งซิ่วอวิ๋นเมื่อได้เห็นจังเซ่าเจี๋ย ก็ถามขึ้นอย่างตกใจ : “คุณชายจังมีวิธีเหรอ?”

จังเซ่าเจี๋ยพูดอย่างเรียบเฉยว่า : “ก่อนหน้านี้ ผู้อำนวยการซุนของธนาคารจงไห่ได้ปล่อยเงินกู้กับจังกรุ๊ปของพวกเรามา 2 พันล้าน”

“ซึ่ง 2 พันล้านนี้ เขาเป็นคนขอร้องให้คุณพ่อช่วยรับเงินกู้นี่ไว้ คุณพ่อเลยต้องตกลงรับไว้ครับ”

“แค่ผมเอ่ยปากพูดก็จัดการได้สบายๆอยู่แล้ว!”

ฉีเติ่งเสียนอยากจะหัวเราะออกมาเพราะตอนที่ซุนซิงจังคุยกับหวงเหวินหลั่งนั้น พวกเขาได้คุยกันถึงสภาพการเงินของจังกรุ๊ปในตอนนี้ว่ามีความเป็นไปได้สูงที่จะล้มละลายได้ตลอดเวลา

ซุนซิงจังได้ปฏิเสธการกู้เงินของจังกรุ๊ปมานานแล้ว แต่จังเซ่าเจี๋ยกลับพูดออกมาว่าซุนซิงจังนั้นเป็นคนขอร้องให้จังกรุ๊ปยอมรับเงินกู้นี้ไว้

ถ้าหากเป็นจังกรุ๊ปที่แข็งแกร่งเหมือนแต่ก่อนก็คงมีความหวัง แต่ตอนนี้นั้น………

ฉีเติ่งเสียนทำได้เพียงแค่ส่ายหัว

แต่สิ่งสําคัญคือตระกูลเฉียวยังคงเชื่อในคําพูดของจังเซ่าเจี๋ย ซึ่งทําให้เขาทําอะไรไม่ค่อยถูก

“เมิ่งเมิ่ง เธอทำงานให้สบายใจเถอะ ปัญหาเหล่านี้เดี๋ยวพี่จัดการให้เอง!” จังเซ่าเจี๋ยพูดด้วยรอยยิ้ม

“โอเค ขอบคุณพี่จังมากนะคะ !” เฉียวชิวเมิ่งพยักหน้า

จังเซ่าเจี๋ยยิ้มและคิดในใจว่า : “อีกสองวันฉันก็จะไปสหรัฐอเมริกาแล้ว ก่อนจะไปขอโกงอีกสักครั้งก็คงไม่เป็นไร……”

เฉียวกั๋วเทายังคงยึดมั่นที่จะให้ฉีเติ่งเสียนเข้ามาทำงานในเฉียวกรุ๊ปให้ได้ แต่ฉีเติ่งเสียนก็คอยจะหาข้ออ้างครั้งแล้วครั้งเล่า

“ถ้าอย่างนั้นนายก็ต้องหางานที่ทำให้ฉันพอใจให้ได้ ไม่อย่างนั้นฉันจะให้นายเข้ามาทำงานในเฉียวกรุ๊ป! นี่คือคำสั่ง!”

ในที่สุดเฉียวกั๋วเทาก็พูดขึ้นมาจริงจัง

“เอ่อ……รับทราบครับ!” ฉีเติ่งเสียนพยักหน้ารับอย่างช่วยไม่ได้ ในใจก็เริ่มครุ่นคิดถึงเรื่องนี้อยู่บ้างแล้ว

เขาไม่ได้อยู่รอทานอาหารมื้อเย็นที่บ้านเฉียว แต่เขารีบมุ่งตรงไปที่เซี่ยงกรุ๊ปทันที

สวีเอ้าเสวี่ยเตรียมพร้อมที่จะลงมือเล่นงานกับเซี่ยงกรุ๊ป แล้วยังมีอวี้เสี่ยวหลงคอยสนับสนุนอีกทาง ฉีเติ่งเสียนต้องทำตามสัญญาที่เคยให้ไว้กับเหล่าเซี่ยง และต้องการทำให้อวี้เสี่ยวหลงได้สติจากการที่เธอชอบปากดีสักที!

“ผมมาหาคุณเซี่ยง!” ฉีเติ่งเสียนเดินเข้ามาถึงแผนกต้อนรับของเซี่ยงกรุ๊ปและพูดอย่างตรงประเด็น

“คุณได้นัดไว้ไหมคะ?” พนักงานต้อนรับถามอย่างลังเล

ฉีเติ่งเสียนกล่าวว่า: “บอกเธอว่าเซี่ยงตงเหลยเป็นคนส่งผมมา เดี๋ยวเธอก็จะให้ผมเข้าพบ”

เมื่อหญิงสาวได้ยินชื่อ “เซี่ยงตงเหลย” และรู้ดีว่าชื่อนี้เป็นของคำห้ามของบริษัท เธอกลัวมากจนไม่กล้าตัดสินใจด้วยตัวเองจึงโทรไปรายงานกับด้านบน

ฉีเติ่งเสียนหันไปเห็นชายวัยกลางคนท่าทางตกอับในชุดสูทสีดําที่มีแต่รอยยับเดินเข้าไปในลิฟต์ จึงทำให้เขาขมวดคิ้วขึ้นมา

ในเวลาเดียวกันหญิงสาวที่แผนกต้อนรับก็วางสายโทรศัพท์ แล้วมองไปที่ฉีเติ่งเสียนอย่างทำตัวไม่ถูกและพูดว่า : “คุณเซี่ยงพูดว่า……”

“พูดว่าอะไร?” ฉีเติ่งเสียนถาม

“ให้คุณออกไปให้พ้นค่ะ” หญิงสาวที่แผนกต้อนรับพูดอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

ฉีเติ่งเสียนมีสีหน้าที่กลัดกลุ้ม แน่นอนว่าหลายปีที่ผ่านมานี้เซี่ยงตงฉิงก็ยังไม่เคยให้อภัยเหล่าเซี่ยงในสิ่งที่เขาได้ทำลงไปได้เลย

ถ้าตอนนั้นเหล่าเซี่ยงทำธุรกิจอย่างสุจริต ก็คงไม่ต้องไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งผิดกฎหมายแบบนั้น และตระกูลเซี่ยงก็คงไม่ต้องสูญเสียชีวิตไปมากมายขนาดนั้น

ฉีเติ่งเสียนใช้ช่วงเวลาที่ไม่มีใครสนใจรีบตรงไปที่บันได ถ้าไม่ใช่เพราะเซี่ยงตงฉิงกำลังตกอยู่ในอันตราย เขาก็คงไม่ใช้วิธีการนี้หรอก

เขาวิ่งขึ้นไปตามบันได สมรรถภาพทางกายของเขาน่าทึ่งมาก เพราะเขาวิ่งเร็วกว่าขึ้นลิฟต์เสียอีก!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง