เฉียวชิวเมิ่งพูดไม่ออกกับคำพูดเมื่อครู่ของฉีเติ่งเสียน เธอไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี ไม่คิดเลยว่าความกังวลของเธอจะมากเกินความจำเป็น
คนใหญ่คนโตอย่างบ็อกดานอฟจะเชื่อฟังคำแนะนำของฉีเติ่งเสียนเนี่ยนะ เหลือเชื่อจริงๆ...
หยางกวนกวนรู้สึกประดักประเดิดไม่น้อยขณะอยู่ในลิฟต์กันสามคน เพราะเมื่อครู่บ็อกดานอฟเข้าใจผิดว่าเธอเป็นภรรยาของฉีเติ่งเสียนและเฉียวชิวเมิ่งเป็นลูกน้องของฉีเติ่งเสียน
เรื่องแบบนี้มันน่าอึดอัดจริงๆ!
“ดูเหมือนว่าฉันคงกังวลเกินไปสินะ นายสุดยอดมาก” เฉียวชิวเมิ่งถอนหายใจกับฉีเติ่งเสียน
“ไม่เป็นไรหรอก คุณเจตนาดีนี่!” ฉีเติ่งเสียนยิ้ม
เขาถามอีกครั้งว่า “อ้อ จริงสิ โครงการล่าสุดของคุณผ่านไปด้วยดีหรือเปล่า ถ้าไม่ราบรื่นก็บอกผมนะ เดี๋ยวผมช่วยจัดการให้”
ยิ่งเขาพูดด้วยน้ำเสียงผ่อนคลายและสงบมากเท่าไร เฉียวชิวเมิ่งก็รู้สึกไม่สบายใจมากขึ้นเท่านั้น
เพราะเรื่องความรู้สึกมักจะซับซ้อนที่สุด
ยิ่งไม่ปล่อยวางจากใครสักคนก็ยิ่งทำให้เข้าหน้ากันไม่ติด คนที่พูดคุยและทักทายกันได้อย่างสบายๆ ส่วนใหญ่คือคนที่ปล่อยวางอดีตแล้ว
“ขอบคุณนะ ถ้าไม่ได้นายช่วยไว้ เฉียวกรุ๊ปคงพัฒนาไม่ได้ดีเท่านี้ ถ้านายมีเวลาว่างฉันขอเลี้ยงข้าวนายนะ!” เฉียวชิวเมิ่งกล่าว
“อืม ไม่มีปัญหา” ฉีเติ่งเสียนพยักหน้าด้วยสีหน้าสงบ
หลังจากออกจากลิฟต์ เฉียวชิวเมิ่งก็โบกมือลาทั้งสองโดยบอกว่ามีเรื่องสำคัญต้องไปทำ
ส่วนจะเป็นเรื่องสำคัญจริงหรือไม่ มีเพียงเธอเท่านั้นที่รู้
หยางกวนกวนพูดขึ้นว่า “ไม่คิดเลยว่าหลังจากหย่ากันแล้ว พวกคุณจะยังปฏิบัติต่อกันด้วยท่าทีสบายๆ แบบนี้ได้ นี่มันไม่ง่ายเลย”
ฉีเติ่งเสียนพูดว่า “เธอไม่ได้รู้สึกอะไรกับผม ผมอาจมีความรู้สึกบางอย่างกับเธอก็จริง แต่ส่วนใหญ่มันคือความรู้สึกขอบคุณ เพราะตอนที่ผมถูกไล่ออกจากเมืองหลวงในตอนนั้นก็เป็นครอบครัวของเธอที่รับผมไปเลี้ยงและเธอก็อยู่กับผมระยะหนึ่ง”
หยางกวนกวนกล่าวว่า “มันก็เหมือนแตงที่ฝืนเด็ดจากต้น ถ้าพวกนายเป็นเพื่อนกัน บางทีความสัมพันธ์อาจจะดีกว่านี้มาก อย่างน้อยก็คงไม่มีความรู้สึกที่คลุมเครือแบบนั้น”
“ถ้าเธอไม่โตมาสวยขนาดนี้ ผมก็คงคิดแบบนั้นได้” ฉีเติ่งเสียนตอบ
“อะไรนะ!” หยางกวนกวนตกใจและมองฉีเติ่งเสียนด้วยความงุนงง
ฉีเติ่งเสียนหัวเราะหึๆ ในลำคอและไม่ได้พูดอะไรต่อ คำพูดที่เขาบอกว่า “ผมต้องการทั้งหมด” เขาไม่ได้ล้อเล่นกับหลี่อวิ๋นหว่าน แต่นั่นเป็นคำพูดที่ออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ
หยางกวนกวนและเฉียวชิวเมิ่งต่างได้รับนามบัตรของบ็อกดานอฟกันทั้งคู่ แถมยังทิ้งช่องทางการติดต่อของกันและกันไว้ด้วย
เฉียวชิวเมิ่งไม่คิดไม่ฝันว่าเธอจะได้ข้องเกี่ยวกับผู้มีอิทธิพลแบบนี้ แต่เหตุผลที่ทำให้เขาจำเธอได้กลับทำให้เธอขมขื่นในใจ
ในทางกลับกัน หยางกวนกวนไม่ได้คิดอะไรซับซ้อนและรู้สึกตื่นเต้นมาก นับว่าเป็นโชคดีของเธอที่ได้สร้างสัมพันธ์ครั้งนี้!
“ตานี่เป็นคนลามก เป็นนายทุนหน้าเลือด เป็นคนฉวยโอกาส ฉวยโอกาสครั้งแล้วครั้งเล่า หลังจากนี้เธอต้องระวังตัวและอยู่ห่างๆ เขาไว้ซะ!” หยางกวนกวนเตือนตัวเอง
ฉีเติ่งเสียนไม่รู้เลยว่าคำพูดที่เขาไม่ได้คิดอะไรมากจะทำให้เลขาหยางนิยามตัวตนให้เขาใหม่อีกครั้ง
ขณะที่พวกเขากำลังเดินออกจากโรงแรม ฉีเติ่งเสียนและหยางกวนกวนก็พบกับสวีเอ้าเสวี่ย
เมื่อสวีเอ้าเสวี่ยเห็นฉีเติ่งเสียน เธอก็พูดอย่างมีความสุขว่า “อุ๊ย ข่าวไวดีนี่ รู้ว่าบ็อกดานอฟมาที่นี่เลยมาดึงให้เขาไปลงทุนเหรอ”
ฉีเติ่งเสียนมองเธอหัวจรดเท้า ปากก็ส่งเสียงจุ๊ๆ ก่อนจะเงียบไปครู่หนึ่ง
สวีเอ้าเสวี่ยพูดอย่างไม่พอใจ “มองแบบนั้นหมายความว่าไง”
“ดูขาคุณไง ไม่ได้เหรอ” ฉีเติ่งเสียนถามกลับ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง
ตั้งแต่ตอนที่ 217 ถ้าไม่อัพให้เต็มตอนก็คงต้องเลิกอ่านถาวรแล้ว...
อัพอีกวันไหนคะรับ...
ตอนละ6/7บรรทัด อัพใหม่ที...
ข้อความหายอีกแล้วครับ 280-284...
คนอัพไม่ดูเลยเหรอครับมันมาไม่กี่บรรทัดเอง...
ขาดตอนเลยครับ เนื้อหาไม่ครบแบบนี้...
ทำไมแต่ละตอนมันสั้นจัง...
253-264 ทำไมสั้นจังครับ...
ถ้าอัพมาแค่4, 5บรรทัดเลิกอัพเถอะ...
242 - 246 ข้อความขึ้นไม่ครบครับ...