เดิมทีหยางหลิงกวงอยากจะเชิญเซี่ยงตงฉิง แต่เซี่ยงตงฉิงก็ปฏิเสธและแสดงออกว่าไม่สนใจ
ดังนั้นเขาจึงต้องเปลี่ยนไปเลือกเฉียวชิวเมิ่งซึ่งเป็นตัวเลือกรองลงมา เพราะอย่างไรแล้วนายทุนสาวสวยที่เกิดในจังหวัดตงไห่ก็มีไม่มากนักและยิ่งเป็นคนดังๆ ก็ยิ่งมีน้อย
ฉู่ปิงเป็นดาราดังอยู่แล้ว รูปร่างหน้าตาก็โดดเด่นกว่าคนอื่น หลังจากขึ้นเวทีเธอก็ดูใจเย็นและสงบมาก
เฉียวชิวเมิ่งรู้ว่านี่เป็นโอกาสดีที่จะได้โชว์ท่วงท่าอันสง่างามของเธอ แน่นอนว่าเธอจึงไม่ปล่อยผ่านและเธอก็ทำผลงานได้ดีมาก
การกล่าวปราศรัยของสาวงามทั้งสองทำให้นายทุนทั้งหลายกระปรี้กระเปร่าและปรบมือให้ยกใหญ่
“เวลานี้ดิฉันขอประกาศว่าการประชุมผู้ลงทุนของจังหวัดตงไห่ได้สิ้นสุดลงอย่างเป็นทางการ!” ฉู่ปิงหยิบไมโครโฟนและพูดกับทุกคนด้วยรอยยิ้ม
ขณะที่เธอพูด จู่ๆ ม่านบนเวทีก็ส่งเสียงกึกก้องจนฉีเติ่งเสียนต้องเงยหน้าขึ้นมอง
“ระวัง ออกมาจากตรงนั้น!” ฉีเติ่งเสียนตะโกนใส่เฉียวชิวเมิ่ง
เฉียวชิวเมิ่งชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ก้าวเท้าไปด้านข้างสองก้าวโดยอัตโนมัติ เธอเองก็ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงเชื่อฟังขนาดนี้
ขณะที่เธอย่างเท้าก้าวที่สาม ม่านก็ไม่สามารถรับน้ำหนักได้และพังทลายลงมาทั้งหมดทำให้ทุกคนในที่นั้นกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว
“ตึง!”
ฉู่ปิงไม่ทันได้ตอบสนองและถูกม่านหล่นใส่อย่างจัง แล้วเธอก็สลบลงกับพื้นทันทีโดยไม่ทันแม้แต่จะกรีดร้อง
เฉียวชิวเมิ่งรู้สึกอกสั่นขวัญหาย โชคดีที่พอเธอได้ยินคำพูดเธอก็เขยิบออกมาด้านข้างสองสามก้าวทันที ไม่เช่นนั้นเมื่อม่านหล่นลงมา เธอก็คงหนีไม่ทัน!
คนจากหน่วยงานราชการท้องถิ่นตกตะลึงเมื่อเห็นฉากตรงหน้า พวกเขารีบเข้าไปขยับม่านอันหนักหน่วงเพื่อช่วยฉู่ปิงที่ติดอยู่ข้างใต้
ฉู่ปิงถูกนำตัวขึ้นรถพยาบาลอย่างรวดเร็วและส่งตัวไปยังโรงพยาบาลทันที
สีหน้าของหยางหลิงกวงแทบดูไม่ได้ เขาหาตัวผู้รับผิดชอบเรื่องฉากและด่าอีกฝ่ายจนแทบเงยหน้าขึ้นไม่ได้ และใบหน้าของเขาก็ดูทุกข์ใจมาก
“ขอบคุณนะ ถ้าเมื่อกี้นายไม่เตือนฉัน ฉันคงต้องไปโรงพยาบาลเหมือนเธอแล้ว” เฉียวชิวเมิ่งพูดกับฉีเติ่งเสียนด้วยความหวาดผวาที่ยังหลงเหลืออยู่และรู้สึกขอบคุณเขามากที่เตือนเธอ
“ไม่เป็นไร” ฉีเติ่งเสียนทำเพียงแค่ยิ้มรับโดยไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้มากนัก
เรื่องแบบนี้พูดได้แค่ว่าเป็นโชคร้ายของฉู่ปิง เธอซวยมาก เดิมทีมันควรเป็นแค่เรื่องการทำตัวเด่นดัง แต่กลับกลายเป็นเรื่องโชคร้ายเสียอย่างนั้น
แต่ฉีเติ่งเสียนไม่มีความเห็นอกเห็นใจต่อผู้หญิงคนนี้แม้แต่น้อย เพราะผู้หญิงคนนี้ทั้งร้ายกาจและอำมหิต แล้วเธอก็ยังเป็นโฆษกของสวี่กรุ๊ป ถึงเธอจะตายเขาก็ไม่อยากจะชายตามอง
หลังจากจบการประชุมทุกคนก็แยกย้าย
เซี่ยงตงฉิงบิดขี้เกียจก่อนจะหันมาพูดกับฉีเติ่งเสียน “คุณกับเลขาหยางมากับฉันสิ เชิญไปทานอาหารกันสักมื้อ ฉันให้คนเตรียมไว้แล้ว”
ฉีเติ่งเสียนตอบรับโดยไม่ลังเล แต่หยางกวนกวนกลับส่ายหน้า “ฉันอยากกลับไปพักผ่อนที่บ้าน ประธานฉีไปคนเดียวเถอะ”
ตอนนี้เธอเหนื่อยล้าทั้งกายทั้งใจ แถมหน้าเธอยังบวมอยู่เล็กน้อย เธอจึงไม่อยากปรากฏตัวให้คนอื่นเห็นอีก
“จากนี้ไปผมจะปกป้องคุณให้ดี จะไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก เลขาของผม ผมจะยอมให้คนอื่นมารังแกได้ยังไง” ฉีเติ่งเสียนตบบ่าหยางกวนกวนเพื่อปลอบโยนเธอ
“ฉันเป็นเลขาของคณะกรรมการ ไม่ใช่เลขาของนายคนเดียว!” หยางกวนกวนพูดเบาๆ อย่างทะนงตัว
อย่างไรก็ตาม คำพูดเมื่อครู่ของฉีเติ่งเสียนก็ทำให้เธอจั๊กจี้เล็กน้อย หรืออย่างน้อยก็ทำให้จิตใจของเธอรู้สึกถึงความแปรปรวนบางอย่าง
จะมีประโยคไหนที่ผู้ชายพูดกับผู้หญิงแล้วจะทำให้จั๊กจี้มากไปกว่าประโยคที่ว่า “จากนี้ไปผมจะปกป้องคุณเอง” อีกเหรอ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง
ตั้งแต่ตอนที่ 217 ถ้าไม่อัพให้เต็มตอนก็คงต้องเลิกอ่านถาวรแล้ว...
อัพอีกวันไหนคะรับ...
ตอนละ6/7บรรทัด อัพใหม่ที...
ข้อความหายอีกแล้วครับ 280-284...
คนอัพไม่ดูเลยเหรอครับมันมาไม่กี่บรรทัดเอง...
ขาดตอนเลยครับ เนื้อหาไม่ครบแบบนี้...
ทำไมแต่ละตอนมันสั้นจัง...
253-264 ทำไมสั้นจังครับ...
ถ้าอัพมาแค่4, 5บรรทัดเลิกอัพเถอะ...
242 - 246 ข้อความขึ้นไม่ครบครับ...