มังกรผู้ทรงพลัง นิยาย บท 334

พูดอย่างจริงจัง นี่คือเดทแรกระหว่างฉีเติ่งเสียนกับเฉียวชิวเมิ่ง

ฉีเติ่งเสียนเองก็ไม่ได้มีความเห็นใดๆ การเดินช็อปปิ้งหรือการดูหนังนู่นนี่ก็ไม่น่าสนใจ ดังนั้นเขาจึงพาเธอไปซื้อของกินเล่นกับพรมหนึ่งผืนที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตแล้วจึงขับไปที่ชายหาด

ปูพรมลงบนหาดทราย นำของกินเล่นมาวาง เพลิดเพลินไปกับลมทะเลและแสงแดดอบอุ่นในยามบ่ายอันเงียบสงบ

“นายพัฒนาแล้ว” เฉียวชิวเมิ่งเอ่ยและอดยิ้มไม่ได้

“พัฒนาอะไร” ฉีเติ่งเสียนถามอย่างสงสัยเล็กน้อย

“มีครั้งหนึ่งตอนที่นายยังเด็ก นายพาฉันออกไปข้างนอกแต่ไม่รู้จะไปที่ไหน นายก็เลยเลือกสุสานวีรชน” เฉียวชิวเมิ่งอดหัวเราะไม่ได้

“แค่กๆๆ...” ฉีเติ่งเสียนไอแห้งๆ หลายที

นั่นมันไม่ใช่การเดินเกมที่ยอดเยี่ยม แต่เป็นการเดินเกมที่โง่มาก ตอนนี้คิดๆ ดูแล้วก็ยังรู้สึกกระดากอยู่เลย ก็ใครบ้างจะพาผู้หญิงออกไปเที่ยวที่สุสานวีรชน?

ดูเหมือนเรื่องนี้จะสร้างความประทับใจให้กับเฉียวชิวเมิ่งอย่างตราตรึง แต่นั่นก็ถือเป็นเรื่องปกติ ถึงอย่างไรมันก็เป็นการกระทำที่โง่เขลามากเกินกว่าที่คนปกติจะคิดได้

เฉียวชิวเมิ่งอาบแดดจนรู้สึกเอื่อยเฉื่อย เธอถือโอกาสถอดรองเท้าออก งอขาเข้ามาและโน้มตัวเข้าหาช้าๆ

ฉีเติ่งเสียนที่ตอนนี้เรียกได้ว่ามีอีคิวสูงแล้วย่อมไม่ต้องรอให้หญิงสาวเป็นฝ่ายเอ่ยปาก เขาเอื้อมมือไปโอบไหล่เธอและดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขนทันที

ขาอันเรียวยาวในถุงน่องสีเนื้อของเฉียวชิวเมิ่งอยู่ภายใต้แสงสะท้อนของดวงอาทิตย์ สว่างด้วยแสงอบอุ่น ราวกับอยากจะให้ฉีเติ่งเสียนลองดู ว่าขานี้มองดูแล้วรู้สึกสบายเหมือนกับการสัมผัสหรือไม่

“นายยังคิดจะกลับไปเมืองหลวงอยู่ใช่ไหม ฉันจำได้ นายเคยบอกว่าจะนำสิ่งที่สูญเสียไปทั้งหมดกลับคืนเป็นเท่าทวี” เฉียวชิวเมิ่งถามอย่างเกียจคร้าน

“ใช่ แต่ก่อนหน้านั้น ฉันจะต้องแข็งแกร่งขึ้นให้ได้ก่อน” ฉีเติ่งเสียนยิ้มน้อยๆ และเอื้อมมือไปป้องที่หน้าผากของเธอ กันไม่ให้แสงอาทิตย์ส่องกระทบดวงตา

ในตอนนั้นฉีปู้อวี่ดุดันโหดร้ายและมีลูกบ้ามากพอ แต่ถึงกระนั้นก็ยังเอาชนะพลังอำนาจนั้นไม่ได้ สุดท้ายก็จนมุม ทั้งตระกูลฉีต้องขับไล่สองพ่อลูกออกมา

ฉีเติ่งเสียนรู้สึกว่าเขาควรจะพยายามให้มากยิ่งกว่าพ่อของเขา ในเมื่อทุ่มเทขนาดนี้แล้ว เขาย่อมต้องแข็งแกร่งยิ่งกว่าพ่อ

บางทีอาจจะอีกไม่กี่ปี เขาอาจจะกลับไปที่เมืองหลวงอย่างสง่าผ่าเผย จากนั้นก็ทำให้พวกที่เคยกลั่นแกล้งพวกเขาชดใช้ในสิ่งที่สมควรได้รับ!

เฉียวชิวเมิ่งกล่าวว่า “มันคงอันตรายมากเลยใช่ไหม ตอนนั้นแม้แต่ตระกูลฉีก็ยังประนีประนอม”

ฉีเติ่งเสียนเพียงแต่บอกว่า “ไม่มีลูกคนไหนไม่ต้องการแม่ พวกนั้นบังคับให้เราต้องแยกจากกัน ดังนั้นฉันจึงตัดสินใจแล้วว่าจะต้องกลับไป!"

เฉียวชิวเมิ่งถอนหายใจเบาๆ อันที่จริงเธอรู้เรื่องของฉีเติ่งเสียนมามากพอสมควร ดังนั้นบางครั้งเธอจึงอดเห็นใจเขาไม่ได้

“หืม? ทำไมขาเธอถึงเปื้อนทรายเยอะขนาดนั้น มา เดี๋ยวช่วยปัดให้” ฉีเติ่งเสียนเอ่ยขึ้นอย่างฉับพลันและยื่นมือใหญ่ออกมาโดยอัตโนมัติ

โห... ต้นขาให้ความรู้สึกยืดหยุ่น ถุงน่องคุณภาพสูงเรียบเนียนและเป็นมิตรกับผิว การมองกับการสัมผัสแทบไม่แตกต่างอะไรกันเลย

ในขณะนั้น ฉีเติ่งเสียนได้ขจัดปัญหาที่รบกวนจิตใจของเขามานานนับศตวรรษตั้งแต่ตอนที่เฉียวชิวเมิ่งถอดรองเท้าและเอนกายลงมาแล้ว

เฉียวชิวเมิ่งกลอกตาเล็กน้อยอย่างอดไม่ได้ เธอจับมือของฉีเติ่งเสียนกดลงบนต้นขาของเธอ จากนั้นจึงขยับตัวขึ้นมาและจู่โจมที่ริมฝีปากของเขาอย่างรวดเร็ว

เฉียวชิวเมิ่งรุกเข้าหาอย่างกระตือรือร้นมากไปหน่อย ทำให้ฉีเติ่งเสียนถูกกดไว้จนแทบจะขาดอากาศหายใจ พลังปอดของเขามีไม่เพียงพอสำหรับการจูบงั้นหรือ?

“แค่กๆๆ การควบคุมของเธอแย่ลงหรือเปล่า” ฉีเติ่งเสียนสูดลมหายใจเข้าอย่างแรงและถามทั้งยังหอบหายใจ

“กลัวอะไร คนรักกันมาตั้งนาน!” เฉียวชิวเมิ่งเอ่ยออกมาอย่างห้าวหาญ ทว่าใบหน้ากลับแดงก่ำ

ฉีเติ่งเสียนยิ้มอย่างขมขื่น รักกันมาตั้งนาน แต่จนกระทั่งถึงเวลาหย่าร้าง ระหว่างทั้งสองต่างดูเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น...

ตรงกันข้าม การหย่าร้างทำให้มีบางอย่างไม่เหมือนเดิม มันทำให้คนเรารู้สึกอนาคตยังมีความหวังแม้ในยามทุกข์ เทพีแห่งโชคชะตาสาวแอ๊บแบ๊วมักจะชอบพูดตลกร้ายแบบนี้กับคนอื่นเสมอ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง