เมื่อได้ออกจากรีสอร์ทตงซานมา เฉียวชิวเมิ่งก็มีสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสุข
เธอรู้สึกว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนี้เหมือนเป็นการออกเดต เพราะเธอกับฉีเติ่งเสียนนั้นได้ทําสิ่งที่มีความหมายและน่าจดจำร่วมกัน
เธอยังเข้าใจหลังเหตุการณ์ก่อนหน้านี้อีกว่าทําไมฉีเติ่งเสียนถึงได้เอาแต่ต่อสู้คนเดียวมาโดยตลอด แทนที่จะเปิดเผยเรื่องนี้โดยตรง
ดูเหมือนว่าฉีเติ่งเสียนไม่เพียงแต่จะกล้าหาญเท่านั้น แต่ยังฉลาดมากอีกด้วย
ฉีเติ่งเสียนได้แจ้งกับหยางหลิงกวงไว้ก่อนแล้ว ซึ่งเหมือนเป็นการมีน้ำใจแก่หยางหลิงกวงเป็นอย่างมาก ในอนาคตปลัดคนนี้ต้องหาทางตอบแทนความมน้ำใจนี้แน่นอน
“มวตระกูลหลี่นั้นยังคงมีอิทธิพลอย่างมากในจังหวัดตงไห่ ถ้านายทำให้หลี่เทียนลั่วพิการ ฉันเกรงว่านายจะลำบากเข้าให้แลว” เฉียวชิวเมิ่งเตือนฉีเติ่งเสียนด้วยความกังวลบางอย่าง
“ศิลปะการต่อสู้มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ”
“หลี่เทียนลั่วเป็นคนเลว ผมสอนบทเรียนให้กับเขา มันคือรักษาความยุติธรรมในนามของสวรรค์และทําความสะอาดวงศ์ตระกูลในนามของบรรพบุรุษของพวกเขาด้วย!”
“ถ้าหลี่ฉางหงยังมีเป็นคนที่มีสติสัมปชัญญะอยู่ เขาควรมาขอบคุณแทนที่จะมาโกรธแค้นผม”
“แน่นอน ถ้าพวกเขาต้องการแก้แค้นผม ผมก็ไม่มีอะไรที่ต้องกลัว”
ฉีเติ่งเสียนมีสีหน้าที่ผ่อนคลาย ทำเหมือนทุกอย่างเป็นเรื่องที่สามารถจัดการได้ง่ายๆ
เมื่อได้เห็นท่าทางที่ผ่อนคลายของฉีเติ่งเสียน เฉียวชิวเมิ่งก็สบายใจ เธอเชื่อว่าไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นก็ตามแต่ เขาก็สามารถจัดการรับมือกับทุกอย่างได้
เฉียวชิวเมิ่งพูด : “วันนี้ฉันได้ทําสิ่งที่มีความหมายมากจริงๆ ฉันจะคิดถึงมันไปตลอดชีวิต เพราะรู้สึกว่าฉันได้ทําสิ่งที่ยิ่งใหญ่”
ฉีเติ่งเสียนพูด : “มีหลายที่ที่แสงสว่างไม่สามารถส่องแสงไปถึง แต่เราสามารถเปลี่ยนเป็นแสงเพื่อส่องสว่างในความมืดได้”
ฉีเติ่งเสียนไม่ใช่สุภาพบุรุษที่ไม่มีข้อบกพร่องทางศีลธรรม แต่เนื่องจากเขามีสติสัมปชัญญะ เขาจึงแสวงหามโนธรรมที่ชัดเจนในทุกสิ่งที่เขาทํา
ถ้าเกิดเรื่องอยุติธรรมขึ้นมา ก็ควรจะยื่นมือเข้าไปช่วย ไม่อย่างนั้นที่ฝึกศิลปะการต่อสู้มาเป็นเวลาหลายปีมันก็จะสูญประโยชน์เสียเปล่า?”
“คุณอยากไปดื่มที่บาร์แสงราตรีกับผมไหม?” ฉีเติ่งเสียนถาม
“ไม่ไป!” เฉียวชิวเมิ่งส่ายหัวไม่หยุด เมื่อคิดถึงเรื่องนั้นเธอก็รู้เขินอายขึ้นมาทันที ไม่คิดอยากจะไปสถานที่แห่งนั้นอีก
ฉีเติ่งเสียนจึงได้พาเฉียวชิวเมิ่งไปส่งที่บ้านก่อน แล้วค่อยไปบาร์แสงราตรี
วันนี้บาร์แสงราตรีไม่ได้เปิดให้บุคคลภายนอกทั่วไปเข้า จึงทำให้คนที่ตั้งใจจะมาดื่มต่างก็พากันสงสัยเล็กน้อย
สองพี่น้องจางจิ้งและจางโหรวยืนรออยู่ที่หน้าประตูบาร์ ทันทีที่พวกเธอเห็นฉีเติ่งเสียนลงจากรถ พวกเธอก็รีบวิ่งเข้าไปต้อนรับ
“คุณฉี คุณมาแล้ว”จางจิ้งพูดอย่างสุภาพกับฉีเติ่งเสียน ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความเคารพและการเชื่อฟัง
จางโหรวซึ่งอยู่ข้างๆ ก็ทักทายเขาเช่นกัน แต่การแสดงออกของเธอนั้นไม่เหมือนกับจางจิ้ง เธอค่อยๆแลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปากของเธอ ซึ่งทำให้ริมฝีปากนั้นดูชุ่มฉ่ำอย่างมีเสน่ห์
ฉีเติ่งเสียนพยักหน้าอย่างไม่เป็นทางการซึ่งเป็นการแทนคําทักทาย และเมื่อเขามองไปที่จางโหรวก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะในใจ
เธอคงอยากจะทำให้เขาสนใจในตัวเธอ แต่เธอคงจะคิดตื้นๆเกินไป!
เมื่อจางโหรวเห็นว่าฉีเติ่งเสียนไม่สนใจเสน่ห์ของเธอ ในใจก็อดไม่ได้ที่จะดุด่าว่าเขา แต่ใบหน้าก็ยังแสดงออกมาอย่างชื่นชม
เพราะเขาคือผู้ชายที่เยี่ยเฟิงเคารพนับถือ
หลังจากเข้าไปในบาร์ ฉีเติ่งเสียนก็พบผู้คนจำนวนมาก
สายตาของพวกเขาหันไปมองที่ฉีเติ่งเสียน เพราะพวกเขาอยากรู้ว่าชายคนที่ทำให้จางจิ้งและจางโหรววิ่งไปรอต้อนรับที่หน้าประตูนั้นคือใคร
“รองหัวหน้าใหญ่ ในที่สุดก็มาจนได้!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง
ตั้งแต่ตอนที่ 217 ถ้าไม่อัพให้เต็มตอนก็คงต้องเลิกอ่านถาวรแล้ว...
อัพอีกวันไหนคะรับ...
ตอนละ6/7บรรทัด อัพใหม่ที...
ข้อความหายอีกแล้วครับ 280-284...
คนอัพไม่ดูเลยเหรอครับมันมาไม่กี่บรรทัดเอง...
ขาดตอนเลยครับ เนื้อหาไม่ครบแบบนี้...
ทำไมแต่ละตอนมันสั้นจัง...
253-264 ทำไมสั้นจังครับ...
ถ้าอัพมาแค่4, 5บรรทัดเลิกอัพเถอะ...
242 - 246 ข้อความขึ้นไม่ครบครับ...