หลังจากที่ฉีเติ่งเสียนกลับมาถึงเมืองจงไห่ เขาถึงได้รู้ว่าเซี่ยงตงฉิงขาดงานมาหลายวันแล้ว
หลังจากสอบถามดูจึงรู้ว่าอาฝูผู้เป็นพ่อบ้านของเซี่ยงตงฉิงล้มป่วย
อาจเรียกได้ว่าอาฝูคือญาติคนเดียวที่เหลืออยู่ของเซี่ยงตงฉิงในโลกนี้ แม้ว่าเธอจะมีญาติสายเลือดเดียวกันอยู่อีกไม่น้อย แต่พวกนั้นล้วนเป็นแค่หมาป่าที่จ้องมองแต่ทรัพย์สมบัติพัสถานของเซี่ยงกรุ๊ป
มีอาฝูเพียงคนเดียวที่จริงใจกับเซี่ยงตงฉิงและปฏิบัติต่อเธอเหมือนเธอเป็นลูกสาว
ฉีเติ่งเสียนนำของบำรุงร่างกายไปเยี่ยมถึงที่ เมื่อเห็นฉีเติ่งเสียน เซี่ยงตงฉิงก็เอ่ยด้วยใบหน้าที่เย็นชาว่า “คุณมาทำไม”
ฉีเติ่งเสียนบอกว่า “หมดประโยชน์แล้วถีบหัวส่งงั้นเหรอ?! หลังๆ มานี้คุณทำให้สีหน้าของผมดูแย่ขึ้นเรื่อยๆ ผมไปทำอะไรให้คุณไม่พอใจหรือเปล่า”
เซี่ยงตงฉิงส่งเสียงฮึอย่างเย็นชาและบอกว่า “ถึงยังไงฉันก็ไม่ชอบหน้าคุณ รีบออกไปได้แล้ว!"
ฉีเติ่งเสียนขี้เกียจต่อล้อต่อเถียงกับผู้หญิงที่เข้าสู่วัยทองก่อนเวลาอันควรผู้นี้และถือวิสาสะเข้าไปหาอาฝู
สำหรับมหาเศรษฐีอย่างเซี่ยงตงฉิงย่อมมีแพทย์ส่วนตัวอยู่แล้วอย่างไม่ต้องสงสัย และในตอนนี้แพทย์ก็กำลังตรวจสภาพร่างกายให้อาฝู
“ผู้อาวุโสสุขภาพร่างกายแข็งแรง อายุยืนยาวอยู่ได้เป็นร้อยปี ไม่มีอะไรต้องห่วง” แพทย์ผู้เป็นชายวัยห้าสิบเอ่ยอย่างอ่อนโยน
แต่ฉีเติ่งเสียนกลับมองเขาอย่างจริงจังและถามว่า “คุณพูดจริงเหรอ”
หมอพยักหน้าโดยไม่พูดอะไร
เซี่ยงตงฉิงเอ่ยอย่างเย็นชาว่า “ฉีเติ่งเสียน คุณหมายความว่ายังไง คุณพูดอย่างกับอยากจะให้ลุงฝูไม่สบาย?!"
อาฝูรีบเอ่ยว่า “คุณหนู พูดอย่างนี้กับแขกได้ยังไงครับ ประธานฉีเองก็คงเป็นห่วงผมเหมือนกัน คุณหนูอย่าพูดจาเหลวไหลเลย”
นั่นเองเซี่ยงตงฉิงจึงยอมและไม่มองฉีเติ่งเสียนด้วยสีหน้าที่เย็นชาอีก
จนเมื่อเซี่ยงตงฉิงไปชงกาแฟให้ฉีเติ่งเสียน ฉีเติ่งเสียนจึงเอ่ยกับลุงฝูว่า “คุณขอให้หมอโกหก?”
สีหน้าของอาฝูชะงักค้าง เขาเอ่ยว่า “คุณมองออกด้วยหรือ”
“ฟังไงล่ะ! ประสาทหูของผมดีกว่าคนทั่วไปมาก สามารถฟังเสียงอวัยวะภายในที่ละเอียดอ่อนของคนที่สุขภาพดีและคนที่เจ็บป่วยได้อย่างชัดเจน อวัยวะของคุณมีปัญหาและไม่แข็งแรง” ฉีเติ่งเสียนเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“มะเร็ง” อาฝูถอนหายใจและกระซิบบอก
ฉีเติ่งเสียนพยักหน้า ไม่แปลกใจเลยที่อาฝูขอให้แพทย์ปิดบังอาการป่วยจากเซี่ยงตงฉิง ที่แท้มันก็ร้ายแรงขนาดนี้นี่เอง
ฉีเติ่งเสียนกล่าวว่า “ถึงอยากช่วยก็ช่วยอะไรไม่ได้ มะเร็งเป็นปัญหาที่ทางการแพทย์แก้ยากมาโดยตลอด”
“แต่ถึงยังไงเรื่องแบบนี้ก็ไม่มีทางปกปิดไว้ได้ตลอด”
“คุณคิดจะบอกเซี่ยงตงฉิงเมื่อไร?”
อาฝูส่ายหน้าและบอกว่า “ตอนนี้คุณหนูมีผมเป็นญาติเพียงคนเดียว ผมกลัวว่าถ้าบอกไป คุณหนูจะทนรับเรื่องราวที่กระทบกระเทือนขนาดนี้ไม่ได้ อย่างน้อยก็ขอให้เธอมีที่พึ่งใหม่เสียก่อน!"
ฉีเติ่งเสียนคิดว่าเรื่องนี้เป็นอะไรที่เลือนรางมาก ผู้หญิงอย่างเซี่ยงตงฉิงเป็นคนที่เข้มแข็งกล้าได้กล้าเสีย แม้ว่าตอนนี้เธอจะไม่ได้นึกถึงการเจริญเติบโตของเซี่ยงกรุ๊ปด้วยการยึดปณิธานอันแรงกล้าของพ่อแม่อย่างเมื่อก่อน แต่เธอก็ยึดมั่นในกิจการอย่างที่คนธรรมดาไม่อาจเทียบได้
นี่คือผู้หญิงแกร่งคนหนึ่งที่สามารถเทียบได้กับอวี้เสี่ยวหลง เรื่องประเภทรักๆ ใคร่ๆ ไม่เหมาะกับเธอเลยในตอนนี้
“ดังนั้นนะ ประธานฉี ผมหวังว่าต่อจากนี้ไปคุณจะดูแลช่วยเหลือคุณหนูได้” อาฝูมองเขาและเอ่ยด้วยแววตาที่อ่อนโยน
“ผมก็อยาก แต่ช่วงนี้เธอค่อนข้างขัดตากับผม” ฉีเติ่งเสียนเอ่ยด้วยรอยยิ้มที่จนปัญญา
อาฝูอดหัวเราะไม่ได้ เขาบอกว่า “คุณหนูเป็นคนเย็นชา ใครที่ทำให้คุณหนูรู้สึกขัดตาได้ย่อมมีสถานะพิเศษในใจเธอ ผมว่าพวกคุณสองคนเป็นคู่กันได้เลย”
ฉีเติ่งเสียนสะดุ้งและรู้สึกหวาดกลัวนิดหน่อย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง
ตั้งแต่ตอนที่ 217 ถ้าไม่อัพให้เต็มตอนก็คงต้องเลิกอ่านถาวรแล้ว...
อัพอีกวันไหนคะรับ...
ตอนละ6/7บรรทัด อัพใหม่ที...
ข้อความหายอีกแล้วครับ 280-284...
คนอัพไม่ดูเลยเหรอครับมันมาไม่กี่บรรทัดเอง...
ขาดตอนเลยครับ เนื้อหาไม่ครบแบบนี้...
ทำไมแต่ละตอนมันสั้นจัง...
253-264 ทำไมสั้นจังครับ...
ถ้าอัพมาแค่4, 5บรรทัดเลิกอัพเถอะ...
242 - 246 ข้อความขึ้นไม่ครบครับ...