มังกรผู้ทรงพลัง นิยาย บท 648

ไป๋หลิ่วมีความคิดที่จะทำให้พละกำลังของฉีเติ่งเสียนหมดไปให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะเธอรู้ดีว่าเธอไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา

แค่การเปลี่ยนแปลงของเทคนิคมวยและการเปลี่ยนสภาวะของพลังก็อยู่ในระดับที่สูงกว่าเธอแล้ว

หากวิทยายุทธ์เหนือกว่า นั่นก็หมายความว่าคุณอยู่เหนือท้องฟ้า!

หลังจากที่ร่างของเธอกระเด็นออกมา ไป๋หลิ่วก็สูญเสียจุดศูนย์ถ่วงของและเท้าของเธอก็ลื่นไถล เลื่อนครืดๆ ไปด้านหลังราวกับเหยียบอยู่บนสเกตน้ำแข็ง

ย่างก้าวของฉีเติ่งเสียนเป็นเส้นตรง เท้าหน้าก้าวออกไปและเท้าหลังของเขาก็วางลงตรงจุดที่เท้าหน้าเคยอยู่ แต่ความเร็วนั้นว่องไวอย่างไม่น่าเชื่อ

ฝีเท้าของเขาดูเหมือนฝีเท้าของสัตว์วงศ์เสือและแมว

เมื่อสัตว์วงศ์เสือและแมวลงมือ มันจะก้าวออกมาด้วยขาหลังและร่อนลงตรงจุดที่เท้าหน้าของมันเพิ่งก้าวออกไป เสือชีตาห์ที่กำลังห้อตะบึงก็เป็นแบบนี้เช่นกัน

“ท่าเท้าแปดทิศไม่ได้เดินเป็นเส้นโค้ง แต่เดินตรงงั้นเหรอ ชายคนนี้เอาแต่ใจจริงๆ!” หัวใจของไป๋หลิ่วสั่นสะท้าน เธอยกแขนขึ้นกลายเป็นบ่อน้ำเก่าทรงสี่เหลี่ยมมาขวางตรงหน้าเขา

ฉีเติ่งเสียนผลักฝ่ามือทั้งสองออกมาปะทะเข้ากับแขนของคู่ต่อสู้ แต่แขนของฝ่ายนั้นอ่อนยวบด้วยเคล็ดสี่ตำลึงปาดพันชั่ง ที่ค่อยๆ ปล่อยพลังเบาๆ และถอยหลังต่อไป

สีหน้าของหยางกวนกวนเคร่งเครียดขึ้น เธอพูดว่า “ไป๋หลิ่วผู้นี้คิดจะทำให้เขาหมดพลังเพื่อให้ครูผู้ฝึกทั้งสามที่อยู่ข้างหลังจัดการใช่ไหม”

หลงย่าหนานเองก็มองออกว่ามีบางอย่างผิดปกติ มวยไท่เก๊กเป็นวิชามวยที่ใช้เพียงพลังอ่อนๆ ไม่ถึงกับทำให้ผู้อื่นบาดเจ็บ ถึงแม้จะผลักให้กระเด็นก็ไม่ทำให้บาดเจ็บอะไรนัก

เวลาสู้กับคนอื่นมักจะมีพลังหมัดที่รุนแรงมากระเบิดออกมาอย่างกะทันหัน เช่น หมัดห้าดาว หมัดเจ็ดดาว หัตถ์แส้ ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นการรวบรวมความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นในเวลานั้น แล้วระเบิดออกไปเต็มกำลัง!

หากอยากฝึกมวยไท่เก๊กให้เก่งกาจต้องฝึกความแข็งแกร่งให้ทั่วถึง ไม่เช่นนั้น ถ้าหวังแค่จะใช้ความนุ่มนวลพิชิตความแข็งแกร่งเพียงอย่างเดียวก็คงทำให้ตัวเองตายไม่ช้าก็เร็ว

ฉีเติ่งเสียนดันฝ่ามือออกไปอีกครั้ง ส่วนไป๋หลิ่วหันแขนออกจากลำตัว กระแทกแขนของเขาก่อนจะเปลี่ยนทิศทางอีกครั้ง

“หลังจากนี้ต้องสู้กับเยี่ยเฟยหลิวอีก คนเลวพวกนี้คงไม่ให้เวลาเขาพักหายใจ หากเป็นแบบนี้ต่อไป สถานการณ์ได้แย่แน่!” หลงย่าหนานอกสั่นขวัญแขวนและมีสีหน้าเป็นกังวล

แน่นอนว่าฉีเติ่งเสียนเองก็มองออกว่าไป๋หลิ่วไม่ได้คิดจะใช้ไม้แข็งตอบโต้เขา แต่เธอจงใจชักนำและหวังให้เขาใช้พละกำลังออกไปให้มากเข้าไว้

แต่ในเมื่อเขาเป็นคนที่เขียน “หนังสือการสู้รบจริง” ให้หยางกวนกวนศึกษาได้ นั่นก็แปลว่าเขาเป็นคนผู้มีประสบการณ์การต่อสู้มากมาย

ในตอนที่ไป๋หลิ่วผลักแขนของเขาอีกครั้ง เธอก็อาศัยจังหวะดีดตัวออกไป ฉีเติ่งเสียนลืมตา ปากก็ส่งเสียงทอดถอนใจ เขาก้าวเท้าติดต่อกันดังตึงตึงตึงและตามไป๋หลิ่วไปในทันที!

“เร็วมาก!”

ไป๋หลิ่วตกใจมาก เธอคิดในใจว่า “นี่มันท่าเท้าอะไรกัน นี่ไม่ใช่ท่าเท้าแปดทิศ!”

ทันทีที่มาอยู่ตรงหน้าไป๋หลิ่ว ฉีเติ่งเสียนก็ยกมือจิ้มตา!

ไป๋หลิ่วหดคอและดึงศีรษะไปด้านหลัง นิ้วทั้งสองจึงเคลื่อนผ่านเปลือกตาของเธอ พร้อมกับลมที่ทิ่มแทงตาอย่างรุนแรงราวกับถูกมีดฟัน!

ก่อนที่เธอจะได้ถอยหนี ฉีเติ่งเสียนก็ย่อตัวลง ประสานนิ้วทั้งสองเข้าด้วยกันและโจมตีของสงวนของเธอด้วย“ท่างูพิษสำรวจถ้ำ”!

“ไอ้คนต่ำช้ำ จงใจใช้วิธีต่อสู้ที่เหยียดหยามกันขนาดนี้เพื่อให้ฉันโกรธและอยากให้ฉันใช้ไม้แข็งกับนายสินะ!” ไป๋หลิ่วคิดในใจและแสยะยิ้ม

การใช้วิธีต่อสู้อย่าง “ท่างูพิษสำรวจถ้ำ” สำหรับผู้หญิงแล้วมันเป็นการไม่เคารพกันอย่างยิ่ง

สำหรับบุคคลระดับปรมาจารย์อย่างฉีเติ่งเสียน การใช้กระบวนท่านี้ต่อหน้าธารกำนัล อาจพูดได้ว่าเป็นเรื่องน่าอายเล็กน้อย

แต่ไป๋หลิ่วได้ดำเนินความคิดที่จะทำให้พลังเขาหมดไปจนถึงที่สุด ไม่วอกแวกแม้แต่น้อย เธอแทงเข่าไปด้านหน้า กระแทกนิ้วของคู่ต่อสู้ออก สะบัดนิ้วเท้า หมายจะเตะเข้าที่คางของอีกฝ่าย!

แต่ในตอนนั้นเอง ร่างของฉีเติ่งเสียนก็เด้งขึ้น เขายกร่างของเขาขึ้นด้วย “ท่ามังกรทะลุฟ้า” ในขณะที่หลบลูกเตะ นิ้วสองนิ้วก็ปรากฏตรงหน้าไป๋หลิ่วและชี้ไปตรงตา!

“เป็นการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วมาก! ร่างมังกรและงูของชายผู้นี้บรรลุขั้นสูงสุดแล้ว” หัวใจของไป๋หลิ่วชาวาบด้วยความหนาวเหน็บ เธอขยับเท้าบนพื้น ใช้นิ้วเท้าขุดลงไปและดีดตัวเองไปข้างหลังอีกครั้ง...

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง