มังกรผู้ทรงพลัง นิยาย บท 658

สรุปบท บทที่ 658 ที่ไหนมีสาวหวาน: มังกรผู้ทรงพลัง

สรุปเนื้อหา บทที่ 658 ที่ไหนมีสาวหวาน – มังกรผู้ทรงพลัง โดย จาง หลงหู

บท บทที่ 658 ที่ไหนมีสาวหวาน ของ มังกรผู้ทรงพลัง ในหมวดนิยายนิยายโรแมนติกในเมือง เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย จาง หลงหู อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

หยางกวนกวนพูดถึงการต่อสู้ในเมื่อวานนี้ เธอก็หน้าบานเป็นกระด้ง เริ่มพูดเยอะขึ้นทันทีฃ

ฉีเติ่งเสียนและหยางกวนกวนกินมื้อดึกและดื่มเบียร์ไปด้วย และวิเคราะห์การต่อสู้ในเมื่อวานนี้อย่างจริงจังไปด้วย

ระหว่างพูดคุยกัน หยางกวนกวนรู้สึกว่าเธอได้รับประโยชน์และความรู้มากมาย หลายอย่างที่คิดไม่ออก กลับรู็สึกคิดได้ในทันที

จากนั้น ฉีเติ่งเสียนก็ให้เธอด้นสดว่าจะเขียน《หนังสือการสู้รบจริง》อย่างไร และทำการแก้ไขในเรื่องที่เธออธิบายปัญหาได้ทันเวลา

หยางกวนกวนรู้สึกว่าความรู้สึกแบบนี้นั้นดีมาก ประเด็นหัวข้อที่คุยกัน ก็ได้ส่งเสริมความรู้สึกของทั้งสองคนเรื่อยๆ

เรื่องศิลปะการต่อสู้ ทําให้หยางกวนกวนได้พัฒนาตัวเองและเปลี่ยนแปลงตัวเอง ยิ่งทําให้เธอรับรู้ความรู้สึกของตัวเองอย่างชัดเจน เพราะเธอรู้สึกว่าการพูดคุยเรื่องศิลปะการต่อสู้กับฉีเติ่งเสียน เป็นเรื่องที่ดีมากๆเลย

ปกติคู่รักทั่วไปอาจส่งเสริมความรักด้วยการช็อปปิ้ง ดูหนัง เล่นเกม อื่นๆด้วยกัน แต่เธอและฉีเติ่งเสียนกลับผ่านการแลกเปลี่ยนศิลปะการต่อสู้ ความรู้สึกแบบนี้มันน่าทึ่งจริงๆ

อย่างที่เธอเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ มีความรู้สึกเหมือนเอี้ยก้วยเจ้าอินทรีแบบนั้นเลย

"พลังงูเหลือมพ่นตานที่ระเบิดออกมาครั้งสุดท้ายของคุณ น่ากลัวจริงๆนะ แต่ก็ต้องขอบคุณในความอวดดีของเยี่ยเฟยหลิว ไม่งั้นคุณอาจไม่ชนะก็ได้" หยางกวนกวนสรุป

"ทั้งอยากเป็นโสเภณี ทั้งอยากสร้างซุ้มอนุสาวรีย์(อยากทำทั้งดีทั้งชั่วในคราวเดียวกัน)ก็ต้องจบลงแบบนี้แหละ เขากลัวว่าคนอื่นจะพูดว่าที่ชนะฉันได้เพราะหลายคนรุ่มหนึ่ง ไม่ได้ชนะแบบยุติธรรม เลยทิ้งอาวุธและเอาชนะฉัน อย่างน้อยก็รู้สึกมีเกียรติบ้าง"

"เป็นถึงคนใจกล้าซะขนาดนั้นบทที่ ชื่อเสียงโด่งดังขนาดนี้ ถือปืนใหญ่ชนะแบบหลายคนรุมหนึ่ง นี่มันอะไรกัน?"

"มีคนมากมายที่ต้องทนทุกข์ทรมานกับเรื่องชื่อเสียง!"

ฉีเติ่งเสียนกินไตแกะย่าง กัดไปคำหนึ่ง น้ํามันเยิ้มออกมา และคิดใจในใจว่า "คืนนี้พี่จะเป็นไง ขึ้นอยู่กับแกแล้วนะ!"

หยางกวนกวนพูดว่า "ว่าแต่ คุณใช้พลังงูเหลือมพ่นตาน หัวใจก็ได้รับผลกระทบอย่างมาก คงต้องพักฟื้นนานเลยใช่ไหม?"

ฉีเติ่งเสียนพูดๆว่า "แน่นอนว่าฉันเจ็บหนักกว่าเธอ แต่สมรรถภาพทางร่างกายของฉันก็แข็งแกร่งกว่าของเธออยู่แล้ว และความเร็วในการฟื้นตัวจะเร็วกว่าเธอเป็นปกติ"

เยี่ยเฟยหลิวเล่นปืนใหญ่เลยนะ ถ้าแรงไม่เยอะหน่อย จะยกปืนกระบอกใหญ่ที่ยาวสองเมตร และน้ำหนักกว่าสามสิบกิโลกรัมได้ไงล่ะ?

แต่เขาก็ถูกฉีเติ่งเสียนต่อยจนลอยออกไป ฟันร่วงทั้งปาก แค่คิดก็รู้แล้วว่า พลังของหมัดนั้นน่ากลัวแค่ไหน แค่หมัดเดียวก็ทําลายทุกอย่างแล้ว

ข้าวมื้อนี้กินได้อย่างมีความสุขมาก แน่นอนว่าก็ได้คุยกันอย่างสนุกสนาน และดื่มเบียร์หมดไปหนึ่งลังกว่าโดยไม่รู้ตัว

หยางกวนกวนลุกขึ้นถึงได้พบว่าตัวเองมึนมาก

พอดูเวลาสิ ก็เที่ยงคืนแล้ว!

เมืองโมตูยังหนาวอยู่นิดหน่อย พอลมพัดมา หนาวทะลุกระดูกไปเลย

เห็นหยางกวนกวนตัวสั่น ฉีเติ่งเสียนก็ถอดเสื้อโค้ทของตัวเองมาคุมให้เธอ และรวดกอดไว้ในอ้อมแขนแล้วพูดว่า "เมืองโมตูนี่ก็หนาวไปนะ เพราะอยู่ติดทะเลด้วย ชื้นมาก"

หยางกวนกวนตอบเสียงเบา เดินตามฉีเติ่งเสียนไปเหมือนรู้ตัวและไม่ได้ถามว่าไปไหนด้วยนะ

แอลกอฮอล์นี้ก็มีประโยชน์อยู่นะ กระตุ้นให้มีความกล้า และยังกระตุ้นอารมณ์บางอย่างได้ด้วย

ไตแกะย่างห้าไม้ที่ฉีเติ่งเสียนกินก็ยังพอช่วยได้บ้าง อีกอย่างวันนี้หยางกวนกวนก็ไม่ได้ขอให้ปิดไฟด้วย

เขารู้สึกว่าฝ่ามือบากัวที่ตัวเองซ้อมมาหลายปีไม่ได้ฝึกไปเสียเปล่า

คลื่นโหมกระหน่ำนั้น ไม่ใช่คนธรรมดาที่จะสามารถควบคุมได้

ยังดีที่เขาชื่อฉีเติ่งเสียน จะเป็นคนธรรมดาได้ไงกันล่ะ?

"เลขาหยางจะไปไหนเนี่ย นอนกับเจ้านายอีกสักพักสิ!" วันรุ่งขึ้น ฉีเติ่งเสียนตกใจตื่นเพราะหยางกวนกวนทำตัวหลบๆซ่อนๆจะลุกขึ้น เขายื่นมือจับเธอไว้และลากกลับมา

"ไปซ้อมนะสิ ไม่ได้ฝึกมาสองวันแล้ว!" หยางกวนกวนพูดอย่างจริงจัง "เรื่องแบบนี้มันต้องขยันพยายามถึงจะก้าวหน้า ฉันกําลังอยู่ในช่วงพัฒนา ล่าช้าไม่ได้เด็ดขาด!"

"ไม่ คุณมันเป็นเฒ่าคนโง่" หยางกวนกวนตอบอย่างไร้ความปราณี จากนั้นก็ขยับกระดูกสะบัก เหวี่ยงแขนขึ้น ทำท่าเปียนโส่วสามที เสียงดังเปรี๊ยะๆเลย

ฉีเติ่งเสียนมองท่าเปียนโส่วสามทีนี้ รู้สึกว่าเหมือนเธอกําลังตบหน้าใครอยู่? ไม่มีเหตุผล รู้สึกแค่หน้าเย็นหวิวๆ

แน่นอนว่าวันนี้ไม่มีเหตุผลที่จะนอนอยู่โรงแรมอีกต่อไป อีกอย่างความสัมพันธ์ดําเนินมาถึงขั้นนี้แล้ว ก็ต้องกอบกู้สักหน่อย

ฉีเติ่งเสียนให้หยางกวนกวนเป็นมัคคุเทศก์พาตัวเองไปเดินเที่ยวในเมืองโมตู ไปมาหลายสถานที่ ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก ซื้อของที่ระลึกสักหน่อย นานๆทีแซวเธอสักสองสามประโยค ทําให้เลขาหยางรู้สึกชื่นใจจริงๆ

ยังไงแล้วช่วงนี้ฉีเติ่งเสียนขี้เกียจไปคิดอะไรเยอะ กอดเลขานุการหยางที่นุ่มนิ่มนั้นชื่นใจกว่าเยอะ

"เฮ้ย คนอีคิวต่ำ เพื่อนคนนั้นของนายได้หรือยัง" ฉีเติ่งเสียนรับโทรศัพท์จากเฉินหยู พอเอ่ยปากก็พูดเยาะเย้ยอย่างแรง

"เพื่อนฉันเก่งอยู่แล้ว แน่นอนว่าต้องได้แล้วสิ" ฉีเติ่งเสียนพูดอย่างจริงจัง

เฉินหยูประหลาดใจและพูดว่า "เอ๊ะ แปลกจริงๆอีคิวต่ำแบบนั้นยังได้ ผู้ชายที่ดีในโลกดูเหมือนจะตายไปหมดแล้วนะ"

ฉีเติ่งเสียนหน้าตึงและพูดว่า "ห้ามดูถูกเพื่อนของฉันแบบนี้!"

เฉินหยูหัวเราะและพูดว่า "สวีเอ้าเสวี่ยได้รับช่วงต่อธุรกิจมากมายของตระกูลจ้าวในหนานหยางอย่างเป็นทางการแล้ว เมื่อวานยังจัดงานเลี้ยง เชิญคนดังหลายคนในหนานหยางมาร่วมงานด้วย แม้แต่ประธานาธิบดีก็อุปถัมภ์แล้วล่ะ"

ฉีเติ่งเสียนถอนหายใจว่า "จิตใจคนเปลี่ยนกันได้ ตระกูลเฉินของพวกคุณครองหนานหยางมานาน ไม่ใช่แค่ศัตรูพวกนั้นไม่ชอบพวกคุณ นี่ถ้าเป็นประเทศหัวกั๋วนะ พวกคุณก็ไม่ต่างอะไรจากตระกูลจ้าวเลย"

เฉินหยูก็พูดว่า "งั้นนายจะขจัดความสับสนวุ่นวายให้กลับเข้าสู่ภาวะปกติเหรอ?"

ฉีเติ่งเสียนพูดว่า "หนานหยางกับฉันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน พวกคุณจะทำอะไรที่หนานหยาง ไม่เกี่ยวกับฉันแม้แต่สตางค์เดียว"

ฉีเติ่งเสียนรู้สึกว่าตัวเองก็เป็นคนขัดแย้งเหมือนกัน ใจหนึ่งก็อยากจะร่วมมือกับพวกฟู่เฟิงหยุนเพื่อทำลายตระกูลจ้าว แต่ใจหนึ่งก็สนิทกับตระกูลเฉินที่ครองหนานหยาง ดูยังไงก็รู้สึกสองมาตรฐานเล็กน้อย

"น้องชายฉันเฉินเลี่ย ไม่ว่ายังไงขอให้นายช่วยเขาออกมาด้วย สถานการณ์ของตระกูลเฉินในตอนนี้ ค่อนข้างตึงเครียด ขาดเขาไปไม่ได้" จู่ๆเฉินหยูก็เปลี่ยนเรื่องและพูดอย่างจริงจัง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง